ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 131 บดขยี้บันไดสวรรค์ในสิบขั้น (ปลาย)
บทที่ 131 บดขยี้บันไดสวรรค์ในสิบขั้น (ปลาย)
บทที่ 131 บดขยี้บันไดสวรรค์ในสิบขั้น (ปลาย)
สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นสำนักศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินหยวนหง และมีคัมภีร์วิชายุทธ์มากกว่าสำนักอื่นใด
ยิ่งกว่านั้น ในบรรดาอาจารย์ที่สั่งสอนอยู่ในสำนัก หลายคนเป็นตัวตนอันโดดเด่นเหนือใครเทียบจากสายต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเป็นบุตรหลานตระกูลใด ศิษย์สำนักใด ในใจแต่ละผู้ล้วนโหยหาอยากเข้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์นัก
เพราะถึงอย่างไร ขอเพียงเข้าร่วม ผู้อ่อนแอที่สุดก็สามารถเปิดสำนักของตนได้!
หากบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่แห่งตำหนักธารสุญญะไม่อาจเข้าร่วมกับสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ชั่วชีวิต เกรงว่าทั้งตระกูลลู่ หรือกระทั่งแดนเหนือทั้งแดนก็อาจเปลี่ยนแปลงไป!
เหิงอีเจี้ยนยืนเบื้องหลังบุตรศักดิ์สิทธิ์ เกลี้ยกล่อมเขาอย่างจริงใจ “นายท่าน อย่าเดิมพันเช่นนี้เลย! หากเข้าร่วมสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ เกรงว่าตัวนายท่านเองจะเสียหายมาก!”
ไป๋ชิวเอ๋อร์เองก็พยักหน้าเห็นด้วย
ฉินอี่หานยืนเงียบไม่เอ่ยวาจาใด นางเชื่อใจลู่หยวนเสมอ ขอเพียงเป็นสิ่งที่อีกฝ่ายพูด นางก็แน่ใจว่าเขาจะทำได้แน่
แม้หนนี้ สิ่งที่ศิษย์น้องตัวแสบพูดจะฟังดูเป็นไปไม่ได้เลยจริง ๆ ก็ตาม แต่เขาก็ทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้มาหลายหนแล้ว… หนนี้จะไม่ได้เชียวหรือ?!
ต่อให้ลู่หยวนพูดว่าพรุ่งนี้ เขาจะสะบั้นศีรษะของจักรพรรดินีแดนมัชฌิมเสีย นางก็ยังเชื่อ!
บุตรศักดิ์สิทธิ์ยกมือขึ้นหยุดคำเกลี้ยกล่อมจากทุกคน “ข้ารู้แก่ใจดี”
แล้วเขาก็กล่าวกับหลิงอวิ๋นด้วยสีหน้ามั่นใจ “บรรพชนหลิงอวิ๋น ข้ายอมรับข้อเสนอ ท่านคิดเช่นไร?”
ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่หลิงอวิ๋นผู้เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “ในเมื่อเจ้าสำนักตกลงเดิมพัน ข้าก็ย่อมต้องตกลง ทว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่คิดให้ดีเถิด ผลเดิมพันครั้งนี้ไม่อาจเสียใจภายหลัง!”
ลู่หยวนยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม “ย่อมเป็นเช่นนั้น!”
ทันทีที่สิ้นคำ เฉิงไท่เหนือเวหาก็โบกฝ่ามือ และผู้ซึ่งยังคงกระเสือกกระสนจะขึ้นบันไดก็ถูกอำนาจทรงพลังม้วนตัวกลิ้งหลุน ๆ ลงไป
“ในหมู่พวกเจ้า ไร้ผู้ใดมีคุณสมบัติเข้าร่วมกับสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์!”
เสียงดังออกมาจากปากของเฉิงไท่ สะบั้นหนทางสู่จุดสูงสุดแห่งแผ่นดินของผู้คนเหล่านี้ไป
ร่างของลู่หยวนวูบไหวมาอยู่ที่ตีนเขา บันไดสีทองทอดยาวสู่หมู่เมฆา แผ่แรงกดดันยิ่งใหญ่
เขายกเท้าขึ้นเหยียบย่างบนบันไดสวรรค์
ทุกสายตาเองก็จ้องเขม็งมาที่เขา
หนึ่งขั้น…
สองขั้น…
ลู่หยวนไม่ได้เร่งรีบหรืออ้อยอิ่ง สองมือไพล่หลังขณะเดิน ทุกย่างก้าวมั่นคง ความเร็วการเคลื่อนตัวหาได้แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย แรงกดดันบนบันไดสวรรค์นี้ดูเหมือนไร้ผลสำหรับเขา
ท้ายที่สุด ร่างของชายหนุ่มพลันหยุดลงในขั้นที่เก้า
ความสนใจของคนทุกผู้ถูกดึงมายังบุตรศักดิ์สิทธิ์ “นี่คือขั้นที่เก้าแล้ว หากขั้นที่สิบของลู่หยวนไม่อาจบดขยี้บันไดสวรรค์ได้ เขาก็แพ้เดิมพัน”
“ข้าว่าเขาต้องแพ้แน่แล้ว เก้าขั้นแรกไร้สิ่งใดเกิดขึ้น แล้วขั้นที่สิบเขาจะทลายบันไดได้หรือ?”
“น่าเสียดาย การบ่มเพาะแข็งแกร่งเพียงนี้ในอายุเท่านี้ หากได้เข้าร่วมกับสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ข้าเกรงว่าอนาคตเขาคงยิ่งใหญ่เหนือใครเป็นแน่! หากพ่ายในวันนี้ก็เท่ากับเสียอนาคตยิ่งใหญ่นั่นไป!”
หลิงอวิ๋นเองก็ลอบรำพึงในใจ ด้วยฝีมืออย่างลู่หยวน เขาอาจจะสามารถสร้างสถิติยามก้าวขึ้นบันไดสวรรค์ ก่อมรสุมไปทั่วสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ได้ มีอาจารย์ผู้แข็งแกร่งที่สุดสอนสั่งด้วยตนเอง บ่มเพาะเขาเป็นยอดฝีมือแห่งยุค
ทว่ายามนี้ ทุกสิ่งล้วนเป็นมายา…
หยางอวิ๋นมองอย่างเย็นชา หัวใจเต็มไปด้วยคำเย้ยหยัน
ผู้ลำพองย่อมต้องรับผิดชอบวาจาตน!
ลู่หยวนยืนบนขั้นที่เก้า หลุบตาลงแล้วไม่ได้เคลื่อนขยับเสียเนิ่นนาน
“เขาไม่ได้ก้าวขามาชั่วหนึ่งถ้วยชาแล้ว เหตุใดจึงไม่ขยับเล่า?”
“ไม่ใช่เพราะเห็นตนไม่อาจทำตามที่เดิมพันได้ เลยอยากยื้อเวลาทำใจหรือ?”
สายตาของทุกคนเริ่มแฝงแววเย้ยหยัน
ทันใดนั้น ลู่หยวนก็ขยับก้าวสุดท้าย
เมื่อเท้าของเขาสัมผัสลงบนขั้นที่สิบ พลังอันร้ายกาจสายหนึ่งพลันปกคลุมทั่วบันไดสวรรค์
แกรก! แกรก!
จากเท้าของลู่หยวน บันไดสวรรค์ทุกขั้นพลันเริ่มแหลกสลาย
พลังของชายหนุ่มถดถอยลง แทนที่ด้วยพลังมังกร
ตูม!!
บันไดสวรรค์ซึ่งทอดยาวดั้นเมฆาสลายไป
บันไดสวรรค์ซึ่งเปล่งรัศมีศักดิ์สิทธิ์เรืองรองแหลกสลาย กลายเป็นเศษซากสีทองมลายกลางเวหา
ทุกคนเบิกตากว้าง มองทุกสิ่งตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อ
บันไดสวรรค์ถูกบดขยี้ได้จริง ๆ หรือ?!
ลู่หยวนถอนอำนาจมังกรไป และหอคอยอสูรสวรรค์ในจิตเทวะของเขาก็ส่งเสียงเรอ พลังสีดำรายล้อมดูปรีดาขึ้นกว่าเก่า
นับแต่ชายหนุ่มเห็นบันไดสวรรค์นี้ หอคอยอสูรสวรรค์ในจิตเทวะก็เริ่มตื่นเต้น
เหตุนี้เหมือนกับครั้งพบทัณฑ์อัสนีในกาลก่อน ยามนั้นเขาจึงรู้ว่าหอคอยอสูรสวรรค์ก็กลืนกินบันไดสวรรค์นี้ได้เช่นกัน!
ชายหนุ่มจึงตกลงเดิมพัน หนึ่งก็เพื่อทำให้หลิงอวิ๋นเป็นอาจารย์ของเขายามเข้าร่วมสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ตนจะได้ใกล้ชิดกับหลิงอวิ๋นและชิงค่าชะตาของนางในภายหน้า
ขณะเดียวกัน เขาก็ฉวยโอกาสนี้ให้หอคอยอสูรสวรรค์กลืนกินบันไดสวรรค์ด้วย
ลู่หยวนยังคงค้างอยู่ในท่าก้าวขึ้นบันได มองกลุ่มแสงทองสลายหายไปแล้วส่ายหน้า “เปราะบางเพียงนี้เชียวหรือ? ข้ายังไม่ได้ออกแรงเลยนะ”
เมื่อผู้คนได้ยินเช่นนี้ หัวใจของพวกเขาก็สั่นสะท้านพรั่นพรึง
ข้ายังเป็นคนอยู่หรือไม่?!
เขาบดขยี้บันไดสวรรค์นี้ได้ขณะมีฐานการบ่มเพาะขั้นเทียมเซียน?!
และยังทำได้โดยไม่ต้องออกแรง!
แข็งแกร่งจนน่าสะพรึงกลัว!
ใบหน้าของหยางอวิ๋นเองก็ซีดขาว ไม่อาจรับภาพที่เห็นตรงหน้าได้
ยามเขาเหยียบย่างบนบันไดสวรรค์ เขาทุ่มสุดชีวิตราวสุนัขจนตรอก ท้ายที่สุดก็ขึ้นสู่ขั้นที่หกสิบเจ็ด จึงเป็นที่โปรดปรานของหลิงอวิ๋นและได้รับเขาเป็นศิษย์
ทว่ายามนี้ สิบก้าวสิบขั้นของลู่หยวนที่ทลายบันไดสวรรค์นี้ลง ทรงพลังยิ่งนัก!
หยางอวิ๋นพลันรู้สึกว่าความต่างชั้นระหว่างตนกับศัตรูช่างเหมือนฟ้ากับดิน
[ระบบแจ้งเตือน บุตรแห่งโชคชะตาหยางอวิ๋นได้รับความเสียหายทางจิตใจ ค่าชะตาลดลง 4,000 แต้ม! ค่าชะตาคงเหลือในขณะนี้ 14,000 แต้ม!]
[ท่านได้รับค่าชะตาเพิ่มขึ้น 8,000 แต้ม ค่าชะตาปัจจุบัน 38,000 แต้ม!]
ลู่หยวนหัวเราะเยี่ยงคนบ้าอยู่ในใจ ค่าชะตาไหลมาเทมานี่มันดีเยี่ยมจริง ๆ!
เขาปริปากเอ่ยวาจากังวาน สะท้านสะเทือนทั่วเขาเคลื่อนฟ้าในพริบตา “เดิมพันหนนี้ ชัยชนะเป็นของข้า!”
เหนือเวหา เฉิงไท่พลันแย้มยิ้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงเริงร่าพอใจ “ดี! เจ้าหนูตระกูลลู่นี่ไม่เลวจริง ๆ! ตาเฒ่าผู้นี้พ่าย หลิงอวิ๋นเป็นอาจารย์ให้เจ้าหนุ่มลู่แล้ว!”
“และสองท่านที่มากับเจ้า ก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน!”
ว่าจบร่างของเฉิงไท่ก็หายวับไปในหมู่เมฆา
ร่างของลู่หยวนวูบไหวมาอยู่บนยอดเขาเคลื่อนฟ้า
บุคคลหัวไวบางคนก้าวเข้ามาเสวนากับชายหนุ่มทันที
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เหนือธรรมดาจริงแท้! ข้าเป็นศิษย์โถงกระบี่อู๋เหลียง หากบุตรศักดิ์สิทธิ์มีเรื่องใด มาพบข้าได้ที่โถงกระบี่เสมอ”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้าเองก็เป็นศิษย์โถงกระบี่…”
ทุกคนที่มีกิริยาฉับไวต่างแนะนำตัวกับลู่หยวน
คนเหล่านี้ล้วนแต่เป็นลูกหลานจากสำนักตระกูลอันแข็งแกร่งทั่วแผ่นดินหยวนหง เข้าใจดีกว่าใครว่าการผูกมิตรกับผู้แข็งแกร่งจะเป็นประโยชน์ต่อตนและขุมกำลังเบื้องหลัง
การกระทำของชายหนุ่มวันนี้ กล่าวได้ว่าเขาเป็นดั่งปีศาจ!
หากคนเช่นนี้เติบโตขึ้น ต้องเป็นผู้อยู่ ณ จุดสูงสุดแห่งแผ่นดินได้เป็นแน่
การผูกมิตรกับเขามีแต่ผลดีในภายหน้า หาเสียหายใดไม่!
ลู่หยวนไม่รังเกียจการเข้าหาของคนเหล่านี้ เพราะถึงอย่างไร ภายหน้าเขาก็ยังต้องอยู่ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์อีกนาน และยังมีเรื่องที่ต้องใช้พวกเขาอีกในอนาคต