ระบบพี่เลี้ยงอสูรขั้นเทพ (神宠进c化系统) - ตอนที่ 547 : ผลกำไรครั้งใหญ่
ตอนที่ 547 : ผลกำไรครั้งใหญ่
เอไนน์หน้าแดงเล็กน้อยก่อนจะบอกกับหวังเย่า “นายท่าน ข้าจะช่วยนายท่านเก็บผลไม้อีก”
“แค่ก แค่ก…ก็ดี ” หวังเย่ากระแอมออกมาแล้วส่งยิ้มให้กับแฟนธอม
แฟนธอมเปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวแล้วรีบบินออกไปเพราะความเขินอาย
เมื่อมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งทั้งสองมาช่วย การเก็บผลไม้ก็เร็วขึ้นอย่างมาก
สมบัติที่ล้ำค่านี่แน่นอนว่ายิ่งได้เยอะยิ่งดี เขาเก็บผลไม้มากว่า 200 ผล จนสุดท้าย เอไนน์และแฟนธอมก็ได้หยุดมือแล้วลงมานอนพักที่กิ่งไม้
หวังเย่ามองผลไม้ที่เหลือกว่าครึ่งบนต้นและพูดขึ้น “เราคงหมดแรงก่อนจะเก็บหมดทั้งต้น”
เอไนน์และแฟนธอมต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย
หวังเย่าเอาผลไม้ออกมาจากแหวนมิติก่อนจะเปิดระบบเพื่อเลือกที่จะใช้งานมัน
“ยืนยันการใช้ผลสมองราชาภูติกับแฟนธอม ?”
“เตือน คุณสมบัติของผลไม้ไม่ได้ชัดเจนนัก แต่ค่าประสบการณ์ที่ให้ก็ยังมากอยู่ดี”
“ยืนยัน ! ”
ผลไม้หายไปจากมือทันทีพร้อมกับแสงที่ส่องออกมาจากตัวของแฟนธอม แต่ร่างกายเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร
“ค่าประสบการณ์ 99,999 ! ”
ผลไม้นี้ทำให้เอไนน์เพิ่มเลเวลจาก 5 ขึ้นมาเป็น 70 ค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นมานั้นหลายล้านหน่วย แต่สำหรับแฟนธอมแล้วมันแทบไม่ได้มากมายอะไรเลย
“ผลไม้นี่ส่งผลอย่างมากต่อสัตว์อสูรสายเลือดต่ำ แต่กลับส่งผลน้อยต่อสัตว์อสูรระดับสูงงั้นหรือ ? ”
หวังเย่าแปลกใจนิด ๆ เขามองไปที่ผลไม้อีกครั้งก่อนจะเปิดดูคำเตือนของมันอีกรอบ
“ผลไม้นี้กินได้วันละผล หากยังฝืนกินต่อจะทำให้ผลของมันลดลงครึ่งหนึ่ง ! ”
หวังเย่าเดาว่าคงอีกไม่นานที่ซิดดี้จะลงมอืกับเขา เขาต้องเพิ่มเลเวลแฟนธอมให้ถึง 90 โดยเร็วที่สุด
เมื่อเห็นค่าประสบการณ์ของแฟนธอม หวังเย่าก็พอเดาได้คร่าว ๆ ว่าต้องใช้ผลไม้นี่ 2 ผลต่อวัน หลังจากนี้อีก 30 วัน แฟนธอมถึงจะเลเวล 90 ได้ ตอนนั้นนอกจากอสูรของซิดดี้แล้ว แฟนธอมก็ไม่น่าจะเป็นรองใคร !
แต่ตอนนั้นหวังเย่าก็น่าจะออกไปแล้วไม่ใช่รึไง ?
หวังเย่าไม่ลังเลอะไรมาก และทำการกดยืนยันทันที
แฟนธอมกำหมัดแน่นเมื่อรับรู้ได้ถึงพลังที่เพิ่มขึ้นมา
“ฉันจะช่วยนายดูดซับผลไม้นี่วันละ 2 ผล ใน 30 วันนายจะเพิ่มเป็นเลเวล 90”
แฟนธอมแสดงท่าทีเฉยเมยออกมา แต่ในใจนั้นเขาพอใจอย่างมากกับความเร็วในการพัฒนานี้ ยังไงซะค่าประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นมาจากการฆ่าสัตว์อสูรก็ทำให้เขาขึ้นมาที่เลเวล 88 และในเวลาอันสั้นเขาก็กำลังจะทะลวงผ่านระดับได้ การฆ่าสัตว์อสูรส่วนมากไม่ได้ทำให้เขาทะลวงผ่านได้ นั่นมันจึงทำให้เขาสลดเล็กน้อย
การมีหวังเย่าอยู่ทำให้เขาทะลวงผ่านได้โดยไม่ต้องเสี่ยง นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ดูแลทั่วไปจะทำได้ !
“นายท่าน อย่าลืมว่าเรามีของดีอย่างอื่นอยู่อีก ดินพลัง ! ” เอไนน์มองไปที่หวังเย่าแล้วพูดขึ้นมา
หวังเย่าปรบมือแล้วยิ้มออกมา “ ฉันเอาแต่สนใจผลไม้นี่จนเกือบลืมไปเลย เอไนน์นำทางไปได้เลย ”
เอไนน์พยักหน้าก่อนจะหันกลับแล้วเดินวนไปรอบ ๆ ต้นไม้ก่อนที่จะหยุดที่โพรงไม้
โพรงไม้นี้สูงถึง 10 เมตร ด้านในนั้นไม่ใช่แค่เนื้อไม้แห้ง ๆ มันกลับมีแสงสีแดงส่องประกายออกมา
มันราวกับมีลาวาไหลวนอยู่ด้านในแต่กลับไม่ได้แผ่ความร้อนออกมาแต่อย่างใด
ในทางกลับกันแล้วลมที่พัดออกมาจากด้านในนั้นทำให้รู้สึกสดชื่นราวกับลมของฤดูใบไม้ผลิ
“กำแพงด้านในโพรงไม้นี้เรียบอย่างมาก เราต้องไถลลงไปถึงจะไปด้านล่างได้ ที่นั่นมีดินอยู่เป็นกองเชียวละ” เอไนน์ราวกับไกด์ผู้ชำนาญทาง
หวังเย่าพยักหน้าแล้วกระโดดลงไปก่อนจะตามมาด้วยเอไนน์และแฟนธอม
ลมพัดผ่านจนผมและกระโปรงของเอไนน์เปิดออก
เธอกรีดร้องออกมา แล้วตอนนั้นร่างกายของเธอก็เสียสมดุลไปจนเอาหัวลงไปแทน แฟนธอมรีบไล่ตามมาและดึงเธอกลับมาให้อยู่ในท่าเดิม
เอไนน์ใจเต้นรัวไม่หยุด มือของเธอจับแฟนธอมเอาไว้แน่น
หวังเย่าหันกลับไปมองและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา เขารู้สึกได้ถึงความรักของเด็กน้อยไร้เดียงสา
ไม่นานทั้งสามคนก็ตกลงมาถึงด้านล่างต้นไม้ได้
เมื่อลงมาเหยียบดินด้านล่างและมองไปยังกำแพงสีแดงรอบ ๆ แล้ว หวังเย่าก็เข้าใจได้ว่าทำไมดินที่นี่ถึงมีพลังงานที่สูง !
“ต้นไม้นี่คือต้นสมบัติ !” หวังเย่าอุทานออกมา
ใบไม้และดอกไม้ของมันสามารถใช้หมักน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้ ผลของมันคือผลสมองราชาภูติ แม้แต่ด้านในโพลงของลำต้นก็ยังมีน้ำที่ผสมกับดินจนกลายเป็นดินพลังงานสูงขึ้นมา ด้วยคุณค่าของต้นนี้มันมีค่าทัดเทียมกับเมืองเมืองหนึ่งเลยก็ว่าได้ ไม่รู้เลยว่าต้นไม้นี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง ?
หวังเย่ารีบเอาพลั่วและกล่องออกมาจากแหวนมิติก้อนจะเริ่มทำการขุดดินพวกนั้น
เมื่อเก็บดินไปได้หลายกล่อง หวังเย่าก็เก็บมันเข้าใส่แหวนมิติก่อนจะลุกขึ้น
“ฉันไม่รู้ว่าจะมีโอกาสกลับมาที่นี่และเอาสมบัติพวกนี้อีกรึเปล่า”
“ถ้าเกิดไม่มีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ฉันจะช่วยฟอเนอร์ออกจากเหมืองนี้ ” ตอนนั้นเขาก็ตื่นเต้นขั้นมา
“ออกจากที่นี่กันเถอะ” หวังเย่าพูดขึ้น
มันมีเถาวัลย์พาดอยู่ที่กำแพงซึ่งเอไนน์เคยใช้ปีนลงมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่ง
แต่เมื่อมีแฟนธอมอยู่ด้วยก็ไม่จำเป็นต้องเหนื่อยแบบนั้น
แฟนธอมอุ้มทั้งสองคนขึ้นมาก่อนจะกระโดดขึ้นเบา ๆ จนพวกเขาออกจากที่โพลงนั้นมาได้
ตูม …
ก่อนที่จะลงไปที่พื้น โลกกลับเกิดการสั่นไหว
นาฬิกาในหัวหวังเย่าได้ส่งข้อความเตือนออกมาทันที “พลังงานในโลกภูติถูกเก็บไปมากเกินไป ที่นี่กำลังจะปิด รีบออกไปโดยเร็วที่สุด ! ”
หวังเย่าแปลกใจอย่างมาก เขาไม่ได้คิดจะเก็บเอาของทั้งหมดไป เขาพยายามรักษาสภาพแวดล้อมของที่นี่เอาไว้ แต่ไม่คิดเลยว่าโลกนี้จะอ่อนไหวถึงขนาดนี้ได้
แต่เมื่อนึกถึงของที่เขาเอามาแล้ว เขาก็เก็บผลไม้กว่า 200 ผลรวมถึงผลไม้ที่แฟนธอมและเอไนน์กินไปก็ไม่ใช่น้อย ๆ
“ไปกันเถอะ ไม่งั้นเราจะโดนขังไว้ที่นี่”
โชคดีที่ทางออกมิตินี้ไม่ได้สนใจขนาดตัว ถ้ายังเป็นทางเข้ารูหนูเหมือนเดิมแล้ว มันคงยุ่งยาก
ด้วยความช่วยเหลือของแฟนธอม เอไนน์และหวังเย่าก็กลับมาที่ถ้ำได้
เมื่อตรวจสอบเวลาในหัวก็พบว่าพวกเขาใช้เวลาในมิตินั้นไป 6 ชั่วโมง
หลังจากที่พักได้ไม่นาน หวังเย่าก็พูดขึ้น “เอไนน์ ไม่ได้มีประสบการณ์การต่อสู้มากนัก ในอีกหนึ่งวันนี้ ฉันอยากให้เธอเชี่ยวชาญการต่อสู้ให้ได้มากที่สุด ฉันจะบอกรหัสสำหรับการต่อสู้เพื่อที่เราจะได้เข้าใจกันมากขึ้น”
ทั้งสามคนโผล่มาด้านหลังถ้ำ เอไนน์ได้ใช้สกิลของเธอออกมา ทันใดนั้นก็ได้มีวงแหวนปรากฏขึ้นในที่ที่หวังเย่าและแฟนธอมยืนอยู่ ก่อนที่ทั้งสามจะซ้อมการต่อสู้กัน
หลังจากที่ฝึกมากว่า 1 วัน เอไนน์ก็สามารถร่วมมือกับหวังเย่าและแฟนธอมในการต่อสู้ได้
หวังเย่าพอใจกับความสามารถในการเข้าใจของเอไนน์อย่างมาก ด้วยการที่เธอมาช่วยแล้ว เขาก็คลายความกังวลลงไปได้ไม่น้อย มันทำให้ความแข็งแกร่งของทีมเพิ่มขึ้นอย่างมาก
ในคืนสุดท้าย หวังเย่าและคนอื่น ๆ ยังหลับอยู่ คืนนั้นแลมเบิตได้มาหาเขาที่นั่น
“แผนเปลี่ยนแล้ว มาคุยกัน”
“ได้ ” หวังเย่าลุกขึ้นยืน ด้วยความสามารถของแลมเบิตแล้ว พวกเขาทั้งสองคนก็หายไปราวกับล่องหนได้
ผ่านไปสักพักสกิลก็ถูกยกเลิกก่อนที่หวังเย่าและแลมเบิตจะปรากฏตัวขึ้นที่หน้าผา
“พรุ่งนี้อากาศต้องดีแน่” หวังเย่ามองไปยังดวงจันทร์แล้วยิ้มออกมา
“งั้นพรุ่งนี้ก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่แผนการต่อสู้จะเปลี่ยนไปจากเดิม” แลมเบิตพูดขึ้น
“นายจับตาดูให้ดี ทันทีที่นายออกจากถ้ำ นายจะอยู่ภายใต้การจับตามองของเจฟ ครั้งนี้ไม่ใช่แค่นักโทษระดับ A เท่านั้น แต่ยังมีผู้คุมด้วย”
หวังเย่ายักคิ้ว “ฉันจะได้เจอฟอเนอร์รึเปล่า ? ”
“มันจำเป็นต้องได้พบกัน เราได้เตรียมการแล้ว ในด้านความแข็งแกร่งทั้งสองฝ่ายนั้นทัดเทียมกัน แต่ส่วนที่ยากคือ…”
“เจฟสินะ ? ” หวังเย่าพอเดาออก
“ฉันเคยเห็นเขาเมื่อ 20-30 ปีก่อนและได้สู้กับเขา แต่ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะเอาชนะเขาได้รึเปล่า”
หวังเย่าแปลกใจ “ เขามีสัตว์อสูรแบบไหน ? ”
“สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีสกิลร้ายกาจที่ใช้ออกมาได้เรื่อย ๆ ” แลมเบิตมองไปที่หวังเย่า
“ไม่มีคูลดาวน์สกิลและใช้ออกมาได้เรื่อย ๆ โดยไม่ใช้พลังงานในตัวงั้นหรือ ? ”
แลมเบิตยิ้มออกมา “ใช่ ไม่มีคูลดาวน์และใช้ได้ไม่จำกัด เพราะแบบนี้ถึงทำให้สัตว์อสูรระดับศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปไม่อาจจะเทียบกับมันได้ ”
ก่อนหน้านี้คิเมร่าของไมรอนก็สร้างปัญหาให้กับหวังเย่าอย่างมากแล้ว สกิลของคิเมาร่านั้นตั้งไว้ที่อย่างน้อย 10 วินาทีที่ต้องโจมตีโดนเป้าหมาย นี่คือเงื่อนไขที่จำกัดความสามารถของมัน แต่สัตว์อสูรของเจฟนั้นกลับไม่มีข้อจำกัดพวกนี้ มันใช้สกิลออกมาได้ไม่จำกัดและไม่ได้ใช้พลังงานด้วย เป็นปัญหาจริง ๆ !
“งั้น..ฉันหวังว่านายกับฟอเนอร์จะช่วยกันสู้กับเจฟ ไม่ต้องชนะแต่แค่ยื้อเวลาไว้ก็พอ”
หลังจากที่พูดคุยกัน หวังเย่าก็พอเข้าใจแผนการ ก่อนที่จะกลับมาที่ถ้ำพร้อมกับแลมเบิต