ระบบลงชื่อเข้าใช้ระดับพระเจ้า เริ่มต้นจาก 100 พันล้าน - ตอนที่ 287นายน้อยเฟิงผู้หยิ่งผยอง:คุกเข่าและขอโทษฉันถ้าแกไม่สามารถจ่ายได้ (RE)
- Home
- ระบบลงชื่อเข้าใช้ระดับพระเจ้า เริ่มต้นจาก 100 พันล้าน
- ตอนที่ 287นายน้อยเฟิงผู้หยิ่งผยอง:คุกเข่าและขอโทษฉันถ้าแกไม่สามารถจ่ายได้ (RE)
ตอนที่ 287นายน้อยเฟิงผู้หยิ่งผยอง:คุกเข่าและขอโทษฉันถ้าแกไม่สามารถจ่ายได้ (RE)
ค่ำคืนมาถึงแล้ว ย่านเก่าแก่ใกล้กับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ดูมีชีวิตชีวาอย่างมากเต็มไปด้วยบรรยากาศของตลาดนัดยามเย็นมีนักศึกษามากมายมาที่นี้เพื่อจับจ่ายซื้อของ
นักศึกษามหาวิทยาลัยโดยทั่วไปแล้วมีเงินไม่มากพอที่จะนํามาใช้จ่ายมากนักแต่สิ่งของต่างๆในละแวกนี้ก็ค่อนข้างถูกและสามารถหยิบจับได้ง่ายดังนั้นทุกคนจึงชอบมาเดินหาซื้อของที่นี่
ในเวลานี้ รถ Bentley สีดําก็ปรากฏตัวขึ้นบนถนนโดยทั่วไปแล้วถนนสายนี้ไม่ค่อยได้เห็นรถที่ดูหรูหราเช่นนี้ซึ่งดึงดูดสายตาของผู้คนมากมายมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
ในเบาะหลังของรถ Bentley คันนี้มีชายวัยกลางคนและชายหนุ่มนั่งอยู่
“พ่อ ทําไมพ่อถึงได้พาผมมาที่ที่พวกคนจนๆ พวกนี้อยู่กัน”ชายหนุ่มขมวดคิ้วและสายตาก็ค่อนข้างรังเกียจกับสถานที่ที่เต็มไปด้วยพวกคนยากจนเหล่านี้
ชายวัยกลางคนกล่าวว่า“แกรู้อะไรบ้างไหม อย่ามองมันแบบนั้น.. ถึงแม้ตอนนี้มันจะเป็นเช่นนี้ก็ตามแต่หลังจากปรับปรุงแก้ไขมันเสร็จแล้วมันจะแตกต่างออกไปฉันกําลังวางแผนเพื่อแกอยู่ในไม่ช้าก็เร็วภาระของตระกูลเฟิงของฉันทั้งหมดมันก็จะตกไปอยู่ในมือของแกแล้วถนนสายนี้แกคิดอย่างไรเกี่ยวกับมันหากฉันจะมอบมันให้กับแกไหนแกลองใช้ความคิดของแกดูสิ?”
พ่อ และลูกชายคนนี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเฟิงว่านซานและเฟิง เทียนหมิง
เฟิงเทียนหมิงได้ยินคําพูดนั้นและพูดด้วยความประหลาดใจออกมาว่า : “พ่อครับพ่อพูดจริงๆใช่ไหม?พ่อต้องการให้ถนนเส้นนี้กับผม?”
เฟิง ว่านซาน กล่าวว่า“แกคิดว่าถนนเส้นนี้ควรใช้ท่าอะไรในอนาคต?”
เฟิง เทียนหมิง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า:“ถ้าให้ผมต้องดูแล.. ผมจะสร้างศูนย์รวมความบันเทิงขนาดใหญ่ที่นี่!”
เฟิง ว่านซาน ขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีแล้วสบถออกมาว่า : “แกมันโง่!”
เฟิง เทียนหมิง ไม่สามารถยิ้มได้อีกต่อไปแล้วพูดว่า : “พ่อ… แล้ว.. พ่อคิดว่าไง?”
เฟิง ว่านซาน กล่าวว่า “แกมันคิดแต่จะเล่น! ถ้าแกคิดจะสร้างศูนย์รวมความบันเทิงในสถานที่นี่ใครมันจะเข้าไปใช้กันนอกจากนี้แล้ว ยังมีมหาวิทยาลัยอยู่ใกล้ ๆ แกกลับคิดที่จะสร้างศูนย์รวมความบันเทิงได้อีกงั้นเหรอไง! ที่นี่เหมาะสําหรับการสร้างพื้นที่อยู่อาศัยเท่านั้น”
เฟิง เทียนหมิง พูดอย่างรวดเร็วว่า : “ใช่แล้ว อีกอย่างผมก็ยังเด็กเลยไม่เข้าใจเรื่องนี้ต้องให้พ่อเป็นคนตัดสินใจแล้ว”
เฟิง ว่านซาน เริ่มคิดเกี่ยวกับมัน : “มันมีแนวโน้มมากที่จะสร้างสถานที่แห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ ฉันได้วางแผนไว้แล้ว แต่ยังมีหลายอย่างที่ต้องทําแกเห็นคนพวกนี้ที่อยู่รอบๆตัวแก ไหม เราต้องก๋าจัดพวกมันก่อน..”
เฟิงเทียนหมิงพูดออกมาอย่างดูถูกทันทีว่า“มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลยที่จะจัดการกับไอ้พวกคนจนพวกนี้หากเราไม่อนุญาตให้พวกมันเข้ามาแล้วพวกมันจะกล้าดีได้ยังไง!”
ขณะที่เขาพูดเฟิงเทียนหมิง ก็หยิบขวดน้ำดื่ม.. ขึ้นมาดื่ม
ทันใดนั้น คนขับรถก็เบรกรถฉุกเฉิน และรถก็จอดสนิท
และขวดนํ้าในมือของเขาก็หกรดใส่เต็มตัวของเขาเฟิงเทียนหมิง โกรธมากในเวลานี้ : “มันเกิดอะไรขึ้นหะ?”
ปรากฎว่าด้านหน้ารถ มีรถสามล้อที่เกิดสูญเสียการควบคุมและเกือบจะชนเข้ากับรถ Bentley คันนี้และคนขับสามล้อก็เกิดกลัวขึ้น ถ้าเกิดเขาได้ทํารถ Bentley เสียหายเขาคงไม่มีปัญญาพอที่จะจ่ายเงินชดใช้
ภายใต้สถานการณ์ที่สิ้นหวังนี้คนขับรถสามล้อจึงหักหัวเลี้ยวอย่างรวดเร็วทําให้รถสามล้อเกิดพลิกคว่าและล้มลงไปกับพื้น
ทุกอย่างที่อยู่ในท้ายรถสามล้อก็กระจัดกระจายไปทั่วพื้นทั้งผัก เส้นบะหมี่และส่วนผสมอื่นๆผู้คนโดยรอบๆต่างรีบหนีทันทีแต่โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
คนขับรถสามล้อล้มลงกับพื้นและได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยและรีบลุกขึ้นมาได้.. ด้วยความตกใจ
เฟิง เทียนหมิง กระโดดลงมาจากรถทันที และชี้หน้าดุด่าไปที่คนขับสามล้อ : “แกขับรถยังไงวะ! ไอ้หมาแก่! หรือว่าแกตาบอด! คิดจะชนรถฉัน แล้วแกมีปัญญาพอที่จะจ่ายได้ไหมหะ?”คนขับรถสามล้อหน้าซีดและกล้าวขอโทษอย่างรวดเร็วว่า:“ฉันขอโทษ พอดีมีเด็กคนหนึ่งกําลังวิ่งเล่นอยู่ข้างถนนเมื่อครู่นี้แล้วจู่ๆก็วิ่งเข้ามาบนถนน ฉันหักหลบเลยเกือบจะชนรถคุณฉันขอโทษจริงๆ”
เฟิง เทียนหมิง พ่นลมหายใจอย่างเย็นชา แล้วกล่าวว่า : “ฉันไม่สนใจเหตุผลอะไรของแกทั้งนั้นแกรีบย้ายรถพังๆของแกออกไปให้พ้นทางซะ! แล้วนี่แกยังได้ทําให้น้ำหกรดใส่ตัวฉันอีกแกต้องจ่ายเงินชดใช้ให้ฉัน..สําหรับชุดนี้!”
คนขับรถสามล้อเพิ่งสังเกตเห็นว่าเฟิงเทียนหมิงตัวเปียกโชกไปด้วยน้ำแล้วรู้สึกอับจนขึ้นมาเล็กน้อยจึงกล่าวขอโทษออกไปว่า “ฉันขอโทษด้วยเดี๋ยวฉันจะจ่ายให้คุณสําหรับค่าเสื้อผ้าของคุณ”
เฟิงเทียนหมิงหัวเราะเยาะออกมาแล้วกล่าวว่า:“ไม่ใช่ว่าฉันจะดูถูกแกที่แกมันจนหรอกนะแต่เสื้อที่ฉันใส่อยู่ตัวนี้มันเป็นแบรนด์ดังของ Valentino ราคา 100,000 หยวนแล้วแกยังสามารถจ่ายได้อีกไหม?”
คนขับรถสามล้อ ตกตะลึงในทันที : “100,000 หยวนนี่มันแพงเกินไป ฉ.. ฉันไม่สามารถจ่ายมันได
เขากลัวจนแทบจะร้องไห้ออกมาแล้วในเวลานี้
เฟิง เทียนหมิง กล่าวว่า : “แกไม่สามารถจ่ายไดใช่ไหม? ได้.. ถ้าแกไม่สามารถจ่ายได้ก็รีบคุกเข่าแล้วขอโทษฉันซะ!นายท่านอย่างฉันก็มีความเมตตามากพอแล้วฉันจะยกโทษให้กับแก..”อะไรนะ!
สีหน้าของคนขับรถสามล้อเปลี่ยนไปในทันทีเขาขอให้เขาคุกเข่าขอโทษนี่มันไม่ใช่ว่าทําให้เขาอับอายหรอกเหรอ!ผู้ชายมีเงินทองอยู่ใต้เข่า(1) เขาจะไปคุกเข่าลงได้ยังไง!
เหตุการณ์ที่นี่ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนโดยรอบ
เมื่อเห็นว่า เฟิง เทียนหมิงหยิ่งอย่างมากทุกคนก็รู้สึกรังเกียจขึ้นมาทันที
“ลุงแกพยายามที่จะหลีกเลี่ยงเด็กนั้นแหละเรื่องทั้งหมด!”
“แล้วนั้นก็เพื่อหลีกเลี่ยงรถของเขาด้วย ลุงแกเลยยอมให้รถของตัวเองพลิกคว่ำจะได้ไม่ไปชนกับรถของเขา!”
“ไอ้เศรษฐีคนนี้มันเป็นใคร รังแกคนจนอย่างนี้คิดว่าตัวเองรวยมากหรือยังไง!”
“ผู้ชายคนนี้มันบ้าไปแล้วคิดว่ามีเงินแล้วจะทําอะไรก็ได้งั้นเหรอ!”
ทุกคนเริ่มบ่นออกมา
เมื่อได้ยินเสียงของผู้คนโดยรอบเฟิงเทียนหมิงก็เกิดอารมณ์เสียขึ้นมาอย่างมากไอ้พวกคนจนพวกนี้รู้จักแต่จะจับกลุ่มคุยกันหรือไงวะ!
เฟิง เทียนหมิง ตะโกนขึ้นมา : “หุบปากไปซะ! ฉันจะใช้โอกาสนี้เพื่อบอกพวกแกอย่างหนึ่งถนนเส้นนี้เป็นของครอบครัวเฟิงของฉัน และฉันก็สามารถไล่พวกแกออกไปตอนไหนก็ได้!”
เมื่อค่ากล่าวนี้ออกมาทุกคนก็ดูประหลาดใจอย่างมาก
“ตระกูลเฟิง เฟิง ว่านซาน เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดคนหนึ่งในหยุนเฉิง!” “ใช่!ฉันก็ได้ยินมาว่าสถานที่นี่จะถูกทําลายในไม่ช้า!”“ปรากฏว่ามันไปตกอยู่ในมือของตระกูลเฟิง!”
“กลุ่มเซิงซี ของครอบครัวเฟิงเราก็ไม่สามารถรุกรานมันได้!”
“ไม่ มันกําลังจะถูกทําลายลงแล้ว แล้วในอนาคตเราจะไปเดินหาซื้อของที่ไหนล่ะ มันจะนําบากขนาดไหนกัน!”
เมื่อพวกเขารู้ว่ารถคันข้างหน้านี้ เป็นของตระกูลเฟิง ทุกคนต่างก็เริ่มหวาดกลัวขึ้นมาในทันทีตระกูลเฟิงเป็นครอบครัวที่มีมูลค่าหลายแสนล้านแล้วพวกเขาจะไปกล้ายั่วยุได้อย่างไรเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่นี่
ในร้านซาเซียนที่อยู่ไม่ไกลหลินฟานและซูจินจินก็กําลังทานข้าวกันอยู่
ร้าน ซาเซียน แห่งนี้เป็นร้านที่พวกเขาเคยมากินกันบ่อย ๆหลังจากที่พวกเขาดูหนังกันแล้วในวันนี้ซูจินจินก็พาหลินฟานมาทานข้าวที่นี่
ซู
หลินฟานสั่งข้าวหมูย่างแล้วขอให้เจ้าของร้านเพิ่มไข่เจียวพิเศษให้อีกหนึ่งในขณะที่ซูจินจินสั่งซี่โครงหมูนึ่งมาหนึ่งชาม
ซูจินจินเป็นบุตรสาวคนที่สามของตระกูลซูได้รับการดูแลมาอย่างดีเธอไม่เคยทานอาหารในร้านค้าราคาถูกเช่นนี้นับตั้งแต่เธอยังเป็นเด็กแต่หลังจากคบหาเป็นแฟนกับหลินฟานเธอก็เพียงเดินตาม หลินฟานไปกินข้าวหลังจากออกเดท
ในตอนแรกๆซูจินจินก็ไม่ค่อยคุ้นเคยกับมันนักแต่เธอก็ค่อยๆ ตกหลุมรักมันในที่สุดเธอชอบซี่โครงหมูนึ่งจากร้านซาเซียนเป็นพิเศษและส่วนใหญ่ที่เธอมาที่นี่เธอก็จะสั่งซี่โครงหมูนึ่ง
ในไม่ช้าเจ้าของร้านก็นําอาหารที่พวกเขาสั่งมาให้
“พวกเธอทั้งสองคน ทานให้อร่อยนะ”เจ้าของร้านกล่าวออกมาอย่างอบอุ่น
ขณะที่เธอพูดนั้นเจ้าของร้านก็มองดูทั้งสองคนและก็ลังเลอยู่เล็กน้อยทันทีที่พวกเขาเข้ามาในร้านเธอรู้สึกว่าพวกเขาช่างดูคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกแต่เธอก็ยังลังเลที่จะเข้าไปถามอยู่พักหนึ่งหลินฟานและซูจินจินมองหน้ากันแล้วยิ้ม
“เถ้าแก่ ยังจําพวกเราได้ไหมเราเคยเรียนที่มหาวิทยาลัยข้างๆนี้ และมาที่นี่เพื่อทานข้าวกันอยู่บ่อยๆ”หลินฟานยิ้ม
เมื่อได้ยิน หลินฟานพูดเช่นนี้เจ้าของร้านก็จําขึ้นมาได้ทันทีเธอหัวเราะแล้วพูดด้วยรอยยิ้มออกไปว่า“กลายเป็นเธอเองเสี่ยวฟาน แล้วเด็กผู้หญิงคนนี้ชื่ออะไรแล้วนะ?”
เธอจ๋าชื่อหลินฟานได้แต่เกิดจ๋าซูจินจินไม่ได้มาระยะหนึ่งแล้ว
ซู จินจินกล่าวว่า“คุณป้าคะฉันชื่อซูจินจินค่ะ”
จู่ๆ เจ้าของร้านก็พูดออกมาว่า:“ใช่แล้วจินจิน!เป็นเธอจริงๆด้วย นานแค่ไหนแล้วที่พวกเธอไม่ได้มาที่นี่อ่า.. มันก็เกือบจะสามปีไหมน่ะ!”
(1)[ผู้ชายมีเงินทองอยู่ใต้เข่า (JLk≠ F#)] – สุภาษิตนี้ตีความว่า การคุกเข่าของผู้ชายมีค่าเท่ากับทองดังนั้นเขาจึงไม่ควรจะคุกเข่า ต่อหน้าใครหมายความว่าผู้ชายควรมีศักดิ์ศรีและไม่ควรเป็นทาสนี่เป็นสัญลักษณ์ของกระดูกสันหลังของมนุษย์ยึดมั่นและไม่ยอมแพ้