ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 179 หยางอวิ๋นพ่ายแพ้
บทที่ 179 หยางอวิ๋นพ่ายแพ้
บทที่ 179 หยางอวิ๋นพ่ายแพ้
หอคอยอสูรสวรรค์พุ่งเข้าหาหยางอวิ๋นทีละน้อย เมื่อมันอยู่ห่างจากเป้าหมายเพียงไม่กี่จั้ง หยางอวิ๋นกวัดแกว่งหอก กวาดอสนีบาตออกไปกลายเป็นร่างมังกรสีทองขนาดยักษ์
มังกรสายฟ้าทะยานขึ้นแล้วม้วนตัว หางขนาดใหญ่ปกป้องหยางอวิ๋นเอาไว้ข้างใน ขณะหัวมังกรสายฟ้าตั้งตรงจับจ้องมาที่ลู่หยวน ก่อนส่งเสียงร้องคำรามออกมาจนทุกสิ่งรอบข้างเริ่มสั่นคลอน พลังวิญญาณในพื้นที่ผันผวน
หอคอยอสูรสวรรค์ได้รับผลกระทบเช่นกัน มันเริ่มสั่นไหว และยากที่จะเคลื่อนไปข้างหน้าต่อได้
หยางอวิ๋นคลี่ยิ้มออกมา “ลู่หยวน ต่อให้หอคอยพัง ๆ ของเจ้าจะวิเศษวิโสมาจากไหน เจ้าก็ไม่สามารถใช้มันได้!”
“จริงหรือ?”
ชายหนุ่มหรี่ตาลงอย่างกังขา ก่อนเบิกตาโพลง พลังมารย้อมเนตรทั้งสามเป็นสีดำสนิทในพริบตา คลื่นพลังมารแรงกล้าล้อมรอบบุตรศักดิ์สิทธิ์ แรงกดดันแห่งความตายราวกับอยู่ในนรกภูมิกระจายออกมาทันที
แม้กระทั่งหยางอวิ๋นผู้อยู่บริเวณขอบโล่ค่ายกลยังสามารถสัมผัสแรงกดดันนี้ได้อย่างชัดเจน เขารู้สึกราวกับว่ามีภาพลวงตาอยู่ตรงหน้า ร่างที่เหมือนกับเทพแห่งความตายในหมอกควัน หัตถ์ถือกระบี่ที่อาบย้อมด้วยกลิ่นอายแห่งความตายพุ่งเข้าหาเขา
กรร!!
มังกรสายฟ้าที่ขดรอบบุตรแห่งโชคชะตาหยางกู่ร้องกึกก้องสั่นสะเทือนทั่วพื้นที่ เมื่อหยางอวิ๋นได้สติ ทุกสิ่งตรงหน้าก็เริ่มประจักษ์ชัดขึ้นมา
ภาพลวงตาเทพแห่งความตายเริ่มจางหายไป พริบตานั้นลู่หยวนพุ่งเข้ามาพร้อมกระบี่ยาวในมือ และจิตสังหารปกคลุมรอบกาย!
หยางอวิ๋นพลิกฝ่ามือทันที และพุ่งหอกยาวสวนออกไปทันควัน มังกรสายฟ้าเคลื่อนตัวพร้อมส่งเสียงตอบรับ ร่างขนาดใหญ่ของมันฉวัดเฉวียนไปมา ก่อนพุ่งเข้าหาศัตรูตรงหน้า
“เจ้ามังกรตัวจ้อยกล้ามาขวางทางข้าอย่างนั้นหรือ?!”
บุตรศักดิ์สิทธิ์พ่นลมหายใจ กวัดแกว่งกระบี่มารในมือพร้อมสร้างแรงกดดันมหาศาลออกไป เกลียวพลังมารปรากฏขึ้นโดยรอบทันที ตอนนั้นเอง สีหน้าของคู่ต่อสู้ก็เริ่มเปลี่ยนไป
ลู่หยวนมีเขาสีม่วงเข้มงอกออกมาจากหน้าผาก ใบหน้าถูกแทนที่ด้วยรูปโฉมดุดันยิ่งใหญ่ อักขระสีม่วงปกคลุมทั่วร่างกายทันที บัดนี้คุณชายลู่มีรูปลักษณ์ของจอมมาร
ร่างของมังกรสายฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตามมาเช่นกัน มันอ้าปาก หมายจะโจมตีบุตรศักดิ์สิทธิ์
บุตรศักดิ์สิทธิ์ยืนตระหง่านพร้อมถือกระบี่ไว้ในมือ เนตรเทวะตรงหว่างคิ้วขยับไหว ทำให้แรงกดดันของมังกรสายฟ้าถูกโอบล้อมด้วยพลังมารอันคุกรุ่นในทันที
ร่างของมังกรสายฟ้าหยุดชะงัก ราวกับสัมผัสบางสิ่งที่น่าสะพรึงได้จนกายาเริ่มสั่นสะท้าน
ชั่วลมหายใจต่อมา ร่างของมังกรสายฟ้าเริ่มขดตัวกลับ เมินเฉยความเป็นความตายของหยางอวิ๋น ก่อนหลบหนีไปทันที
“คิดจะหนีหรือ? มันสายไปแล้ว!”
เสียงของลู่หยวนในตอนนี้กดต่ำน่าครั่นคร้ามยิ่ง มันเต็มไปด้วยจิตสังหารทำลายโลก
ชายหนุ่มลืมตาที่สาม จับจ้องไปยังมังกรสายฟ้าที่ยังคงขดร่างกายอย่างสิ้นหวัง พลังมารรวมตัวจากใต้เท้า เขาย่อตัวลงเล็กน้อยขณะถือกระบี่มหันตภัยด้วยมือทั้งสองข้าง
ตูม!!
สิ้นเสียงดังสนั่น ลู่หยวนพุ่งทะยานออกมา ตรงเข้าหาหัวมังกรสายฟ้าชั่วพริบตา
กระบี่มหันตภัยในมือพลันใหญ่ขึ้นหลายเท่า พลังมารแผ่ออกไป จองจำร่างของมังกรสายฟ้าทั้งหมดเอาไว้
“ตายซะ!”
ลู่หยวนฟาดฟันอาวุธ พลังมารฟาดลงมาพร้อมกับปราณกระบี่มหาศาล
วิ้ง! วิ้ง! วิ้ง!
ปราณกระบี่เคลื่อนผ่านมังกรสายฟ้า กระจายไปทั่วพื้นที่
เปรี้ยง!!
มังกรสายฟ้าสีทองเริ่มแตกสลายตั้งแต่ศีรษะจรดหาง กลายเป็นเศษชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายไปในอากาศ
หอคอยอสูรสวรรค์เคลื่อนไหวทันที พลังมารพัวพันรายล้อมในพริบตา เศษชิ้นส่วนสีทองทั้งหมดถูกดูดกลืนเข้าไปในท้องของมัน แสงสว่างสีทองพลันส่องประกายในหอคอยอสูรสวรรค์ ก่อนที่แสงนั้นจะค่อย ๆ กลายเป็นสีดำจนหมดสิ้น
พลังมารรอบข้างตื่นตัวมากขึ้น ราวกับอดใจไม่ไหวที่จะลิ้มรสชาติของบุตรแห่งโชคชะตา
หยางอวิ๋นมองลู่หยวนที่ลอยอยู่เหนือศีรษะ เขาลอบกลืนน้ำลาย เมื่อปราณกระบี่เหล่านั้นเคลื่อนผ่านมาเมื่อครู่ ทำเอาร่างกายเขาแข็งทื่อไม่สามารถขยับได้ หากเป้าหมายของอีกฝ่ายคือเขา เช่นนั้นเขาคงถึงแก่ความตายไปหลายครั้งแล้ว!
บุตรแห่งโชคชะตาหยางมองบริเวณรอบข้าง ในใจมีเพียงความคิดที่จะหนี
สามสิบปีอยู่ทางตะวันออกของแม่น้ำ สามสิบปีอยู่ทางตะวันตกของแม่น้ำ*[1] เขาจะสามารถเอาชนะบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ได้หรือไม่ ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไป
ขอเพียงได้มีชีวิตต่อไป ก็ย่อมมีความหวัง!
ขอเพียงสามารถหลบหนีออกจากที่นี่ได้ ก็ยังมีโอกาสกลับมา!
เมื่อสองเท้าเขาย่างเหยียบสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง นั่นคือเวลาที่ลู่หยวนจะต้องตาย!
หยางอวิ๋นตัดสินใจได้แล้ว เขาถือหอกไว้ในมือก่อนปลดปล่อยคลื่นพลังสีทองพุ่งออกมาจากปลายอาวุธ กลิ่นอายไร้พรมแดนกวาดออกไป รอบปลายหอกเริ่มสั่นไหว
คลื่นพลังสีทองวูบไหวลึกล้ำยามทั่วหอกเริ่มสั่นสะท้าน หยางอวิ๋นฝืนดูดกลืนพลังวิญญาณเข้าไปมหาศาล เขาเสริมพลังเพื่อควบคุมหอก ทว่า…
ชั่วเวลานั้นเอง ตาดวงที่สามของลู่หยวนจับจ้องมาหา ขณะเดินเข้าหาผู้คิดจะหนีทีละก้าว… ทีละก้าว
หยางอวิ๋นเพียงรู้สึกว่าเขาถูกมัจจุราชจ้องมองมา จนเหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มแผ่นหลัง
เมื่อลู่หยวนเดินเข้ามาใกล้อีกก้าว บุตรแห่งโชคชะตาพลันใช้หอกในมือโจมตีตรงเข้าใส่อีกฝ่าย
พลังจากโจมตีแล้ว เขาก็เค้นการบ่มเพาะที่เหลือทั้งหมดปะทะเข้าใส่พื้นที่ พยายามหลบหนีด้วยการทะลวงออกจากโล่ค่ายกล
ตูม!
หยางอวิ๋นใช้หมัดโจมตีจนค่ายกลสีทองเริ่มเข้มขึ้น ทว่าหมัดของเขาเหมือนกับต่อยโดนฝ้าย จนไม่เกิดผลกระทบใด ๆ ทั้งนั้น
“อยากหนีหรือ? เหลวไหลสิ้นดี!”
ลู่หยวนมองหอกที่กำลังจะแทงมาตรงหน้า ก่อนฟาดฟันกระบี่สวนออกไป
ตูม!!
ปราณกระบี่อันบ้าคลั่งพุ่งทะยาน ตรงเข้าหาปราณหอกที่พุ่งสวนเข้ามา
แสงสว่างสีขาววูบไหว ปราณกระบี่และหอกถูกกวาดล้างจนสิ้น
ทั่วพื้นที่ตกอยู่ในความเงียบงัน
หยางอวิ๋นมองค่ายกลตรงหน้าด้วยความรู้สึกร้อนรน เขาหลบหนีไปยังอีกด้านหนึ่งของพื้นที่ ยังคงเหวี่ยงหมัดออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ค่ายกลอีกชั้นก็ปรากฏขึ้นไม่หยุด และดูดกลืนพลังทั้งหมดของเขาเข้าไป
“อย่าขัดขืน ข้าติดตั้งค่ายกลไว้หลายสิบชั้นแล้ว ชีวิตเจ้าจะต้องจบสิ้นที่นี่!”
เสียงของลู่หยวนสงบนิ่ง แต่กลับหนักแน่นราวกับเป็นลิขิตแห่งสวรรค์
เมื่อเขากำลังจะกล่าวอะไรอีก กลับรู้สึกถึงกลิ่นอายที่แผ่ซ่านไปทั่ว ราวกับอยากตรวจสอบทุกสิ่งในพื้นที่
“เหอะ มีใครบางคนสงสัยใคร่รู้เสียแล้ว หยางอวิ๋น ข้าไม่คิดเสียเวลากับเจ้าแล้ว ดังนั้นตายเสียเถอะ!”
สิ้นเสียงดังกล่าว ลู่หยวนพลันเคลื่อนไหว พลังมารมหาศาลประหนึ่งโซ่ตรวนจองจำหยางอวิ๋นให้ไม่อาจหลบหนีจากความตาย หอคอยอสูรสวรรค์มาถึงอย่างเงียบเชียบ และปลดปล่อยพลังมารไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมศีรษะของเหยื่อเอาไว้
อักขระสีทองบนร่างของหยางอวิ๋นเริ่มหายไปอย่างรวดเร็ว มันเคลื่อนมายังส่วนหัวก่อนจะถูกดูดกลืนเข้าสู่หอคอยอสูรสวรรค์อย่างต่อเนื่อง
วิ้ง!
แสงสว่างสีทองทั้งหมดบนร่างของบุตรแห่งโชคชะตาหยางสลายไป ก่อนที่หอคอยจะส่งเสียงเรอออกมา และกลับเข้าไปสู่จิตเทวะของลู่หยวน พลังมารมหาศาลเข้าสู่ร่างของบุตรศักดิ์สิทธิ์อย่างรวดเร็วพร้อมมารทั้งหมดที่หายไปเช่นกัน
ผ่านไปหนึ่งอึดใจ ทุกสิ่งกลับสู่ความสงบ
ลู่หยวนยังคงยืนเอามือไพล่หลัง กระบี่มหันตภัยทอประกายพลางลอยมาอยู่ตรงหน้าเขา
ส่วนหยางอวิ๋นคุกเข่าอยู่กลางอากาศอย่างเหม่อลอย รากฐานการบ่มเพาะในร่างกายหายไปหมดสิ้น
[ระบบแจ้งเตือน ท่านได้รับวิญญาณกลับชาติมาเกิดของบุตรแห่งโชคชะตาหยางอวิ๋นแล้ว!]
[1] ช่วงชีวิตเปลี่ยนแปลงไม่แน่นอน บ้างรุ่งเรือง บ้างตกต่ำ