ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 26 การสืบทอดเจตจำนงแห่งกระบี่ (ปลาย)
บทที่ 26 การสืบทอดเจตจำนงแห่งกระบี่ (ปลาย)
บทที่ 26 การสืบทอดเจตจำนงแห่งกระบี่ (ปลาย)
ซวี่รั่วหลิงติดตามเขาไป ทั้งสองเดินไปยังห้องโถงหลักแห่งสำนักฟ้าประทาน
หลังออกมาจากภูเขาทางด้านหลัง กลับมาจึงเห็นตู้เหิงยืนนิ่งอยู่พร้อมผู้คนมากมายที่ถือกล่องยืนสงบนิ่งอยู่ข้างหลัง
เมื่อเห็นลู่หยวนเดินกลับมา เจ้าสำนักตู้ก็โค้งคำนับในทันที “คารวะคุณชาย!”
“เหตุใดเจ้าสำนักตู้มาอยู่ที่นี่?”
“รายงานคุณชาย ข้าคิดว่าท่านยังไม่ได้ทานอาหาร จึงสั่งให้คนนำอาหารมาให้ที่นี่ แต่เกรงว่าท่านจะไม่ต้องการให้ผู้ใดรบกวน จึงรออยู่อย่างสงบ”
หลังกล่าวจบ ตู้เหิงก็จ้องมองไปยังซวี่รั่วหลิง ครั้นเห็นเจตจำนงแห่งกระบี่ปรากฏเลือนรางรอบตัวนาง รอยยิ้มที่ไม่อาจปกปิดได้ก็บังเกิดชัดบนใบหน้าของเขา
ด้วยเจตจำนงกระบี่รุ้งครามที่เพิ่มพูนขึ้นมาในร่างกาย ซวี่รั่วหลิงจะนำสำนักฟ้าประทานเข้าสู่จุดสูงสุดอย่างแน่นอน
ลู่หยวนจ้องมองการแสดงออกของตู้เหิง พลางกล่าว “นำอาหารไปยังห้องโถงใหญ่ และเรียกผู้อาวุโสมา บอกพวกเขาว่าข้าต้องการจะสนทนาด้วย”
ณ ห้องโถงใหญ่ของสำนักฟ้าประทาน
ลู่หยวนนั่งอยู่ในตำแหน่งหัวโต๊ะ อาหารชั้นเลิศทุกประเภทจากภูเขาและท้องทะเลปรากฏตรงหน้า ซวี่รั่วหลิงนั่งเคียงข้างเขา พร้อมแววตาเปี่ยมด้วยความภักดี นางหยิบตะเกียบหยกขาวด้วยมืออันเรียวยาวงดงาม และคีบอาหารวางลงบนจานชายหนุ่ม
การแสดงออกของนางเป็นธรรมชาติ ราวกับนี่คือสิ่งที่กระทำเป็นหน้าที่ ไม่รู้สึกเขินอายแม้แต่น้อย
หากศิษย์ทั้งหมดของสำนักฟ้าประทานมาเห็นภาพนี้ คงต้องเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง
ศิษย์พี่หญิงที่พวกเขาชื่นชมในความสุขุมและสง่างาม บัดนี้กลับกลายเป็นผู้ติดตามที่ภักดีของบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งตระกูลลู่ด้วยความเต็มใจ
แม้พวกเขาจะรู้ว่าตระกูลลู่นั้นทรงพลังเพียงใด อีกทั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ยังหนุ่มแน่นและแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีผู้ใดกล้าพูดออกมา เพียงเก็บงำความรู้สึกอิจฉาชายหนุ่มไว้ในใจ
ตู้เหิงและผู้อาวุโสคนยืนอยู่ด้านล่าง เฝ้าดูและรอคอยคำสั่ง
หลังผ่านไปหนึ่งก้านธูป ลู่หยวนก็รับประทานอาหารจนเสร็จสิ้น เขาเพ่งสายตาไปยังตู้เหิงพลางกล่าว “เจ้าสำนักตู้”
อีกฝ่ายตอบกลับทันที “ขอรับ”
“สำนักฟ้าประทานก่อตั้งขึ้นโดยผู้มีชื่อเสียง เดิมทีที่นี่ได้รับการยกย่องให้เป็นสำนักชั้นหนึ่งแห่งทวีป สำนักมากมายในแดนเหนือก็นับถือสำนักฟ้าประทาน แต่ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยนไป เจ้าสำนักคิดเห็นหรือมีแผนการอย่างไรบ้าง?”
ตู้เหิงก้มศีระพลางขมวดคิ้ว
นับตั้งแต่ได้ขึ้นเป็นเจ้าสำนัก เขาก็คิดเรื่องนี้มาโดยตลอด
อย่างไรก็ตาม ประการที่หนึ่ง มรดกส่วนใหญ่ของสำนักฟ้าประทานถูกทำลายไปแล้ว ส่วนมรดกแห่งเจตจำนงกระบี่ก็ถูกส่งมอบให้ซวี่รั่วหลิงแต่เพียงผู้เดียว
ประการที่สอง นับตั้งแต่เกิดการล่มสลายของสำนักฟ้าประทาน เหล่าศิษย์ที่เคยยึดถือก็ค่อย ๆ เกลียดชังและจากไป ท้ายที่สุดแล้วก็เหลือผู้มีความสามารถเพียงไม่กี่คน
เนื่องจากสำนักฟ้าประทานไร้ผู้หนุนหลัง พวกเขาจึงไม่กล้าหันหลังให้กับตระกูลใหญ่หรือเหล่าบุคคลสำคัญ ดังนั้นจึงทำได้เพียงน้อมรับคำสั่งด้วยรอยยิ้ม
สำหรับกองกำลังเล็กบางแห่ง สำนักฟ้าประทานก็ยังคงเป็นมังกรที่ทรงพลัง แต่สำหรับกองกำลังที่ยิ่งใหญ่จริง ๆ สำนักฟ้าประทานไม่อาจเป็นได้แม้กระทั่งผายลม!
ตู้เหิงจ้องมองลู่หยวนอย่างระมัดระวัง เขาถือชาในมือและกำลังจะดื่ม ทว่าดวงตาพลันพร่ามัว มองไม่เห็นการแสดงออกอย่างชัดเจน
เขาไม่เข้าใจในความหมายที่ชายหนุ่มต้องการจะสื่อ จึงหันไปมองศิษย์สำนักหญิงด้วยสายตาอ้อนวอน
ซวี่รั่วหลิงอยู่เคียงข้างบุตรศักดิ์สิทธิ์ในทุกวัน ดังนั้นนางต้องรู้ความคิดของเขาแน่ หากสามารถอธิบายหรือชี้แนะได้ ตู้เหิงอาจเข้าใจความคิดของลู่หยวนมากยิ่งขึ้น
หลังจากที่หญิงสาวสบตากับเจ้าสำนัก อีกฝ่ายก็จากไปทันที ไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากคุกเข่าลงด้านข้าง รอฟังคำสั่งด้วยความเคารพ
ตู้เหิงถอนหายใจ ดูเหมือนว่าซวี่รั่วหลิงจะแยกตัวออกจากสำนักฟ้าประทานไปโดยสิ้นเชิงแล้ว
เขาทำได้เพียงกัดฟันกล่าว “ข้าไม่รู้จะทำอย่างไร ขอบุตรศักดิ์สิทธิ์โปรดชี้แนะ”
ลู่หยวนวางถ้วยน้ำชาลงพลางกล่าว “นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สำนักฟ้าประทานของท่านจะกลายเป็นของตระกูลลู่ ท่านสามารถแขวนธงประจำตระกูลลู่และเพลิดเพลินกับทรัพยากรของเราได้”
ตู้เหิงปลาบปลื้มใจและคุกเข่าลงทันที “ขอบคุณคุณชายยิ่ง!”
ผู้อาวุโสคนอื่น ๆ ต่างแสดงความปลาบปลื้มใจเช่นกัน พวกเขาคุกเข่าลงขอบคุณเช่นเดียวกับเจ้าสำนักตู้
สิ่งที่บุตรศักดิ์สิทธิ์พูดทำให้ทุกคนในสำนักฟ้าประทานราวกับได้รับโชคลาภมหาศาล!
เมื่ออยู่ภายใต้ตระกูลลู่ พวกเขาก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล หากผู้ใดคิดรังแกหรือทำร้ายพวกเขาในอนาคต คนพวกนั้นต้องชั่งใจให้ดีก่อนว่ากล้าต่อกรกับตระกูลลู่หรือไม่!
การแขวนธงตระกูลลู่และเพลิดเพลินไปกับทรัพยากรของตระกูล หมายความว่าพวกเขาสามารถรับสมาชิกใหม่ในนามของตระกูลลู่ และสามารถจัดหาทรัพยากรในการฝึกฝนจากตระกูลลู่ให้พวกเขาได้ด้วย
แม้ทรัพยากรเหล่านั้นอาจไม่ดีนักและยังเป็นของเหลือใช้ แต่หากทรัพยากรเหล่านั้นถูกส่งมอบให้กับสำนักฟ้าประทาน มันจะกลายเป็นทรัพยากรชั้นดีแห่งขุนเขาและท้องทะเลสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน!
ตู้เหิงรู้สึกตื่นเต้นจนตัวสั่น เดิมทีเขาคิดว่าลู่หยวนไม่พึงพอใจต่อสำนักฟ้าประทานเพราะหมัวเทียน
ทว่าชายหนุ่มกลับไม่เพียงไม่ตำหนิพวกเขา แต่ยังมอบโชคลาภมหาศาลให้กับทุกคนในสำนักฟ้าประทานด้วย!
“พวกท่านไม่ต้องรีบร้อนที่จะขอบคุณข้า เพราะบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้มีข้อแลกเปลี่ยน”
“คุณชายบอกมาเถิด”
ชายหนุ่มกล่าวด้วยท่าทีสงบนิ่ง “หากสำนักฟ้าประทานเป็นของตระกูลลู่แล้ว จะมีการคัดเลือกภายในทุกปี สามผู้แข็งแกร่งสูงสุดจะได้เข้าฝึกฝนในตระกูลลู่อย่างเต็มตัว เมื่อสำนักฟ้าประทานต้องการผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักหรือผู้อาวุโส ตระกูลลู่จะเป็นผู้คัดเลือกตัวแทนท่ามกลางคนเหล่านั้นและส่งกลับมายังสำนักฟ้าประทานเพื่อสืบทอดตำแหน่ง”
ตู้เหิงรู้สึกจุกอยู่ในอก นี่คือการฉวยเอาสำนักฟ้าประทานให้เป็นทรัพย์สินของตระกูลลู่โดยสมบูรณ์
ศิษย์ทั้งหมดที่ถูกคัดเลือกไปยังตระกูลลู่ หลังจากได้รับการฝึกฝนจนเป็นหนึ่งเดียวกับตระกูลลู่ พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ภักดีของตระกูลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และจะไม่มีความจงรักภักดีต่อสำนักฟ้าประทานอีกต่อไป
สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ไม่มีความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์กับศิษย์ในสำนักฟ้าประทานอีกต่อไป บางคนเข้าร่วมสำนักแห่งนี้เพื่อจะได้ฝึกฝนจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลลู่เสียด้วยซ้ำ
ข้อแลกเปลี่ยนนี้ถือเป็นการทำลายล้างสำนักฟ้าประทานอย่างสิ้นเชิง!
ตู้เหิงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คุณชาย ต้องขออภัยที่ข้าไม่อาจยอมรับเงื่อนไขนั้นได้”
ก่อนที่ตู้เหิงจะกล่าวจบ ลู่หยวนก็ขัดจังหวะเขาทันที “เจ้าสำนักตู้ ข้าลืมบอกบางสิ่งแก่ท่าน”
“มรดกแห่งเจตจำนงกระบี่ของท่านเทียนเหยียนกระตุ้นกระบี่ในรัศมีหลายร้อยลี้ ทุกคนในรัศมีนั้นจะรับรู้ได้ว่ามีนิมิตเกิดขึ้นในสำนักของท่าน”
คุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะเงยหน้าขึ้น รูม่านตาของเขาค่อย ๆ เบิกกว้าง ทุกสิ่งที่อยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้ปรากฏขึ้นในแววตาเขาทันที “ในที่ห่างออกไปหลายสิบลี้ ผู้คนนับหมื่นกำลังเคลื่อนตัวมาที่นี่”
ลู่หยวนได้รับพลังเหนือธรรมชาติ เขามุ่งความสนใจไปยังตู้เหิง “สำนักฟ้าคำรน สำนักกระบี่สวรรค์ และสำนักปฐมกาลล้วนนำยอดฝีมือขั้นจักรพรรดิยุทธ์มากมายมาที่นี่ อีกเพียงสองลมหายใจ พวกเขาก็จะมาถึงประตูภูเขาด้านนอกของสำนักฟ้าประทาน”
“แน่นอนว่าเจ้าสำนักตู้ต้องคุ้นเคยกับสำนักเหล่านี้เป็นอย่างดี”
ใบหน้าของตู้เหิงซีดเผือดทันที
สำนักทั้งสามอยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ ความแข็งแกร่งของพวกเขาเทียบได้กับสำนักฟ้าประทาน และมักจะเกิดการปะทะกันทั้งในที่ลับและที่แจ้ง
อันที่จริง สำนักฟ้าคำรน สำนักกระบี่สวรรค์ สำนักปฐมกาล และสำนักฟ้าประทานมีเรื่องไม่ลงรอยกันอยู่แล้ว