ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 107 ร่วมกันฆ่าลู่หยวน
บทที่ 107 ร่วมกันฆ่าลู่หยวน
บทที่ 107 ร่วมกันฆ่าลู่หยวน
ค่ำคืนนั้น ฉินอี่หานออกจากห้องพัก เมื่อนางพบสมาชิกตระกูลเสิ่นคนหนึ่ง จึงสอบถามว่าตระกูลหลี่อยู่ที่ไหน
เพียงเดินตามไป ก็พบร่างหนึ่งยืนอยู่ใต้แสงจันทร์
ยามได้ยินเสียงเคลื่อนไหว บุรุษผู้นั้นก็หันหน้ามาคลี่ยิ้มให้ สายตาของเขาหนักแน่น ราวกับมั่นใจว่าฉินอี่หานจะต้องมาอย่างแน่นอน
หลี่เจียงหนานกล่าว “เจ้ามาจริงด้วย”
ผู้ฝึกกระบี่หญิงเกียจคร้านเกินกว่าจะพูดจาสัพเพเหระ จึงโบกมือหยกให้ค่ายกลปรากฏขึ้น ปกคลุมทั่วทั้งห้องพักไว้ข้างใน และถามตามตรง “เจ้ารู้จักลวดลายปักนั่นได้อย่างไร?”
“ลู่หยวนฆ่าอวี้เฟิง!” ดูจากเรื่องราวของนางแล้ว คุณชายหลี่มั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายมีความพันธ์แน่นแฟ้นกับพี่ใหญ่ จึงกล่าวเรื่องสำคัญทันที
แต่ผลกลับไม่ใช่อย่างที่หลี่เจียงหนานคิด หลังจากฉินอี่หานได้ฟัง นางยังคงไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด ผ่านไปหลายอึดใจ นางถามว่า “ข้าอยากรู้ว่าเจ้ารู้จักลวดลายนั่นได้อย่างไรถึงได้มาที่นี่ ทำไมถึงไม่ตอบ”
หลี่เจียงหนานขมวดคิ้ว คิดว่าอีกฝ่ายไม่รู้ชื่อจริงของอวี้เฟิง ดังนั้นจึงกล่าวต่อ “เมื่อไม่กี่ปีก่อน ในเมืองอี้หนิง ตระกูลอวี้เฟิงถูกสังหารหมู่ด้วยคำสั่งของลู่หยวน ไม่มีใครรอดชีวิต! ลวดลายนี้คือสิ่งที่ข้าพบในบ้านของเขา เจ้าน่าจะรู้จักเขาสิ!”
“ลู่หยวนคือฆาตกรที่ฆ่าอวี้เฟิง ข้ารู้ว่าเจ้ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับอวี้เฟิง หากยังมีมโนธรรมอยู่บ้าง อย่าอยู่กับลู่หยวนอีกเลย!”
ฉินอี่หานถามอย่างแผ่วเบา “แสดงว่าเจ้าแค่รู้จักลวดลาย แต่ไม่รู้ว่ามันหมายความว่าอย่างไรสินะ?”
หลี่เจียงหนานพยักหน้า “ข้าใช้มัน เพื่อจะได้มาพบเจ้าเพียงลำพังก็เท่านั้น”
นางเงียบสักพัก สีหน้ายังคงไร้อารมณ์ “ข้ารู้ว่าเจ้าพูดเรื่องอวี้เฟิงขึ้นมาทำไม ข้าทราบเกี่ยวกับข่าวการตายของเขาเช่นกัน เหตุผลที่เจ้าพาข้ามาที่นี่ในวันนี้ คงไม่ใช่แค่เกลี้ยกล่อมให้ข้าถอยห่างจากลู่หยวนหรอกใช่หรือไม่”
ก่อนคุณชายหลี่จะทันได้พูดอะไร ผู้ฝึกกระบี่หญิงก็ถามต่อ “เจ้าอยากแก้แค้ให้อวี้เฟิง? พาข้ามาที่นี่ เพราะอยากให้ข้าอยู่ฝั่งเดียวกัน จะได้ใช้ประโยชน์จากการที่ข้าอยู่ใกล้ชิดกับลู่หยวนเพื่อฆ่าเขาใช่หรือไม่”
อีกฝ่ายพยักหน้า “ข้าคิดเช่นนั้นจริง”
นางเย้ยหยัน “เจ้าแค่อยากฆ่าลู่หยวนอย่างนั้นหรือ หากมีผู้ทรงเกียรติหนุนหลังเจ้าอยู่ก็พอจะคิดเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าไม่มี เจ้าก็เหมือนกับฝันกลางวันนั่นแหละ!”
ด้วยวิธีในตอนนี้ของลู่หยวน ต่อให้เผชิญหน้ากับปรมาจารย์ยุทธ์เพียงลำพัง ถึงแม้จะไม่สามารถเอาชนะได้ ก็ไม่มีปัญหาที่จะทำการหลบหนี
หลี่เจียงหนานผู้นี้อยู่เพียงขั้นจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้น นางเคยได้ยินมาบ้างว่ามีผู้หนุนหลังตระกูลหลี่อยู่ แต่ก็เป็นเพียงบรรพชนที่สิ้นชื่อไปแล้วผู้เก็บตัวสู่การเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ ไม่มีใครได้พบเห็นมาหลายร้อยปีแล้ว
แต่หลี่เจียงหนานเพียงลำพัง จะไปมีปัญญาทำอะไรลู่หยวนได้?
ไปอาบน้ำเข้านอน แล้วคิดเสียว่าทุกสิ่งคือความฝันยังจะดีเสียกว่า…
หลี่เจียงหนานได้ยินดังนี้ จึงคิดว่าฉินอี่หานต่อต้านลู่หยวน เพียงแต่รู้สึกว่าไม่มียอดฝีมือให้ความช่วยเหลือ ดังนั้นเขาจึงกล่าวประชดประชันว่า
“แน่นอนว่าข้าทำไม่ได้” หลี่เจียงหนานกล่าวอย่างแผ่วเบา
ฉินอี่หานกลอกตาทันที “เช่นนั้นเจ้าจะพูดจาเหลวไหลไปทำไม?”
หลังจากกล่าวเช่นนั้น นางก็หันหลังแล้วจากไป
“ข้าฆ่าเขาไม่ได้ แต่ตระกูลเสิ่นทำได้!”
ฉินอี่หานนิ่งไปสักพัก ร่องรอยของจิตสังหารปรากฏในดวงตา ตอนนี้นางคือคนของลู่หยวน ขอเพียงอยู่ใกล้บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้น ก็ย่อมมีโอกาสที่จะได้พานพบกับราชวงศ์อู๋ซวง
หากศิษย์น้องคนสนิทตาย ความหวังที่นางแบกรับไว้จะพังทลาย ใครก็ตามที่กล้าฆ่าลู่หยวน นางย่อมรับไม่ได้อย่างแน่นอน!
ผู้ฝึกกระบี่หญิงไม่หันกลับมา นางปรับน้ำเสียงให้มั่นคง และกล่าวอย่างราบเรียบว่า “ตระกูลเสิ่นไม่ใช่คนโง่ ไม่มีทางฆ่าลู่หยวนหรอก”
หลี่เจียงหนานยืนเอามือไพล่หลัง กล่าวอย่างมั่นใจ “แล้วถ้าเกิดลู่หยวนอยากหาเรื่องตระกูลเสิ่นขึ้นมาล่ะ?”
“ยกตัวอย่างเช่น เมื่อตระกูลเสิ่นพบว่าเป็นลู่หยวนที่ช่วยพวกเหิงอีเจี้ยนเอาไว้ พวกเขาจะคิดเห็นอย่างไร”
“หรือยกอีกตัวอย่างว่า ถ้าตระกูลเสิ่นทราบเรื่องที่ลู่หยวนรู้จักกับเซียวเทียน หรือถึงขั้นเป็นสหายกับอีกฝ่าย พวกเขาจะคิดเห็นอย่างไร”
หัวใจของฉินอี่หานบีบรัด อีกฝ่ายรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน?
ลู่หยวนช่วยเหิงอีเจี้ยนเอาไว้ หากนางไม่ได้เป็นสักขีพยานกับตาตัวเอง ย่อมไม่มีทางทราบได้
ส่วนเรื่องที่ลู่หยวนกับเซียวเทียนรู้จักกัน นางพอจะคาดเดาจากคำพูดบางส่วนของบุตรศักดิ์สิทธิ์ได้ จึงพอมีมูลความจริงอยู่บ้าง
แต่หลี่เจียงหนานรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร?!
ฉินอี่หานหันหลัง แสร้งทำเป็นสนใจยิ่ง “เจ้ามั่นใจได้อย่างไรว่าตระกูลเสิ่นจะเชื่อและลงมือ”
หลี่เจียงหนานเห็นว่าในที่สุดก็โน้มน้าวอีกฝ่ายได้แล้ว เขาจึงยิ้มแล้วตอบว่า “เรื่องในใต้หล้า ตัดสินกันที่คำคำเดียว… ผลประโยชน์!”
“ขอเพียงตระกูลเสิ่นรู้สึกว่าเสียผลประโยชน์ ต่อให้ลู่เทียนเหอยืนอยู่ตรงหน้า พวกเขาก็พร้อมทุ่มสุดตัว!”
คุณชายหลี่เอ่ยเสียงเศร้าโศก “แม่นางฉิน ตอนที่อวี้เฟิงตาย เขาไม่เต็มใจเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับลวดลายนี้ เจ้าอยากให้การตายของเขาสูญเปล่าจริงหรือ อยากให้คนที่เขาฆ่าลอยนวลอยู่บนโลกจริงหรือ”
“ข้าเคยประทับยันต์บนร่างของอวี้เฟิง ยันต์ใบนั้นแสดงอายุขัยของอวี้เฟิง รู้หรือไม่ว่าสามวันหลังจากอวี้เฟิงถูกตระกูลลู่พาตัวไป เขาก็ตาย ในช่วงสามวันนี้ เขาต้องทนทุกข์ทรมานขนาดไหนกัน”
ฉินอี่หานหรี่ตา ทุกสิ่งในอดีตวูบไหวในจิตใจ อวี้เฟิงคือสมาชิกของกองกำลังทมิฬ… เขาตายก็เพราะนาง
โศกนาฏกรรมการตายของชายผู้นั้น ผู้ฝึกกระบี่หญิงเองก็เคยได้ยินเช่นกัน แต่พอมาคิดตอนนี้แล้ว กลับยังจำได้ไม่คลาย
แต่นางรู้ว่า คนที่ฆ่าอวี้เฟิงไม่ได้มาจากตระกูลลู่… คนเหล่านั้นเพียงแค่พูดโกหก
หลี่เจียงหนานอาจจะเข้าใจลู่หยวนผิดเช่นกัน แต่นางไม่ได้ตั้งใจจะเตือนอีกฝ่าย ถึงอย่างไรคนผู้นี้ก็อยากร่วมมือกับตระกูลเสิ่นเพื่อฆ่าลู่หยวนอยู่แล้ว
ฉินอี่หานทราบดีว่า ‘ของดี’ ที่บุตรศักดิ์สิทธิ์กล่าวถึงคืออะไร ตั้งแต่นางอยู่ข้างกายลู่หยวน และได้สอบถามมามากมายเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์มาร
ด้วยเมล็ดพันธุ์มาร ลู่หยวนสามารถหลอมคนให้กลายเป็นมารได้ เป็นการเสริมพลังให้กับสายเลือดมารของตัวเอง
แน่นอนว่ายิ่ง ‘ของดี’ เหล่านี้แข็งแกร่งเท่าไหร่ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น
หากตระกูลเสิ่นลงมือขึ้นมา ย่อมกลายเป็น ‘ของดี’ ที่ส่งถึงมือลู่หยวน!
ทำไมไม่ใช้ประโยชน์จากข้อต่อรองดังกล่าวล่ะ?!
ฉินอี่หานลืมตาขึ้น แสร้งทำเป็นเจ็บปวด คล้ายกับไม่เต็มใจ ก่อนจะถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “…อวี้เฟิง”
นางพลันไอออกมา จากนั้นปรับน้ำเสียง “ตอนนี้ข้าเข้าใจความหมายของเจ้าแล้ว แต่การฆ่าเขาไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกสิ่งเป็นเพียงการคาดเดาของเจ้าเท่านั้น เจ้าต้องโน้มน้าวตระกูลเสิ่นก่อนแล้วค่อยคุยเรื่องร่วมมือกัน หาไม่แล้ว ทุกอย่างมันก็เป็นเพียงแค่ลมปาก”
หลี่เจียงหนานพยักหน้า “ข้ารู้เรื่องนี้ดี สิ่งที่แม่นางฉินว่ามา ก็คือขอเพียงข้าตกลงกับตระกูลเสิ่นได้ เจ้าก็จะช่วยใช่หรือไม่”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
สายตาของผู้ฝึกกระบี่หญิงมุ่งมั่น “ชีวิตของลู่หยวนผู้โฉดชั่วตายไปก็ไม่น่าเห็นใจ! ข้าแค่เกลียดตัวเองที่แข็งแกร่งไม่พอ ฆ่าเขาไม่ได้จนต้องกลายเป็นบริวาร!”
ทันทีที่สิ้นคำพูด เสียงหนึ่งก็ดังมาจากก้นบึ้งของหัวใจนาง “นี่ ๆๆ เจ้าเอาเรื่องข้าไปพูดกับคนนอกหรือ?!”
ฉินอี่หานถูกลู่หยวนประทับยันต์ไว้ ชายหนุ่มจึงทราบว่านางกำลังทำอะไรอยู่ตลอดเวลา รวมถึงสิ่งที่นางพูดด้วย
ผู้ฝึกกระบี่หญิงไม่ตอบเจ้านาย ทำแค่เพียงจ้องมองหลี่เจียงหนาน
อีกฝ่ายเห็นนางเป็นเช่นนี้ ก็รู้สึกยินดียิ่งนัก “เช่นนั้น แม่นางฉินรอฟังข่าวดีได้เลย!”