ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 151 สาวน้อย (ต้น)
บทที่ 151 สาวน้อย (ต้น)
บทที่ 151 สาวน้อย (ต้น)
หลังจากอวี๋ฉู่ครุ่นคิดสักพัก เขาก็กล่าวว่า “เข้าร่วมในครั้งนี้หรือ ไม่เลว!”
ท่าทีของอีกฝ่ายที่แสดงออกมา ทำให้ลู่หยวนสงสัยไม่น้อย
คนอื่นโน้มน้าวไม่ให้ชายหนุ่มเข้าร่วม แต่อวี๋ฉู่กลับสนับสนุน
อดีตเจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์มองอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง “หากเจ้าเข้าร่วมในครั้งนี้ จะได้ประโยชน์มากมาย”
“หืม ได้แบบไหนหรือ?”
อวี๋ฉู่ตอบว่า “การแข่งขันภายในครั้งนี้ จักพรรดินีฉวนจงให้สัญญาว่า ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ จะสามารถเข้าศาลาสวรรค์ประทานในตำหนักของนาง เพื่อหยิบยืมของข้างในและสังเกตการณ์ได้เป็นเวลาสามวัน”
ลู่หยวนพลันสนใจขึ้นมา “ผู้ชนะสามารถเข้าศาลาสวรรค์ประทานได้อย่างนั้นหรือ?”
พระพุทธองค์พยักหน้า
ศาลาสวรรค์ประทานนี้คือสถานที่ลับในแดนมัชฌิม กล่าวได้ว่าเป็นสถานที่ที่ผู้ฝึกวิถีลึกลับทั้งหมดในโลกต่างถวิลหา
มีสมบัติเกี่ยวกับวิถีลึกลับถูกเก็บรักษาอยู่ที่นี่ มันมีอำนาจเชื่อมโยงกับวิถีแห่งสวรรค์ ใช้สำรวจดวงชะตาของแผ่นดินหลักได้
ที่นี่ ทุกคนสามารถตามหาโอกาสสูงสุด และช่วยในการบ่มเพาะได้อย่างมหาศาล!
ทว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้สนใจของพวกนั้น สิ่งสำคัญคือตำราที่ถูกผนึกไว้ในศาลาสวรรค์ประทานล้วนเป็นของต้องห้ามทั้งสิ้น
เรื่องเกี่ยวกับมารก็ย่อมเป็นหนึ่งในของต้องห้ามเช่นกัน ซึ่งมันจะต้องมีบางสิ่งซ่อนอยู่ในศาลาสวรรค์ประทานอย่างแน่นอน ถ้าชนะอันดับสูงสุดในครั้งนี้จะสามารถเข้าไปที่นั่นได้อีกด้วย นี่นับว่าเป็นผลประโยชน์มหาศาลยิ่งนัก!
ทั้งสองสนทนากันอีกครู่หนึ่ง เมื่อไม่มีอะไรคุยกันแล้ว ลู่หยวนจึงหยิบยันต์สองสามใบให้กับอวี๋ฉู่ โดยบอกว่าหากตนต้องการเรียกตัว จะใช้ยันต์ใบนี้อัญเชิญมา
ถึงแม้อีกฝ่ายจะไม่ยินดี แต่ก็ยังคงเก็บยันต์ไป
อวี๋ฉู่ยกฝ่ามือขึ้น ก่อนที่เซียวเทียนจะกลับมาที่เดิม
บุตรแห่งโชคชะตาเผ่ามังกรยืนอยู่ข้างนอกพักใหญ่ ไม่ทราบได้ว่าพวกเขาทั้งสองสนทนาอะไรกันจึงรู้สึกงุนงง แต่เมื่อเห็นสองร่างอยู่เบื้องหน้า เซียวเทียนก็คารวะอวี๋ฉู่ ก่อนจะเดินตามพี่ใหญ่จากไป
คุณชายเซียวไม่ถามเกี่ยวกับรายละเอียดของบทสนทนาระหว่างทั้งสอง เพียงตามลู่หยวนออกจากค่ายกล ทุกสิ่งตรงหน้ากลับสู่ย่านการค้าดังเดิม แต่ท้องนภาก็เป็นช่วงยามเย็นแล้ว
ทั้งสองหันกลับไปท่องเที่ยวเตร็ดเตร่อีกครั้ง เซียวเทียนเลือกนาฬิกาน้ำ อาภรณ์ รวมไปถึงของต่าง ๆ โดยมีพี่ใหญ่คอยให้คำแนะนำ
พ่อหนุ่มคนซื่อลากแขนเสื้อลู่หยวนเดินเที่ยวไปทั่วตลาดถึงพลบค่ำ แต่พี่ใหญ่ก็ไม่ได้มีท่าทีขุ่นเคืองอะไร ท่ามกลางแสงจากโคมริมทางส่องแสงพร่างพรายราวกับอวยพรให้ทั้งสอง ไม่นานพวกเขาก็กลับสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์พร้อมกัน
เซียวเทียนบอกลาลู่หยวนก่อนกลับสู่ยอดเขากระบี่ วันนี้เขาเก็บเกี่ยวของดีมาได้มากมาย กลับไปแล้วต้องจัดระเบียบข้าวของเสียหน่อย
ทั้งสองบอกลากันที่ยอดเขา บุตรแห่งโชคชะตาเผ่ามังกรคารวะ และโบกมือไล่หลังพี่ชายท่ามกลางแสงอาทิตย์อัสดง เมื่อลู่หยวนมองรอยยิ้มร่าเริงของเจ้าคนไร้เดียงสา ในใจก็รู้สึกเปี่ยมความสุขตามไปด้วย
หากลู่หยวนมาเกิดใหม่เป็นพระรอง เซียวเทียนอาจเป็นบุตรแห่งโชคชะตาที่มีความสุขที่สุด
น่าเสียดายที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้เป็นวายร้าย… ยามส่งรอยยิ้มบริสุทธิ์ใจให้น้องชายร่วมสาบาน แววตาเรียวคมคู่นั้นซุกซ่อนเสียงหัวเราะที่ไม่น่าไว้วางใจไว้
ความรู้สึกของการถอนขนแกะมันช่างดียิ่งนัก!
แกะน้อยมีความสุข เจ้าของได้กำไร! โชคชะตาของเซียวเทียนผู้นี้นับว่าไม่เลวทีเดียว พวกเขาเพียงออกไปเดินเตร็ดเตร่ไม่ทันไร ก็พบเจอสมบัติเกี่ยวกับเผ่ามังกรเข้าแล้ว
ร่างของลู่หยวนวูบไหว ก่อนจะกลับสู่ยอดเขาหอก
เขากลับมาที่ห้องของตัวเอง ปิดประตูแน่นหนา ก่อนจะหยิบกระเบื้องและโอสถมังกรมาดู แต่ชายหนุ่มพบว่าทั้งสี่มุมของห้องโถงหลักมีเปลวไฟสีขาวถูกจุดขึ้นมา
เปลวไฟสีขาวนี้เลือนรางยิ่ง ไม่มีความผันผวนอะไร หากไม่ทันระวังก็ยากที่จะค้นพบได้
บุตรศักดิ์สิทธิ์เคาะเท้า ค่ายกลหนึ่งพลันปรากฏขึ้นมาจากใต้เท้า กินพื้นที่ห้องโถงหลักไปจนหมด
เปลวไฟสีขาวเลือนรางถูกค่ายกลกลืนกินจนสิ้น เพียงพริบตา ค่ายกลพลันรวมตัวเข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นยันต์ในมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์
เขาสัมผัสกลิ่นอายของยันต์ใบนั้น พลางกระตุกรอยยิ้ม เปลวไฟเหล่านี้เป็นของหยางอวิ๋น
หากลู่หยวนจำไม่ผิด สิ่งนี้ดูเหมือนจะไม่มีผลกระทบอะไร ทำได้เพียงตรวจจับว่ามีใครอยู่ในห้องโถงหลัก
หากอยากติดตั้งอะไร ควรจะเป็นของที่รุนแรงมากกว่านี้ เหตุใดจึงทำแค่นี้กัน?!
ชายหนุ่มครุ่นคิดสักพักก่อนจะนึกอะไรได้ ร่างของเขาวูบไหว มุ่งหน้าออกไปโถงหลักของบรรพชนหอก
เขาแผ่ค่ายกลออกไป เมื่อรวมตัว มันก็กลับมาพร้อมกับเปลวไฟสีขาวอีกครั้ง
หยางอวิ๋นผู้นี้ไม่เพียงติดตั้งสิ่งนี้ไว้ที่นอกห้องโถงหลักเท่านั้น แต่ถึงขั้นติดตั้งไว้ในที่ที่หลิงอวิ๋นอยู่อีกด้วย!
ทว่าห้องของหลิงอวิ๋นเหมือนจะมีเปลวไฟสีขาวค่อนข้างมากเป็นพิเศษ
เหอะ
เจ้าหนุ่มคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่?
ลู่หยวนเกียจคร้านเกินกว่าจะสนใจเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ จึงลุกขึ้นกลับห้องของตัวเอง
ส่วนหยางอวิ๋นผู้กำลังยืนอยู่ในห้องโถงไม่ไกลนัก เห็นเปลวไฟสีขาวในมือสั่นไหวก่อนถูกชะล้างออกไป จากนั้นเปลวไฟสีขาวจำนวนมากที่อยู่ด้านข้างเขาก็หายไป
ตอนนั้นเองที่เขารู้เช่นกันว่าเปลวไฟตรวจจับถูกค้นพบและถูกกำจัดจนสิ้นซากแล้ว
สิ่งที่บุตรแห่งโชคชะตาหยางใช้ในครั้งนี้ไม่สะดุดตา เนื่องจากมันไม่ส่งผลกระทบเท่าไรนัก จึงง่ายที่จะถูกเมินเฉย
ทว่า มันก็ยังถูกค้นพบ…
แต่โดนพบเข้าก็ปล่อยให้พบไป เขาติดตั้งเอาไว้ทั้งสองที่เพราะชะล่าใจ
ทว่าจุดแสงสว่างเหล่านี้หายไปแทบจะพร้อมกัน!
ตอนนี้อาจารย์ไม่ได้อยู่ที่นี่ ทั่วทั้งยอดเขาหอก นอกจากเขาแล้วก็มีเพียงบุตรศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
สิ่งนี้ถูกกำจัดโดยลู่หยวน!
อีกฝ่ายไม่เพียงกำจัดมันในห้องของตัวเองเท่านั้น แต่ยังกำจัดในห้องของหลิงอวิ๋นอีกด้วย!
หยางอวิ๋นหลับตา นึกถึงสิ่งที่อาจารย์พูดกับเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน
‘อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าจะเป็นศิษย์ของข้าตลอดไป ตั้งใจฝึกฝนเข้าล่ะ’
‘ส่วนลู่หยวน หากเขาพูดอะไรหรือทำอะไรก็อย่าไปสนใจ ข้าคาดหวังในตัวเจ้านะ’
ในตอนนั้นดวงหน้าของบรรพชนหอกยังคงเต็มไปด้วยความโกรธ ราวกับไม่พอใจในตัวบุตรศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก
เมื่อหยางอวิ๋นได้ยินวาจาเหล่านั้น เขาก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมา
อาจารย์สำนักอาจจะไม่ได้ข้องเกี่ยวอะไรกับเจ้านั่นก็จริง แต่เพราะเหตุผลต่าง ๆ นานา ทำให้นางรับมันเป็นศิษย์ไปด้วย!
ก่อนที่หลิงอวิ๋นจะไป นางถึงขั้นบอกว่าจะนำขนมมาฝากเขา ก่อนจะกลับไปที่ตระกูลหลิง
แต่ตอนนี้ สิ่งที่ลู่หยวนทำ เป็นการตบหน้าเขาอีกครั้ง…
เมื่อบุตรแห่งโชคชะตาหยางลืมตาขึ้นอีกครั้ง พลันเผยให้เห็นดวงตาแดงก่ำ “ท่านอาจารย์กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?”
ทำไมเจ้านั่นถึงเอาเปลวไฟตรวจจับออกมาจากห้องนางได้!?