ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 28 กลับสู่ตระกูลลู่ (ต้น)
บทที่ 28 กลับสู่ตระกูลลู่ (ต้น)
บทที่ 28 กลับสู่ตระกูลลู่ (ต้น)
เฉาหงยืนอยู่เบื้องหน้าลู่หยวนพร้อมกระบี่ยาวในมือ เขาประสานมือแน่นพลางกล่าว “รบกวนคุณชายแล้ว”
บุตรศักดิ์สิทธิ์โบกมือ “ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”
ผู้ติดตามชรากำกระบี่ในมือแน่นพลางเอ่ย “ข้าสังหารพวกเขาได้หรือไม่?”
“ไม่ได้ สองคนนี้มีผลประโยชน์ต่อข้า”
สำนักฟ้าประทานในตอนนี้ยากจนข้นแค้นยิ่ง หากสามารถรวบรวมสามสำนักที่มาในวันนี้ให้เป็นหนึ่งเดียวได้ สำนักฟ้าประทานก็จะแข็งแกร่งกว่านี้มาก
ลู่หยวนโบกมือ เฉาหงหลีกทางให้ในทันที…
ทั้งโจวอินและนักบวชเสวียนชิงต่างก็เผยสีหน้าเคร่งขรึม พวกเขาได้แต่คาดเดาเกี่ยวกับชายหนุ่มในชุดคลุมสีแดงที่ปรากฏตัว
ไม่ว่าจะเอ่ยสิ่งใด หรงเทียนรุ่ยก็อยู่ในครึ่งก้าวสู่ขั้นเทียมเซียน แต่เขากลับถูกสังหารด้วยกระบี่ของอีกฝ่าย แสดงว่าชายที่ปรากฏขึ้นในวันนี้จะต้องอยู่ในขั้นระดับสูงอย่างแน่นอน
ชายที่ทรงพลังเช่นเขาพ่ายแพ้ให้กับชายหนุ่มในชุดคลุมสีแดง เห็นได้ชัดว่าตัวตนของอีกฝ่ายนี้ไม่ธรรมดา!
นักบวชเสวียนชิงก้าวไปข้างหน้าพลางกล่าว “อมิตาพุทธ ต้องขออภัย ขอถามได้หรือไม่ว่าคุณชายเป็นใคร”
ลู่หยวนเอามือไพล่หลังพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ลู่หยวนแห่งตระกูลลู่”
หัวใจของนักบวชเสวียนชิงเต้นระรัวจนเกือบสูญเสียการทรงตัว
ตระกูลลู่?
ตระกูลลู่คือ ตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเผ่าธารสุญญะแดนเหนือไม่ใช่หรือ?
หากเป็นเช่นนั้น นี่ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธที่มีขั้นพลังสูงส่ง หากไม่ใช่กองกำลังตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงเกรียงไกร ผู้ใดจะต่อกรกับเขาได้?
นักบวชเสวียนชิงคุกเข่าลงทันทีและแสดงความเคารพ “คุณชาย ขอยกโทษให้ผู้น้อยที่ตาไม่มีแวว ข้าจำคุณชายไม่ได้ เกือบจะหมิ่นเกียรติยศของท่าน”
โจวอินคุกเข่าลงและคำนับ “ขอแสดงความเคารพคุณชาย”
คุณชายแห่งตำหนักธารสุญญะไม่ได้เอ่ยสิ่งใด
นักบวชเสวียนชิงถามอย่างกล้าหาญ “ไม่ทราบว่าคุณชายเดินทางมาที่นี่ในวันนี้เพื่อคว้าเอาสมบัติของสำนักฟ้าประทานใช่หรือไม่?”
ลู่หยวนไม่ได้ตอบกลับ เมื่อนักบวชเสวียนชิงเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายไม่ได้แสดงความขุ่นเคืองใจ จึงเอ่ยถามต่อ “คงมีสมบัติลับของสำนักฟ้าประการปรากฏขึ้น หากคุณชายปรารถนาจะครอบครอง นักบวชผู้น้อยคนนี้ยินดีจะไปคว้ามาให้อย่างสุดความสามารถ เพื่อมอบให้เป็นของกำนัลแก่คุณชาย!”
“แม้ต้องบุกน้ำลุยไฟหรือ?” ลู่หยวนเผยรอยยิ้ม “เจ้าพูดจริงใช่หรือไม่?”
นักบวชเสวียนชิงพยักหน้ารับและเผยรอยยิ้มประจบสอพลอ “การรับใช้คุณชายทำให้นักบวชผู้น้อยคนนี้ได้รับพร ขอเพียงคุณชายออกคำสั่ง ต่อให้ต้องขึ้นไปบนยอดเขาสูง หรือดำลงไปในทะเลลึก นักบวชผู้น้อยคนนี้ก็ไม่รีรอที่จะกระทำ!”
โจวอินซึ่งอยู่ด้านข้างเห็นว่านักบวชเสวียนชิงได้ยื่นสิ่งดีงามทั้งหมดแทนตนไปแล้ว จึงรู้สึกไม่พอใจ
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้พบทายาทแห่งตระกูลระดับสูง จะปล่อยให้โอกาสนี้ถูกผู้อื่นฉกฉวยไปได้อย่างไร?!
หากมีตระกูลลู่คอยหนุนหลังให้ สำนักของนางก็จะกลายเป็นสำนักที่มีชื่อเสียงที่สุดในแดนเหนือ!
โจวอินเองก็ทำแบบเดียวกัน นางจ้องมองลู่หยวนด้วยแววตาเปี่ยมเสน่ห์ “คุณชาย ข้าเองก็เต็มใจที่จะกระทำทุกสิ่งเพื่อคุณชาย”
บุตรศักดิ์สิทธิ์พยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าว “ข้าเดินทางมาที่นี่ในวันนี้… เพื่อคัดเลือกสำนักที่จะได้อยู่ภายใต้ตระกูลลู่”
ดวงตาดวงเดิม ราวกับถูกเผาไหม้ด้วยเปลวไฟปรารถนาทันทีที่ได้ยินคำพูดนี้
นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง!
หากเป็นสำนักภายใต้ตระกูลลู่ พวกเขาไม่เพียงเดินทางไปยังที่ใดก็ได้ในแดนเหนือ และยังจะได้รับทรัพยากรสำหรับการฝึกยุทธ์มหาศาลอีกด้วย!
ลู่หยวนมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เมื่อเห็นการแสดงออกของประมุขกองกำลังทั้งสอง ชายหนุ่มจึงล่อลวงพวกเขาต่อไป “และข้าก็เห็นว่ามารยาทของท่านทั้งสองดีไม่น้อย”
ทั้งสองคนก้าวไปข้างหน้าแล้วคุกเข่าลงทันที รีบแสดงความภักดีจากส่วนลึกของหัวใจ
“นักบวชผู้น้อยและสำนักปฐมกาลยินดีรับใช้คุณชายแม้ต้องแลกด้วยชีวิต!”
“ข้าผู้นี้และสำนักฟ้าคำรนเต็มใจรับใช้คุณชาย และจะไม่มีวันเป็นข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย!”
ลู่หยวนแสร้งขมวดคิ้ว “อันที่จริงข้าชื่นชอบพวกเจ้าทั้งสองสำนัก แต่ตระกูลลู่ต้องการเพียงสำนักเดียวเท่านั้น”
ทั้งสองคนจ้องมองกันในทันที ดวงตาของพวกเขาลุกเป็นไฟราวกับจะเข่นฆ่ากันเอง
ชายหนุ่มเห็นว่าอารมณ์ของพวกเขาพลุ่งพล่านจึงเอ่ยขึ้น “เอาเช่นนี้ดีหรือไม่ หากสมบัติวิเศษที่สำนักของผู้ใดครอบครองแข็งแกร่งกว่า ผู้นั้นจะได้รับคัดเลือกให้อยู่ภายใต้ตระกูลลู่ ตกลงหรือไม่?”
“หากวัดความแข็งแกร่งด้วยการต่อสู้ พวกเจ้าทั้งสองมีขั้นการฝึกยุทธ์ใกล้เคียงกัน แน่นอนว่าย่อมเป็นเรื่องยากที่จะวัดได้ แล้วควรวัดจากสมบัติในสำนัก”
“สิ่งใดคือสมบัติล้ำค่าแห่งสวรรค์และโลก อาวุธ อุปกรณ์ กลโกง วิชายุทธ์ สัตว์อสูรหรือสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ”
“อย่างไรก็ตาม การเอ่ยด้วยปากเปล่าไม่อาจพิสูจน์ได้ ต้องเห็นด้วยตาเท่านั้นจึงจะน่าเชื่อถือ พวกเจ้ามีเวลาจำกัดเพียงหนึ่งก้านธูป ผู้ใดก็ตามที่นำสิ่งต่าง ๆ มาได้มากและแข็งแกร่งกว่า จะได้รับการคัดเลือกให้อยู่ภายใต้ตระกูลลู่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และจะสามารถเพลิดเพลินกับทรัพยากรแห่งตระกูลลู่ได้อย่างเต็มที่”
ทั้งสองตอบสนองทันที พวกเขาออกคำสั่งไปยังผู้อาวุโสและสาวกให้กลับไปยังสำนัก เพื่อขนเอาสมบัติลับแห่งสำนักมาที่นี่
ตัวพวกเขาเองก็ไม่ได้รอช้าแต่อย่างใด รีบออกเดินทางไปด้วยลำแสงยุทธภัณฑ์ของตนอย่างรวดเร็ว โดยวางแผนจะนำสมบัติชั้นเลิศมาให้ได้มากที่สุด
ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา กองทัพยอดฝีมือที่เดินทางมาเพื่อทำลายล้างสำนักฟ้าประทานก็อันตรธานหายไปจนหมดสิ้น
ลู่หยวนโยนยาสองสามเม็ดให้กับตู้เหิงและผู้อาวุโสคนอื่น ๆ เพื่อช่วยรักษาพวกเขาให้หายจากอาการบาดเจ็บ
หลังตู้เหิงหายจากอาการบาดเจ็บ เขาก็ลุกขึ้นและกล่าวต่อชายหนุ่ม “ขอบคุณคุณชายยิ่ง”
คู่สนทนาพยักหน้ารับอย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มเผยอักขระแปลกประหลาดปรากฏขึ้นในมือ ก่อนจะสลักมันไว้บนสำนักฟ้าประทาน จนบังเกิดลำแสงสีแดงสว่างวาบ ปกคลุมสำนักฟ้าประทานทั้งหมดขึ้นในทันใด
เมื่อเห็นดังนั้น ดวงตาของตู้เหิงก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ทักษะของผู้ฝึกยุทธ์ผู้นี้ล้วนเป็นอาวุธที่ทรงพลัง ตอนนี้สำนักฟ้าประทานได้รับการปกป้องแล้ว ผู้ใดที่คิดจะทำลายล้างที่นี่ก็ต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของลู่หยวนทั้งสิ้น
ชายหนุ่มจัดแจงทุกอย่างและกล่าวต่อตู้เหิง “รวบรวมยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดที่เหลืออยู่ของสำนักฟ้าประทานเป็นหนึ่งเดียวกัน แล้วส่งพวกเขาไปยังตระกูลลู่ จากนั้นให้เดินทางไปยังสำนักกระบี่สวรรค์ และทำเช่นเดียวกันกับคนของพวกเขา”
ตู้เหิงพยักหน้ารับและไปจัดการตามคำสั่งทันที
หนึ่งก้านธูปต่อมา บนท้องนภาพลันเต็มไปด้วยกลุ่มคนหนาแน่นที่กำลังกลุ่มเข้ามาพร้อมสมบัติมากมายในมือ
โจวอินและนักบวชเสวียนชิงปรากฏขึ้นตรงหน้าลู่หยวนอีกครั้ง หลังจากรวบรวมสมบัติแห่งสำนักของตนแล้ว พวกเขาก็นำบรรณาการมาให้
ลู่หยวนจ้องมองไปสมบัติเหล่านั้นพลางเอ่ยถาม “มีอีกหรือไม่?”
ทั้งสองตอบกลับเป็นเสียงเดียวกัน “รายงานคุณชาย ไม่มีสมบัติอื่นแล้ว”
เมื่อเดินทางกลับไปยังสำนัก พวกเขาก็ระดมศิษย์สำนักทั้งหมดเพื่อค้นหาสมบัติที่มี หญ้าจิตวิญญาณที่ปลูกบนภูเขาด้านหลังถูกรื้อถอน แม้แต่ไม้ขีดไฟในห้องครัวก็ถูกนำไปด้วย จะมีสิ่งอื่นอีกได้อย่างไร?
ลู่หยวนพยักหน้า…
โจวอินกล่าวต่อเขาด้วยรอยยิ้ม “คุณชาย สำนักฟ้าคำรนของข้าทั้งมั่งคั่งสมบัติและทรงพลังมากกว่าสำนักปฐมกาล ขอคุณชายโปรดเลือกสำนักฟ้าคำรนด้วยเถิด”
นักบวชเสวียนชิงกำลังจะแทรกขึ้นเพื่อโต้แย้ง ทว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์กลับยกมือขึ้นเพื่อหยุดสงครามน้ำลายของทั้งสองไว้เท่านั้น
“ท่านเจ้าสำนักทั้งสองทำงานอย่างหนักจริง ๆ น่าชื่นชมที่สามารถรวบรวมสมบัติชั้นดีในสำนักได้ภายในระยะเวลาอันสั้น”
ทั้งสองตอบกลับพร้อมกัน “ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไร”
ลู่หยวนถือแหวนเก็บของทั้งสองวงไว้ในมือ จากนั้นจึงเหยียดมือขวาออก ลำแสงสีแดงมากมายพลันปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือเขา