ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 158 บรรพชนเม่ย
บทที่ 158 บรรพชนเม่ย
บทที่ 158 บรรพชนเม่ย
ขณะลู่หยวนและเฉิงไท่กำลังสนทนาเรื่องเทียนเม่ยเอ๋อร์ อีกด้านหนึ่ง ณ ยอดเขาใหญ่ที่อยู่ไกลจากสุดขอบของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์นั้นสงบสุขเงียบสงัด
ยอดเขาใหญ่แห่งนี้แปลกประหลาดยิ่ง ถึงแม้จะมียอดเขาของบรรพชนคนอื่นอยู่รอบข้าง แต่พวกมันไม่เหมือนกับยอดเขาหลักแห่งนี้ มันมีหมู่เมฆม่านหมอกอยู่รายล้อม บดบังทิวทัศน์ทั้งหมดที่อยู่ข้างใน
ยอดเขานี้มีค่ายกลมากมายถูกติดตั้งเอาไว้อย่างแน่นหนา หากใครบางคนที่รู้ศาสตร์ค่ายกลได้มาเห็นเข้า เกรงว่าพวกเขาคงรู้สึกขบขัน
ที่นี่คือสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์อันยิ่งใหญ่ ยอดเขาบรรพชนจำนวนมากถูกห้อมล้อมด้วยการปกป้องจากค่ายกลหรือยันต์ทรงพลัง ต่อให้ปรมาจารย์ยุทธ์มาที่นี่ ก็ใช่ว่าจะทะลวงการป้องกันเหล่านี้ได้โดยง่าย!
ทว่าค่ายกลรอบยอดเขาบรรพชนนี้มีระดับต่ำยิ่ง เมื่อมองดูจากอักขระแล้ว เกรงว่าแม้แต่ยอดฝีมือขั้นจักรพรรดิยุทธ์ก็ยังหยุดไว้ไม่ได้
ค่ายกลระดับต่ำขนาดนี้ ทำให้ศิษย์ของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์นับไม่ถ้วนเดินไปมาได้
บ่อยครั้งที่เมื่อมีศิษย์ใหม่เข้ามา พวกเขาจะถูกพี่น้องทั้งหลายเตือนว่า อย่าพรวดพราดเข้าไปที่นี่ หาไม่แล้ว… ต่อให้อาจารย์สำนักมาเอง ก็ไม่สามารถช่วยพวกเขาได้!
นี่คือยอดเขามนต์เสน่ห์ที่บรรพชนเม่ยอาศัยอยู่
ในยอดเขามนต์เสน่ห์ตอนนี้ เทียนเม่ยเอ๋อร์ผู้กลายร่างเป็นมนุษย์เผยดวงตาเบิกกว้าง พลางจับจ้องสาวงามไร้ที่ติตรงหน้า ด้วยหัวใจเปี่ยมโทสะ
สาวงามไร้ที่ติผู้นั้นสวมชุดสีม่วงดอกหลันฮวารับกับกริยาเปี่ยมความสง่างาม นางคุกเข่าบนเสื่อหยก จุดธูปและชงชา
ทุกท่วงท่าสูงส่งและอ่อนหวานเกินพรรณนา
สาวงามผู้นี้คือบรรพชนเม่ยจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์
เทียนเม่ยเอ๋อร์กัดฟัน กล่าวว่า “เอาข้าออกไป!”
บรรพชนเม่ยคล้ายกับไม่ได้ยินสิ่งที่องค์หญิงหางจิ้งจอกกล่าว นางยังคงก้มศีรษะ ยื่นมือเรียวงามออกไปเล่นของในมืออย่างเรื่อยเฉื่อย
อีกฝ่ายกระทืบเท้า “ข้าบอกว่าอยากออกไป! ท่านต้องให้ข้าออกไป!”
ผ่านไปหลายอึดใจ การเคลื่อนไหวในมือของบรรพชนเม่ยช้าลง นางคลี่ริมฝีปากเย้ายวน “ออกไปหรือ? เจ้าคือศิษย์ของข้า เจ้าต้องเชื่อฟังข้า อาจารย์บอกว่าไม่ให้ออกไป เจ้าก็ออกไปไม่ได้”
“ทำไมกัน?!”
เทียนเม่ยเอ๋อร์วิตก แม้แต่ลู่หยวนผู้ประทับตราทาสให้นางก็ยังไม่เคยห้ามการเดินทางไปไหนเลยด้วยซ้ำ!
ทำไมคนผู้นี้ที่เจอหน้ากันครั้งแรก ถึงอยากให้นางอยู่ในสถานที่คับแคบเช่นนี้ไปตลอดกาลด้วย?!
ถึงกระนั้น เทียนเม่ยเอ๋อร์ทราบดีว่าสตรีตรงหน้าทรงพลังยิ่ง ที่เจ้านายขอเฉิงไท่ให้พานางมาที่นี่ ก็เพราะอยากให้เข้าเป็นศิษย์ของยอดเขามนต์เสน่ห์ เพื่อฝึกฝนอย่างหนัก
แน่นอนว่าการบ่มเพาะย่อมทำได้ นางเองก็คาดหวังในการฝึกฝนเช่นกัน
ก่อนหน้านี้บุตรศักดิ์สิทธิ์ให้สัญญาแล้วว่า ขอเพียงออกจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว พวกเขาจะไปหุบเขาบูรพา
ถึงตอนนั้น เทียนเม่ยเอ๋อร์จะได้พบครอบครัวของตัวเอง
แต่ให้ฝึกฝนก็ฝึกฝน ทำไมต้องมาจำกัดอิสรภาพของนางด้วย!
หากติดอยู่ที่นี่จนตาย จนลู่หยวนออกจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์มุ่งหน้าสู่หุบเขาบูรพา แล้วไม่พบสมาชิกของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ นางจะทำอย่างไร?!
บรรพชนเม่ยจับจ้องสิ่งที่อยู่ในมือ จากนั้นลุกขึ้นทีละก้าว ดวงตาเป็นสีชมพู นางเพียงจ้องมองสักพัก ก็ทำให้ผู้คนลุ่มหลงได้
“เจ้ากับพี่น้องอีกสามคนล้วนเหมือนกัน ในเมื่อเป็นแบบนี้ อย่าโทษอาจารย์ที่ต้องงัดไม้แข็งมาใช้”
คำพูดนั้นแผ่วเบายิ่ง คล้ายกับไม่มีการข่มขู่แต่อย่างใด
แน่นอนว่าน้ำเสียงนี้ไม่ทำให้ผู้เป็นศิษย์หวาดกลัว เทียนเม่ยเอ๋อร์ชำเลืองมองอีกฝ่ายและกำลังจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อเห็นสายตาของบรรพชนเม่ยจับจ้องมา นัยน์ตาสีชมพูพลันกะพริบปริบ ๆ
ใบหน้าโกรธเกรี้ยวของเทียนเม่ยเอ๋อร์ชะงักงัน ดวงตาจ้องมองบรรพชนเม่ย ผ่านไปสักพัก องค์หญิงหางจิ้งจอกจึงผ่อนคลายลง ดวงตาเลื่อนลอยราวกับถูกร่ายมนต์คาถาบางอย่างใส่
บรรพชนเม่ยเดินนวยนาดมาหาอีกฝ่าย เรียวปากกล่าวช้า ๆ ว่า “ไปฝึกฝนเสีย วันนี้เจ้าต้องวิ่งสามแสนรอบ หลังจากวิ่งครบแล้ว ค่อยกินข้าวแล้วนอน”
องค์หญิงหางจิ้งจอกพยักหน้าอย่างเหม่อลอย จากนั้นเดินไปทางห้องโถงหลักที่อยู่ไม่ไกลนัก
หากลู่หยวนมาเห็นฉากนี้เข้า หางตาเขาต้องกระตุกแน่
ตอนนี้ชายหนุ่มยังคงสงสัยว่าบรรพชนเม่ยใช้วิธีอะไรในการฝึกศิษย์ ถึงทำให้คนที่อยู่ใต้อาณัติเก่งกาจยิ่ง
ตามที่เฉิงไท่ว่า ศิษย์ของบรรพชนเม่ยไม่มีปัญหากับการวิ่งหนึ่งล้านรอบต่อวัน
สำหรับผู้ที่กลายเป็นปรมาจารย์ยุทธ์ เกรงว่าพวกเขายังไม่อาจวิ่งมากขนาดนั้นภายในหนึ่งวันได้
หนึ่งล้านรอบเชียวนะ!?
พลังวิญญาณจะไม่หมดตัวก่อนตายหรือ?
แต่ถ้าเห็นวิธีที่บรรพชนเม่ยใช้กับเทียนเม่ยเอ๋อร์แล้ว ลู่หยวนอาจจะเข้าใจขึ้นมา
บรรพชนเม่ยผู้นี้ถึงกับใช้มนต์เสน่ห์กับศิษย์ของตนเอง ทำให้พวกเขายอมเชื่อฟังสักพัก
ไม่ว่าบรรพชนจะบอกอะไร ศิษย์เหล่านี้ก็จะทำให้สำเร็จ แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเกินกว่าความสามารถที่พวกเขาแบกรับได้ แต่ก็จะทำทุกทางเท่าที่ทำได้
ยกตัวอย่างเช่นรอบห้องโถงหลักของบรรพชนเม่ย มีพลังวิญญาณมหาศาลพรั่งพรูออกมา โคจรรอบเทียนเม่ยเอ๋อร์ผู้กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้องโถงใหญ่
ทำให้ความเร็วในการวิ่งขององค์หญิงหางจิ้งจอกเพิ่มขึ้นอย่างมาก!
บรรพชนเม่ยมองอยู่ไกล ๆ ก่อนถอนหายใจ
โลกจะมองเห็นเพียงความสำเร็จของศิษย์นางเท่านั้น แต่พวกเขาไม่อาจล่วงรู้ว่า วีรกรรมที่ศิษย์เหล่านั้นฝ่าฟันไปได้ หลายครั้งมาจากผู้เป็นอาจารย์
บรรพชนเม่ยคุกเข่าลงอีกครั้ง เพื่อจดจ่อกับการชงชาจุดธูปต่อ
แต่ผ่านไปสักพัก พลันเกิดความผันผวนมาจากโลกภายนอก!
มีกลุ่มอักขระปรากฏขึ้นรอบข้าง ค่ายกลจำนวนมากได้รับผลจากมันเช่นกัน
วิ้ง!
นัยน์ตาสีชมพูของบรรพชนเม่ยลุ่มลึกมากขึ้น นางกวาดสายตามองไป ได้ยินเพียงเสียงขอความช่วยเหลือว่า “อาจารย์สำนักช่วยข้าด้วย!”
หลังจากบรรพชนเม่ยได้ยินเสียง จิตสังหารทั้งหมดที่เพิ่งพวยพุ่งขึ้นจากร่างกายก็หายไป
ทันทีที่นางยกมือขึ้น อักขระรอบข้างทั้งหมดพลันถูกกดข่ม ค่ายกลเหล่านั้นราวกับถูกซ่อนเอาไว้
เพียงเท่านี้ คนนอกก็จะปลอดภัย
บุรุษผู้หนึ่งรีบเดินเข้ามา ร่างกายอาบโชกไปด้วยโลหิต เห็นได้ชัดว่าเป็นบาดแผลจากค่ายกลที่รายล้อมยอดเขา
คนผู้นี้คือศิษย์ของบรรพชนดาบ อยู่ใต้อาณัติโถงดาบ พลังของเขาเทียบเท่ายอดฝีมือที่ไม่ได้แข็งแกร่งหรืออ่อนแอจนเกินไป
ส่วนสาเหตุที่ทำไมถึงปรากฏตัวในโถงมนต์เสน่ห์ แน่นอนว่าเพราะคนผู้นี้ถูกบรรพชนเม่ยซื้อเมื่อนานมาแล้ว นางมีเขาไว้ข้างตัวเพื่อสอบถามเกี่ยวกับบรรพชนดาบ
หรือก็คือ ทั่วทั้งสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ นอกจากหลิงอวิ๋นที่มีศิษย์สองคนซึ่งไม่ข้องเกี่ยวกับบรรพชนเม่ย คนที่เหลือต่างถูกบรรพชนเม่ยซื้อไปหมดแล้ว
นางยุ่งอยู่กับของในมือ จนคร้านจะเงยหน้ามอง “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ชายคนนั้นกล้ำกลืนความเจ็บปวดไว้ ยกมือขึ้นคารวะบรรพชนเม่ย จากนั้นมอบยันต์สลักนามจำนวนมากให้กับอีกฝ่าย
“อาจารย์สำนัก นี่คือคนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันภายในของวันนี้!”
บรรพชนเม่ยยื่นมือเรียวนวลเนียนออกไปรับมัน สายตากวาดมองอย่างไม่ใส่ใจ แต่เมื่อวางลง ชื่อหนึ่งก็โดดเด่นสะดุดตานางเข้า
“ลู่หยวนหรือ?”
“ข้าจำได้ว่าเขาเพิ่งเข้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์นี่”
หลังจากกล่าวจบ โฉมสะคราญก็ชำเลืองมองรายชื่ออีกครั้ง คิ้วของนางขมวด ก่อนจะละสายตาไป
นางวางยันต์ มือที่ราวกับหยกขาวงดงามส่องสว่างบนโต๊ะ
ผ่านไปสักพัก บรรพชนเม่ยก็เผายันต์ทิ้งพลางกล่าวว่า “เจ้านำคำพูดของข้าไปที่โถงบรรพชนเสวียน บอกว่าข้าอยากให้จักรพรรดินีมาสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เพื่อชมการต่อสู้ของการแข่งขันภายในด้วยตัวเอง!”