ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 118 ค่ายกลจตุรเทพ
บทที่ 118 ค่ายกลจตุรเทพ
บทที่ 118 ค่ายกลจตุรเทพ
เสิ่นฉงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกวัดแกว่งกระบี่ยาวออกไป พลังสีดำทมิฬราวกับมารร้ายกลืนกินกระบี่ยาวทั้งเล่มอีกครั้ง ผ่านไปสักพัก พลังสีดำทมิฬก็กลืนกินกระบี่ยาว คมกระบี่ที่เดิมเป็นสีเงินค่อย ๆ กลายเป็นสีดำ
“ค่ายกลจตุรเทพ ทำงาน!”
ลู่หยวนพ่นลมเสียงต่ำออกมา พบว่าสัตว์เทพทั้งสี่ทิศพลันเคลื่อนไหว ร่างขนาดใหญ่หันมา ก่อนจะพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา
ภาพมายาหายไปในทันที พลังที่เป็นของสัตว์เทพสี่ตนถูกส่งไปยังผู้คนที่ยืนอยู่ทั้งสี่ทิศ
ผู้อาวุโสที่ประจำตำแหน่งวิหคเพลิงและพยัคฆ์ขาวลงมือก่อน เพียงชั่วพริบตา พวกเขาก็มาอยู่ตรงหน้าเสิ่นฉง
บรรพชนตระกูลเสิ่นไม่กล้าประมาท ทั้งสี่คนในตอนนี้ได้รับการเสริมพลังของสัตว์เทพ ทำให้ความสามารถพัฒนาขึ้นในทุกด้าน
แม้กระทั่งความเร็วของผู้อาวุโสสองคนนั้นที่พุ่งเข้ามายังเร็วกว่าเดิมถึงเท่าตัว!
จงซื่อผู้ประจำตำแหน่งเต่าดำ ร่างพลันวูบไหวก่อนจะซ่อนตัวในความมืดอย่างเงียบงัน
แรงกดดันอันทรงพลังปรากฏขึ้นทันทีด้วยกระบี่ยาวของเสิ่นฉง ชั้นปราณกระบี่สีดำพวยพุ่งจนความว่างเปล่ารอบด้านเริ่มสั่นไหว
“เป็นแค่พวกเจ้าสองคน แต่อยากพรากชีวิตข้าอย่างนั้นหรือ?!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เสิ่นฉงก็ฟาดฟันกระบี่ออกไป ปราณกระบี่นับพันถูกซัดออกไป
ตูม! ตูม! ตูม!
ปราณกระบี่บ้าคลั่งเคลื่อนผ่านความว่างเปล่าทันที เขาเผชิญหน้ากับทั้งสองในพริบตา
วิ้ง!
อักขระของวิหคเพลิงและพยัคฆ์ขาวปรากฏขึ้นจากหน้าผากผู้อาวุโส ร่างของทั้งสองวูบไหว ก่อนหายไปในพริบตา
ตูม!
คลื่นกระบี่นับพันตัดผ่านอากาศ ฟาดฟันลงพื้น สั่นสะเทือนปฐพี เกิดรอยแยกหนึ่งพันจั้งปรากฏขึ้นบนพิภพ กระจายออกทั่วสารทิศ
ปราณกระบี่บ้าคลั่งยังคงกระจายไปตามรอยแยก พลังวิญญาณส่วนใหญ่ในพื้นที่หายไปในพริบตาจากการถูกผู้ฝึกยุทธ์ดูดกลืนไปใช้อย่างต่อเนื่อง
เสียงแจ่มชัดดังขึ้น เสิ่นฉงหันหน้าไปมองพร้อมกุมกระบี่ไว้มั่น พบว่าเหนือขึ้นไปในท้องนภา ผู้อาวุโสสองคนใช้เคล็ดวิชา ก่อนค่ายที่กลแปลกประหลาดซับซ้อนจะถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สสารสีดำปรากฏขึ้นที่ใจกลางเหนือค่ายกล ยังคงแผ่ขยายออกไป
กลิ่นอายเน่าเปื่อยนานาชนิดปรากฏขึ้นเหนือปฐพี กลายเป็นร่องรอยของกลุ่มพลังสีดำทมิฬพุ่งขึ้นสู่ท้องนภา
ร่างของเหล่ายอดฝีมือเริ่มปลดปล่อยพลังสีดำออกมา พุ่งเข้าหาค่ายกลในท้องนภา หลังจากกลืนกินพลังสีดำทมิฬนั้น สสารสีดำกลางท้องฟ้าก็แผ่ขยายออกไปปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ทันที
เสิ่นฉงเพียงสัมผัสได้ว่า หลังจากพลังสีดำทมิฬในร่างกายพุ่งออกไปแล้ว โทสะและความเกลียดชังที่อยู่ในใจพลันหายไปอย่างคาดไม่ถึง
“ค่ายกลสามพิษ?”
เสิ่นฉงพึมพำออกมา แววตาเผยความระแวดระวัง
ค่ายกลสามพิษนี้คือค่ายกลระดับจักรพรรดิ คอยดูดกลืนความละโมบ ความเกลียดชัง และความเขลาระหว่างสวรรค์และปฐพีเข้าสู่ใจกลางค่ายกล ก่อนกระตุ้นให้เกิดพลังมหาศาล
ค่ายกลนี้เคยถูกโลกมองว่าเป็นสิ่งชั่วร้าย ดังนั้นเมื่อหลายพันปีก่อน มันจึงถูกสำนักอักขระสวรรค์ผนึกไว้
เพื่อจัดการกับบรรพชนเสิ่นให้อยู่หมัด ลู่หยวนคนนี้ถึงกับยอมทุ่มทุนใช้
ทว่าค่ายกลนี้ต้องผลาญการบ่มเพาะของผู้ใช้เป็นอย่างมาก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความละโมบ ความเกลียดชังและความขาดเขลาที่อยู่ในค่ายกลสามพิษดังกล่าว
ความละโมบ ความเกลียดชังและความขาดเขลาที่เป็นของยอดฝีมือขั้นปรมาจารย์ยุทธ์ระดับกลาง จะมาถูกควบคุมโดยสองยอดฝีมือขึ้นเซียนยุทธ์ได้อย่างไร?!
เสิ่นฉงจับจ้องทั้งสองคนผู้กำลังควบคุมค่ายกลกลางอากาศ พบว่าสสารสีดำยังคงมีขนาดใหญ่ขึ้น เห็นได้ชัดว่าร่างของสองผู้อาวุโสเริ่มสั่นสะท้าน หมายความว่าพวกเขาไม่สามารถควบคุมมันได้
ดวงตาของบรรพชนตระกูลเสิ่นขยับ จับจ้องไปยังบุตรศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ไม่ไกล พร้อมเผยรอยยิ้มออกมา “ลู่หยวน เจ้าคิดว่าพอมีค่ายกลสามพิษแล้ว จะฆ่าข้าผู้นี้ได้หรือ? เจ้าเคยคิดบ้างหรือไม่ ว่าตัวเองจะทนรับค่ายสามพิษได้นานแค่ไหน?!”
ลู่หยวนเงยหน้าขึ้นก่อนสะบัดฝ่ามือออกไปแทนคำตอบ ทำให้พวกเสิ่นโตวกวัดแกว่งกระบี่ขนาดใหญ่ทันที
ร่องรอยความหงุดหงิดเกิดขึ้นในใจของคู่สนทนา ไอ้สารเลวลู่ผู้นี้เอาแต่ซ่อนอยู่ด้านหลังคนอื่นอยู่ได้!
เช่นนั้นก็ต้องปิดฉากให้ไว!
เจตจำนงกระบี่ของเสิ่นฉงพุ่งออกไป จากด้านข้าง คลื่นกระบี่นับพันถาโถมออกไป กระบี่ขนาดใหญ่กระจายออกจากด้านหลัง
กระบี่ยาวสีดำส่งเสียงกระซิบ เขาสะบัดกระบี่ออกไป กระบี่ด้านหลังแยกออกเป็นสองเล่มทันที
หนึ่งในนั้นพลันปรากฏขึ้น พุ่งเข้าหาค่ายกลสามพิษในท้องนภา
อีกเล่มพุ่งเข้าหาสมาชิกของตระกูลเสิ่นที่อยู่ตรงหน้า
เสิ่นฉงกำลังมองหาโอกาส ร่างวูบไหวไปมา เพียงพริบตาก็มาอยู่ตรงหน้าลู่หยวน
สายตาของลู่หยวนเคร่งขรึม เขาถือหอกไว้มั่น ราวกับมังกรพุ่งออกจากหุบเหว พลังหอกแก่กล้าปรากฏขึ้นมา
เหนือหอกดังกล่าว มังกรขดคล้ายกับมีชีวิต ร่างของมังกรยังคงพัวพันรอบหอกดวงตาของลู่หยวนกลายเป็นสีชาด รอบข้างพลันถูกปกคลุมโดยสีแดงเข้มแปลกประหลาด พลังมังกรแก่กล้ามาถึงในทันที
“อาณาเขตหรือ?”
เสิ่นฉงมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา
เด็กผู้นี้มีฝีมือยิ่งนัก แถมยังรู้เรื่องอาณาเขตเสียอีก มีกลิ่นอายโบราณในอาณาเขตนี้ ที่แปลกยิ่งกว่า คือมีพลังมังกรที่แท้จริงแผ่ออกมา
เมื่อพลังมังกรนี้แผ่ออกมาที่เขา มันถึงกับทำให้มีความคิดที่จะล่าถอย
เสิ่นฉงสลัดความคิดที่จะถอยออกไปทันที
“พลังมังกรนี่มันอะไรกัน? ต่อให้วันนี้เจ้าเป็นมังกรยักษ์ ข้าผู้นี้ก็จะฆ่าเจ้าที่นี่ซะ!”
เสิ่นฉงชักกระบี่ออกมา ทำการกวัดแกว่งกระบี่ยาว ปราณกระบี่นานาชนิดรวมตัวจากทุกทิศทาง ผลึกเส้นทางที่ลู่หยวนจะสามารถเดินเหินได้
ร่างของเสิ่นฉงวูบไหวอีกครั้ง มือทั้งสองข้างถือกระบี่ยาว ขณะแผ่เจตจำนงกระบี่ไร้พรมแดนแผ่ออกมา ค่ายกลบางส่วนรอบข้างไม่อาจทนต่อแรงกดดันของเจตจำนงกระบี่นี้ได้ จึงเริ่มพังทลายลง
เพียงแค่หนึ่งอึดใจ เสิ่นฉงก็พุ่งมาอยู่ตรงหน้าลู่หยวนแล้ว!
ชายหนุ่มตวัดกระบี่ แรงกดดันของคู่กรณีพลันหายไป พลังสีดำทมิฬแผ่ออกมาเหนือร่างกายของเขา พร้อมกลิ่นโลหิตคละคลุ้งทำให้ผู้คนรู้สึกสะอิดสะเอียน
พลังสีดำทมิฬพลันสลาย อาณาเขตที่เดิมเป็นสีแดงถูกย้อมด้วยสีดำ ลวดลายสีดำแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนหน้าผากของลู่หยวน
หลังจากเสิ่นฉงสัมผัสกลิ่นอายนี้ เขาแข็งทื่อทันที
นี่มันกลิ่นอายของเมล็ดพันธุ์มารไม่ใช่หรือ?!
ร่องรอยความยินดีวูบไหว จากจิตสังหารไร้พรมแดนในดวงตาของเสิ่นฉง เขามองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง บุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักธารสุญญะที่แดนเหนือให้ความเคารพยำเกรง ผู้ฝึกยุทธ์อันดับต้น ๆ ในหมู่คนรุ่นเยาว์ผู้ชั่วร้าย ที่แท้…
ลู่หยวนคือเผ่ามาร!
ฮ่า ๆๆๆๆ!
ลู่เทียนเหอ อู่หมิงเสวี่ย พวกเจ้าปกปิดได้ดีเหลือเกิน พวกเจ้าถึงกับเลี้ยงดูเผ่ามารมาได้นานขนาดนี้ แถมยังให้เจ้านี่ได้ยินดีกับทรัพยากรไร้ที่สิ้นสุดจนเติบโตได้เท่าที่ต้องการ ยกยอปอปั้นเป็นบุตรชาย ช่างทำการอุกอาจยิ่งนัก!
นี่เป็นการช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ!
ประกาศตนเป็นศัตรูกับโลกทั้งใบ
ขัดกฎเกณฑ์แห่งสวรรค์!
ทรยศหลักการของทั่วทั้งแผ่นดินหยวนหง!
บรรพชนเสิ่นมองเผ้าหมายด้วยสายตาวาวโรจน์ราวกับเพลิงโหม
การลงมือสังหารลู่หยวน นับเป็นการทวงความยุติธรรมให้กับสวรรค์!