ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 142 การแข่งขันภายใน (ต้น)
บทที่ 142 การแข่งขันภายใน (ต้น)
บทที่ 142 การแข่งขันภายใน (ต้น)
เมื่อบุตรศักดิ์สิทธิ์พาคนของตนเองไปถึงยอดเขา พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายทรงพลังกำลังแผ่เข้ามา พลังวิญญาณที่อยู่ภายในนั้นแข็งแกร่งกว่าโลกภายนอกหลายสิบเท่า หากทำการฝึกฝนที่นี่ พวกเขาจะต้องได้ผลลัพธ์เป็นสองเท่าจากความพยายามเพียงครึ่งเดียวอย่างแน่นอน!
ท่ามกลางยอดเขา ศิษย์จำนวนมากที่ผ่านไปมาสังเกตเห็นตัวตนของพวกคุณชายลู่จากตำหนักธารสุญญะ
ที่นี่คือยอดเขาสูงสุดของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่อยู่ของเจ้าสำนัก ส่วนผู้ที่มักจะเข้ามาที่นี่ มีเพียงศิษย์ของอาจารย์สำนักจำนวนมาก เจ้าสำนัก หรือแม้กระทั่งบุคคลใหญ่โตบนแผ่นดินหลัก
ที่นี่มีคนแปลกหน้ามาเยือนน้อยนัก พวกบุตรศักดิ์สิทธิ์คือคนแปลกหน้าในสายตาของพวกเขา ทำให้ศิษย์หลายคนมองพวกชายหนุ่มอยู่หลายครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ลู่หยวนไม่ได้สนใจสายตาเหล่านั้น เขาถือประกาศิตรุ่งอรุณตลอดทาง จึงไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามปราม
หลังจากเข้าห้องโถงหลักแล้ว ลู่หยวนยังไม่ทันเปิดปาก เสียงของชายชราก็ดังขึ้น “เจ้าหนูตระกูลลู่มาที่นี่หรือ?”
หลังจากสิ้นเสียงดังกล่าว กลุ่มควันสีเขียวเหนือกระถางธูปที่ลุกไหม้ในห้องโถงหลักพลันม้วนตัว
ผ่านไปสักพัก มันก่อตัวเป็นรูปลักษณ์คล้ายเซียน ไม่แตกต่างจากร่างที่บุตรศักดิ์สิทธิ์เห็นในหุบเขาเคลื่อนฟ้า
นี่คือจิตเทวะของเฉิงไท่
เขาผู้นี้นับว่าเป็นผู้อาวุโสของลู่หยวน หลังจากชายหนุ่มนำคนทักทายพอเป็นพิธีแล้ว จึงเปิดปากถามตามตรงว่า “ข้าได้ยินว่าเจ้าสำนักชอบศึกษาเส้นชีพจรวิญญาณใช่หรือไม่?”
ความจริงเฉิงไท่อาจจะรู้อยู่แล้วว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์มาที่นี่เพราะเหตุใด เขาจึงไม่แตกตื่นแต่อย่างใด “ใช่”
“ข้ามาในวันนี้ เพื่อมอบศิษย์สองคนให้กับเจ้าสำนัก”
“โอ้?”
เฉิงไท่จ้องมองฉินอี่หานกับไป๋ชิวเอ๋อร์ที่อยู่ด้านหลังอีกฝ่าย “เจ้าหมายถึงพวกนางสองคนนั้นหรือ”
ลู่หยวนพยักหน้า กำลังจะกล่าวบางอย่างเพิ่มอีก แต่ผู้อาวุโสกล่าวว่า “ได้ ถ้าอย่างนั้น ข้าจะรับเอาไว้เอง”
บุตรศักดิ์สิทธิ์ตกตะลึง เขาไม่คิดว่าชายชราจะยอมรับง่ายขนาดนี้?!
เฉิงไท่ยิ้ม กล่าวตามตรงว่า “ที่จริงตอนข้าเห็นพวกนางสองคนครั้งแรกก็อยากรับไว้เป็นศิษย์อยู่แล้ว ติดแค่ว่า ข้าเป็นเจ้าสำนัก ถึงแม้จะเป็นตัวตนแข็งแกร่งที่สุดในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ แต่ด้วยสถานะของข้า จึงมีข้อจำกัดมากมายในการรับศิษย์”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้เอ่ยออกมา ชายหนุ่มจึงเข้าใจ
อีกฝ่ายคืออาจารย์สำนักคนหนึ่งในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นเป็นธรรมดาที่เขาอยากรับศิษย์เช่นกัน
แต่เพราะเป็นเจ้าสำนัก หากออกไปเลือกศิษย์ด้วยตัวเองเหมือนกับอาจารย์สำนักคนอื่น อาจารย์สำนักคนอื่นย่อมต้องให้เกียรติชายชราเลือกก่อนอย่างแน่นอน
แต่ถ้าเขาเลือกใครบางคนที่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยม อาจารย์สำนักคนอื่นย่อมรู้สึกไม่สบายใจ สาเหตุที่พวกเขาส่วนใหญ่ทำการสอนสั่งที่นี่ เพราะต้องการบ่มเพาะศิษย์ที่แข็งแกร่ง จนเพิ่มพูนสถานะบนแผ่นดินหลัก
หากเขาเลือกใครบางคนที่มีพรสวรรค์ไม่มากพอ ศิษย์ก็จะเกิดความขุ่นเคืองในใจ ใครบ้างไม่อยากอยู่กับเฉิงไท่ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์สำนักที่แข็งแกร่งที่สุด?!
เฉิงไท่จึงยอมเลือกคนที่มีพรสวรรค์ด้อยกว่าเขา
แต่ไม่ว่าชายชราจะเลือกคนแบบไหน มันก็มีข้อเสียตามมาอยู่ดี
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เฉิงไท่จึงไม่ทำการรับศิษย์ในตอนแรก ทำได้แค่รอคนเสนอศิษย์เท่านั้น
แต่คนที่เสนอศิษย์ก็มีความคิดเป็นของตัวเอง หากศิษย์ที่ถูกเลือกโดยอาจารย์สำนักถูกส่งไปหาเจ้าสำนัก เจ้าสำนักอาจจะไม่พอใจ ดังนั้นน้อยครั้งนักที่พวกเขาจะส่งศิษย์ไปที่ยอดเขา
ด้วยเหตุนี้ เฉิงไท่ผู้มีตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์มาหลายร้อยปี กลับมีศิษย์จำนวนน้อยนิด เขามีศิษย์เอกเพียงสามคนเท่านั้น
แต่สองคนที่ถูกส่งมาในวันนี้ คือคนที่เฉิงไท่อยากรับไว้จริง ๆ
บุตรศักดิ์สิทธิ์พยักหน้า หากเป็นเช่นนั้น ก็นับว่าประหยัดเวลาพูดไปได้มากโข เขากำลังจะกล่าวบางอย่างเพิ่มอีก แต่ความคิดหนึ่งกลับปรากฏขึ้นในใจ
ลู่หยวนพลันเงยหน้าขึ้น เฉิงไท่ผู้อยู่ไม่ไกลนักเผยร้อยยิ้มบนใบหน้า แต่ในสายตาของคู่สนทนา… รอยยิ้มนั่นดูชั่วร้ายนัก!
เขาหรี่ตา “ข้าไม่คิดว่าเจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์จะเป็นผู้ที่ชอบใช้คนเหมือนกัน”
เฉิงไท่มีปัญหาอย่างเดียว คือตนเองไม่สามารถรับศิษย์โดยตรงได้ แต่ฉินอี่หานกับไป๋ชิวเอ๋อร์มีพรสวรรค์ยิ่งนัก
คนหนึ่งมีจิตใจงดงาม อีกคนมีเส้นชีพจรวิญญาณบริสุทธิ์
เป็นเพราะวันนี้ลู่หยวนก่อเรื่อง ทำให้อาจารย์สำนักเหล่านั้นไม่สามารถเลือกศิษย์ของพวกเขาได้ หลังจากเรื่องนี้จบลง อาจารย์สำนักบางส่วนย่อมสังเกตเห็นตัวตนของฉินอี่หานกับไป๋ชิวเอ๋อร์
ด้วยพรสวรรค์ของทั้งสอง พวกนางย่อมถูกอาจารย์สำนักจำนวนมากรุมล้อมอย่างแน่นอน!
เฉิงไท่คล้ายกับมั่นใจว่าลู่หยวนจะต้องส่งพวกนางทั้งสองมา เพราะด้วยพฤติกรรมอาละวาดของชายหนุ่มในวันนี้ ต่อให้เจ้าสำนักรับสองสาวไป อาจารย์สำนักที่เหลือย่อมไม่คิดว่าเขากำลังแย่งชิงคนของตน
ครั้งนี้ เฉิงไท่ไม่ได้ทำอะไร ไม่เพียงแค่สามารถรับศิษย์ที่ดีเยี่ยมสองคนได้เท่านั้น แต่ยังไม่สร้างปัญหาให้กับสำนักอีกด้วย
ยิงเกาทัณฑ์ดอกเดียวได้นกสองตัว!
ตอนนี้ชายชราไม่ปกปิดความรู้สึก เรียวปากแสยะยิ้มส่งให้ลู่หยวน “พวกเราก็คนประเภทเดียวกันนั่นแหละ แต่ข้ายังเทียบคนหนุ่มอย่างเจ้าไม่ได้หรอก”
“ถึงอย่างไรข้าก็นับถือใจตัวเจ้า อายุเพียงเท่านี้ กลับมีจิตใจที่หาญกล้านัก นับว่าหาได้ยากยิ่ง!”
เฉิงไท่ดำรงตำแหน่งเจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์มาโดยตลอด เขาจะไม่รู้ความหมายแฝงของอีกฝ่ายเลยหรือ? แน่นอนว่าเขารู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของสิ่งที่ลู่หยวนทำในวันนี้เช่นกัน!
บุตรศักดิ์สิทธิ์เผยรอยยิ้มเย็นชา “ผู้อาวุโส พวกเราไม่ควรได้รับคำชื่นชมหรอก”
“ในเมื่อข้าช่วยท่านหาศิษย์ที่ดีมาให้ถึงสองคน ท่านก็ควรทำในส่วนของตัวเองด้วยเช่นกัน”
หลังจากกล่าวจบ ลู่หยวนก็ยกเทียนเม่ยเอ๋อร์ออกจากอ้อมแขน “ข้าได้ยินมาว่า สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้อยู่ได้เพราะบรรพชนเม่ย”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉิงไท่หายไป สายตาของเขาจับจ้องมายังเทียนเม่ยเอ๋อร์ผู้อยู่ในร่างจิ้งจอก หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ เขาก็ถามช้า ๆ ว่า “จิ้งจอกสวรรค์จากหุบเขาบูรพางั้นหรือ?”
เมื่อเทียนเม่ยเอ๋อร์ได้ยินใครบางคนเอ่ยชื่อเผ่าของตน นางจึงเงยหน้าขึ้นมา
เฉิงไท่เงียบสักพัก สีหน้าเผยความจริงจังขึ้นมา “บรรพชนเม่ยผู้นั้นเก็บตัวมานานแล้ว ชายชราสามารถพยายามให้ได้ แต่คงไม่รับปากว่านางจะยอมรับหรอกนะ”
“หากล้มเหลวจริง ชายชราจะเลือกอาจารย์สำนักให้นางอีกครั้ง เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ลู่หยวนย่อมพยักหน้า “ถ้าเช่นนั้น พวกนางทั้งสามคน ข้าขอฝากท่านด้วยแล้วกัน”
หลังจากนั้น สายตาของบุตรศักดิ์สิทธิ์ก็จับจ้องฉินอี่หานกับไป๋ชิวเอ๋อร์ เขาบอกบางอย่างกับพวกนางสักพัก จากนั้นจึงออกจากห้องโถงหลักไป
ผู้ฝึกกระบี่หญิงและคุณหนูไป๋ทราบว่านายท่านไม่ได้พามาที่นี่เพื่อความสนุก นี่คือสำนักที่ทรงพลังที่สุดในแผ่นดินหลัก พวกนางสามารถเรียนรู้หลายสิ่งจากที่นี่ได้
พวกนางมีแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น จึงจะสามารถช่วยลู่หยวนได้ในอนาคต!
ยิ่งกว่านั้น ทุกคนต่างอยู่ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ หากคิดถึงกัน พวกนางสามารถไปเยี่ยมได้ทุกเมื่อ
สองสาวมองหน้ากัน ก่อนคำนับเฉิงไท่อย่างสง่างาม “คารวะท่านอาจารย์”
เฉิงไท่ยิ้มแล้วพยักหน้า “ลุกขึ้นเถิด”
หลังจากลู่หยวนออกจากยอดเขาของเจ้าสำนักแล้ว เขาก็ตรงไปที่ยอดเขาหอก
ยอดเขาหอกตั้งอยู่ที่สุดขอบของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ เทียบกับส่วนที่เหลือของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ที่นี่รกร้างเงียบสงัดยิ่งกว่า
ยอดเขาที่อยู่ใกล้เคียงมีจำนวนคนน้อยไม่ต่างกัน มีเพียงดวงแสงสว่างสีน้ำเงินที่โคจรรอบยอดเขาหอกเท่านั้นที่แสดงให้เห็นว่ายังคงมีผู้ฝึกยุทธ์อยู่ที่นี่