ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 101 เผาผลาญชีพจรกระบี่
บทที่ 101 เผาผลาญชีพจรกระบี่
บทที่ 101 เผาผลาญชีพจรกระบี่
เสิ่นโตวเย้ยหยันว่า “บุตรศักดิ์สิทธิ์มั่นใจเกินไปแล้ว! ผู้ที่ชนะในวันนี้จะต้องเป็น…”
คำพูดของชายวัยกลางคนยังไม่ทันจบประโยค ทันใดนั้นเขาก็เห็นปราณกระบี่ทรงพลังพุ่งขึ้นจากลานประลอง คลื่นพลังสีแดงปกคลุมเซียวเทียนเอาไว้ทันที
กระบี่ที่เสิ่นซูเหยียนฟาดฟันพลันถูกสลัดออกไปเพียงเพราะเซียวเทียนสะบัดมือ ปรากฏเกล็ดสีแดงขึ้นบนร่างกายของเขา พลังที่ไม่เคยมีมาก่อนปลดปล่อยออกมาจากร่าง
ทันทีที่บุตรแห่งโชคชะตาเงื้อกระบี่ยักษ์ ปราณกระบี่ที่คู่ต่อสู้สร้างขึ้นเมื่อครู่ก็แตกสลายอย่างสมบูรณ์ ถูกแทนที่ด้วยพลังอำนาจที่เป็นของเซียวเทียนโดยเฉพาะ
คุณหนูเสิ่นกำลังจะใช้กระบี่ แต่พลังอันกล้าแกร่งที่ปกคลุมท้องนภากำลังกดดันนางอย่างหนักหน่วง ต่อให้ใช้การบ่มเพาะทั้งหมดที่มีก็ไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว
“เสิ่นซูเหยียน กระบี่เล่มนี้ขอคืนให้กับบิดาของเจ้า!”
หลังจากกล่าวจบ เซียวเทียนก้าวลงไปบนพื้นแล้วยืนอย่างมั่นคง ทั่วลานประลองแยกออกจากกัน พริบตาต่อมา เซียวเทียนก็มาอยู่ตรงหน้าเสิ่นซูเหยียน
ตูม!
กระบี่ยักษ์ฟาดฟันออกไป เล็งไปที่เสิ่นซูเหยียนโดยตรง ปราณกระบี่ทรงพลังบดขยี้อากาศรอบข้าง จนถูกทำลายในอึดใจเดียว
ใบหน้าของนางซีดเผือด เมื่อเห็นว่าตนไม่อาจซ่อนตัวได้ จึงเรียกยันต์ช่วยชีวิตออกมาทันที
ตูม!
กระบี่ฟาดฟันกระแทกเข้ากับโล่ที่เพิ่งปรากฏขึ้นมา ปราณกระบี่อันทรงพลังทั้งหมดกระจายไปทั่วโล่ ก่อนจะสลายไปจนสิ้น
แคร๊ก ๆ
โล่ไม่อาจแบกรับไหวหลังจากเจอกระบี่นี้เข้าไป ทำให้รอยร้าวจำนวนมากเริ่มปรากฏขึ้น
เหงื่อเย็นผุดขึ้นจากแผ่นหลังคุณหนูเสิ่น นี่คือยันต์ที่สามารถขัดขืนพลังโจมตีของขั้นเทียมเซียนได้ แต่มันกลับถูกบดขยี้ด้วยกระบี่ของเซียวเทียนผู้นี้อย่างนั้นหรือ?!
พละกำลังของชายคนนี้อยู่ขั้นไหนกัน?!
กลิ่นอายทั่วร่างของบุตรแห่งโชคชะตาพุ่งทะยาน คลื่นพลังสีแดงทั้งหมดจากทั่วร่างมารวมตัวอยู่ในมือ เพียงไม่กี่อึดใจ ปราณรอบกระบี่ยักษ์นั้นกพลันแข็งแกร่งขึ้นกว่าก่อนหน้าหลายเท่า
เสิ่นซูเหยียนอยากหนี แต่กลิ่นอายมหาศาลกดทับนางเอาไว้จนไม่มีทางหนีได้
นางเหลือยันต์ช่วยชีวิตเพียงแผ่นเดียวเท่านั้น แผ่นนี้ไม่อาจเทียบกับกระบี่ของเซียวเทียนได้ ต่อให้ใช้ไปก็ไม่สามารถเปลี่ยนจุดจบของการประลอง!
ภายใต้พลังกระบี่ของเซียวเทียน คลื่นพลังรอบตัวเขาเริ่มหมุนวน สายลมรุนแรงพัดผ่านและเล็งเป้าหมายไปยังเสิ่นซูเหยียน
เสิ่นโตวผู้ยืนอยู่บนห้องโถงสูงตกตะลึงเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าชัยชนะของบุตรสาวถูกตัดสินแล้วในการโจมตีเมื่อครู่ แต่เพียงแค่ชั่วพริบตา เซียวเทียนผู้นี้ถึงกับเริ่มบดขยี้เสิ่นซูเหยียนจนมีโอกาสได้รับชัยชนะ
นี่มันเป็นไปไม่ได้!
เป็นไปไม่ได้!
เมื่อเห็นว่าลู่หยวนกำลังจะชนะ จงซื่อผู้อยู่ด้านข้างไม่ต้องเสียกระบี่ให้อีกฝ่ายในที่สุด จึงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา พึมพำว่า “เซียวเทียนกำลังจะชนะสินะ?”
ลู่หยวนยกมุมปากออกมา “มันไม่จบง่ายขนาดนั้นหรอก ชายชราจากตระกูลเสิ่นผู้นั้นยังไม่ทำอะไรเลย”
นี่คือข้อตกลงสามปีของบุตรแห่งโชคชะตา มันจะจบลงง่าย ๆ ได้อย่างไร?
ตามปกติแล้ว การต่อสู้นี้จะต้องให้คนรุ่นเยาว์ปะทะกันก่อน จากนั้นพวกตำนานเดินได้จึงจะออกมา
จงซื่อไม่เข้าใจว่าลู่หยวนหมายถึงอะไร จึงหันสายตาไปมองลานประลองอีกครั้ง
เซียวเทียนเงื้อกระบี่ขึ้นอีกครั้ง เงากระบี่ยักษ์พลันปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง เมื่อเขาฟาดฟันลงไป เงากระบี่นั่นก็เคลื่อนตาม เป้าหมายคือการปลิดชีพเสิ่นซูเหยียน!
คุณหนูเสิ่นผู้อยู่หลังโล่เห็นดังนี้ จึงรู้ว่าวันนี้ต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน หากถูกกระบี่นี้ฟันเข้าไป ต่อให้นางไม่ตายก็คงพิการ!
นางรีบเปิดปาก… กำลังจะยอมรับความพ่ายแพ้
ทันใดนั้น เสียงอันทรงพลังหาใดเปรียบก็ดังขึ้นในหู “เสิ่นซูเหยียน ถ้าเจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ และทำให้ตระกูลเสิ่นอับอาย ข้าจะฆ่าเจ้าในวันนี้เอง!”
คำพูดที่เสิ่นซูเหยียนกำลังจะพูดหยุดลงทันที เสียงดังกล่าวเป็นของบรรพชน!
เหงื่อเย็นบนแผ่นหลังแทบจะทำให้ชุดเปียกโชก บรรพชนบอกว่าจะฆ่านาง ต่อให้เป็นเสิ่นโตวก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้!
แต่ในเมื่อไม่สามารถเอาชนะเซียวเทียนได้ จะให้นางถูกชายตรงหน้าเล่นงานจนตายหรือ?!
ตอนนี้ เสียงอันทรงพลังยังคงดังขึ้น “เผาผลาญชีพจรกระบี่ของเจ้า”
เสิ่นซูเหยียนตกตะลึง จากนั้นสายตาของนางพลันเคร่งขรึมอย่างรวดเร็ว ก่อนตัดสินใจได้
นางพลันเงยหน้าขึ้น เห็นเพียงพลังกระบี่รอบข้างระเบิดออกมา ปราณกระบี่นับหมื่นกวาดผ่านจากมือออกไปในทันที เจตจำนงกระบี่ของนางระเบิดออกมาทันที
วิ้ง!
เมื่อเจตจำนงกระบี่พุ่งออกไปเกิดเป็นพลังมหาศาล แรงกดดันจากพลังของเซียวเทียนพลันคลายลง
เซียวเทียนย่อมสัมผัสได้ถึงพละกำลังที่เพิ่มขึ้นในฉับพลันของเสิ่นซูเหยียน เขาจึงไม่กล้าลงมือบุ่มบ่าม รวบรวมแรงกดดันจากกระบี่อีกครั้ง ฟาดฟันปราณกระบี่ยักษ์สวนกลับไป
ตอนนี้ปราณกระบี่ในมือของเสิ่นซูเหยียนกลายเป็นสีแดงโลหิตแปลกประหลาด ปราณกระบี่นั่นเต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร เข้าปะทะกันในมือของคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ราวกับภูตผีจากขุมนรก ที่พร้อมจะดึงคนลงไปอย่างร้อนรน
เสิ่นโตวเห็นดังนี้ ในใจก็แข็งค้าง ดวงตาเบิกกว้างทันที เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเสิ่นซูเหยียนเผาผลาญชีพจรกระบี่ของตัวเองเพื่อแลกกับพลังอันแก่กล้าเช่นนั้น?!
นังเด็กโง่!
หากวันนี้เผาผลาญชีพจรกระบี่ หลังจากนั้นนางจะกลายเป็นคนธรรมดา!
ผู้นำตระกูลเสิ่นรู้สึกวิตก กำลังจะพุ่งออกไปเพื่อฝืนหยุดยั้งการเผาผลาญชีพจรกระบี่ของเสิ่นซูเหยียน
“เสิ่นโตว ถ้าเจ้ากล้าก้าวมาข้างหน้า เชื้อสายของเจ้าในวันนี้จะต้องดับสูญ”
เสียงอันแผ่วเบาลอยเข้าหูของชายวัยกลางคน มันเย็นเยือกดุจน้ำแข็ง
เผาผลาญชีพจรกระบี่คือเคล็ดวิชาของบรรพชน
ย่างก้าวนั้นเสิ่นโตวหยุดลงทันที ความหนาวสะท้านผุดขึ้นในใจ
เขารู้ว่า… หากจะขัดคำสั่งของบรรพชนเพื่อช่วยเหลือเสิ่นซูเหยียน ก่อนจะทันได้ก้าวขึ้นไปบนลานประลองสองสามก้าว ตนคงถูกปลิดชีพไปแล้ว ต่อให้เสิ่นซูเหยียนชนะ เชื้อสายของพวกเขาก็จะถูกกวาดล้างไปจากโลก
เขาทำได้เพียงมองบุตรสาวเผาผลาญชีพจรกระบี่ เพื่อการต่อสู้นี้เท่านั้น
พวกเขาทั้งสองพุ่งออกไปพร้อมกระบี่ในลานประลอง เข้าโรมรันกันอย่างสุดกำลัง
ตูม!
เจตจำนงกระบี่ทั้งสองเข้าปะทะกัน แรงระเบิดขนาดใหญ่กลืนกินทั้งลานประลองในพริบตา!
แสงสว่างสีขาวเจิดจ้าพร่างพราย ควันธุลีบนลานประลองปรากฏขึ้น ทุกคนต่าางมองอย่างตั้งใจ หวังจะได้เห็นว่าใครคือผู้ชนะ
ควันธุลีค่อย ๆ จางหาย ร่างหนึ่งเต็มไปด้วยโลหิต ถือกระบี่อยู่ในมือ ยืนตัวตรงบนลานประลอง
“ซะ… เซียวเทียนชนะ”
แม้จะไม่ควรรีบกล่าวเช่นนี้ แต่บนลานประลองก็ปรากฏภาพเซียวเทียนหอบหายใจ ร่างกายเต็มไปด้วยโลหิต ถึงอย่างนั้นเขาก็ยืนหยัดขึ้นมาได้
สายตาไม่ยอมจำนนของสายเลือดมังกรจ้องตรงไปที่เสิ่นโตว เขากล่าวเสียงแผ่วเบา แต่เท่านั้นก็ดังพอจะก้องทั่วจัตุรัส “ตามข้อตกลงสามปี หากข้าชนะ เสิ่นซูเหยียนจะต้องเป็นทาสและสาวใช้ของข้า!”
สายตาของทุกคนล้วนหันไปมองเสิ่นโตว เสิ่นซูเหยียนเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของผู้นำตระกูลเสิ่น หากไปเป็นสาวใช้ให้กับเจ้าหนุ่มไร้ชื่อเซียวเทียนเช่นนี้ มันช่างน่าอับอายยิ่งนัก!
ดวงตาของผู้นำตระกูลเสิ่นจับจ้องบุตรสาวผู้ล้มลงกับพื้น กายาอาบไปด้วยโลหิต ลมหายใจรวยริน สภาพย่ำแย่ยิ่ง
ดวงตาของเขาค่อย ๆ แดงก่ำ
เสิ่นซูเหยียนเป็นทายาทเดียวของเขา!
วันนี้ไม่เพียงเผาผลาญชีพจรกระบี่เท่านั้น แต่นางยังต้องมาอับอายเพราะเจ้าสารเลวนี่อีก!
โทสะในใจแล่นขึ้นมาจุกอกของเสิ่นโตวทันที ร่างกายของเขาสั่นสะท้านอย่างต่อเนื่อง แรงกดดันรอบข้างพลันพวยพุ่ง แววตาน่าสะพรึงจับจ้องเซียวเทียนเขม็ง