ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 282 ตรวจสอบคนรอบข้างลู่หยวน
บทที่ 282 ตรวจสอบคนรอบข้างลู่หยวน
บทที่ 282 ตรวจสอบคนรอบข้างลู่หยวน
ฉู่เชิ่งกลืนคำพูดกลับไป ชิวเฟิงจู้เอ่ยมาขนาดนี้ ต่อให้เขาเป็นคนโง่เขลาก็ทราบว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร
ชิวเฟิงจู้เอ่ยต่อ “คุณชายฉู่อาจจะยังไม่รู้จักคุณชายใหญ่ชิวเสวียน”
“คุณชายใหญ่ชิวเสวียนเป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวที่สืบเชื้อสายมาจากผู้อาวุโสใหญ่ อายุของเขาไล่เลี่ยกับคุณชายและได้เข้าสู่ครึ่งก้าวสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์แล้ว ซึ่งถือว่ามีพรสวรรค์ที่ดี”
“คุณชายใหญ่ชิวเสวียนชื่นชมผู้แข็งแกร่งในรุ่นเดียวกัน เมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาทราบมาว่าคุณชายฉู่เชิ่งเข้าสู่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เพียงลำพัง แล้วไต่เต้าจากการเป็นศิษย์ธรรมดาจนกลายเป็นศิษย์เอกของบรรพชนดาบ!”
“แม้คุณชายใหญ่ชิวเสวียนจะไม่เคยไปที่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์และยังไม่ได้พบกับคุณชายฉู่เชิ่ง แต่เขาเคยบอกกับข้าว่าหากภายภาคหน้ามีโอกาส ก็อยากร่วมร่ำสุรากับท่านสักครั้ง”
ชิวเฟิงจู้นิ่งไปครู่หนึ่งขณะที่จ้องมองไปยังอีกฝ่าย แล้วเอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “ตอนที่กำลังจะเดินทางออกจากตระกูลชิว คุณชายใหญ่ชิวเสวียนมาหาข้าด้วยตัวเองแล้วบอกว่าในอีกครึ่งปี จะมีดินแดนลับปรากฏขึ้นทางหุบเขาบูรพา ซึ่งที่นั่นเหมือนจะมีร่องรอยของเพลิงวิญญาณอันดับห้าอยู่ หากพบกับคุณชายฉู่เชิ่ง ให้สอบถามว่ายินดีจะร่วมทางไปด้วยกันหรือไม่”
เพลิงวิญญาณอันดับห้าหรือ?!
เมื่อได้ยินดังนี้ ฉู่เชิ่งก็ดวงตาเป็นประกาย
เขาในตอนนี้มีวิชาเพลิงสวรรค์ผลาญภพอยู่ในร่าง หากดูดซับเพลิงวิญญาณ ก็จะเติบโตได้อย่างรวดเร็ว!
อีกทั้งวิชาเพลิงสวรรค์ผลาญภพในร่างจะยังเติบโตไปพร้อมกับเพลิงวิญญาณที่ถูกกลืนกิน!
ขอเพียงมีโอกาสดูดซับเพลิงวิญญาณเข้าไป จนกระทั่งยกระดับวิชาเพลิงสวรรค์ผลาญภพถึงขีดสุดได้ เขาก็จะควบคุมเพลิงวิญญาณทั้งหมดได้!
เขาจะใช้พลังของเพลิงวิญญาณเพื่อสำรวจความลึกลับของมหาวิถี จนก้าวเข้าสู่การเป็นเทพเซียนเฉกเช่นที่จักรพรรดิเพลิงเคยทำ!
เมื่อคิดได้ดังนี้ หัวใจของฉู่เชิ่งก็พองโตประหนึ่งพรุ่งนี้จะก้าวเข้าสู่ขั้นอมตยุทธ์!
ผู้คนในลานบ้านต่างเห็นดวงตาเป็นประกายของฉู่เชิ่ง
ชิวเฟิงจู้ยิ้มแล้วเอ่ยว่า “พูดมาถึงขั้นนี้ หวังว่าคุณชายฉู่เชิ่งจะไตร่ตรองอย่างรอบคอบ”
“จริงสิ เมื่อครู่พวกเรากำลังคุยเรื่องชิวชิงหลีใช่หรือไม่? เหตุใดจึงกลายเป็นเรื่องนี้? ข้าคงจะอายุมากเสียแล้ว”
ชิวเฟิงจู้แสร้งทำเป็นหลงลืม ตบหน้าผากแล้วเอ่ยต่อ “คุณชายฉู่เชิ่ง ข้าอยากทราบว่าท่านพอจะมีเบาะแสเกี่ยวกับชิวชิงหลีหรือไม่?”
ยามนี้ฉู่เชิ่งทราบแล้วว่าดินแดนลับซึ่งมีเพลิงวิญญาณที่ชิวเฟิงจู้เอ่ยถึงเมื่อครู่คือข้อเสนอของอีกฝ่าย!
นางแค่อยากให้ฉู่เชิ่งช่วยจัดการชิวชิงหลี เพื่อให้คุณชายใหญ่ชิวเสวียนได้สืบทอดตำแหน่งประมุขน้อยของตระกูลชิว!
เรื่องที่อีกฝ่ายต้องการผูกมิตรล้วนเป็นเพียงคำโกหก!
หากสรุปให้กระชับ ฉู่เชิ่งต้องช่วยจัดการชิวชิงหลีก่อน หลังจากที่ชิวเสวียนครองอำนาจ เขาถึงจะได้รับผลตอบแทน!
ฉู่เชิ่งมีสีหน้าจริงจังแล้วประสานมือทำความเคารพ “ผู้อาวุโสชิวเฟิงจู้ แม้การบ่มเพาะของข้าน้อยจะไม่สูงส่ง แต่ก็มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี! หากไม่มีมูลย่อมไม่มีทางพูดอย่างเด็ดขาด!”
ทันทีที่เอ่ยจบ สีหน้าของสมาชิกตระกูลชิวพลันเปลี่ยนไป
พวกเขาคิดว่าฉู่เชิ่งจะเป็นคนฉลาด แต่กลับเป็นพวกไร้เหตุผลขนาดนี้เชียวหรือ?!
ชิวหลิงผู้ยืนอยู่ด้านหลังฉู่เชิ่งมีสีหน้ามืดมนลงขณะที่จิตสังหารปรากฏขึ้นภายในแววตา
เจ้าคนบัดซบ!
ข้าอุตส่าห์อดทนปรนนิบัติมาหลายวัน เพียงเพื่อหวังว่าเจ้าจะมีสมองจนรู้ว่าวันนี้ควรทำตัวอย่างไร!
แต่เจ้ากลับทำตัวโง่เขลา โดยยึดมั่นสิ่งที่เรียกว่าคุณธรรม!
ยามนี้ชิวหลิงเต็มไปด้วยความคิดมากมาย หากฉู่เชิ่งไม่ยอมอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้อง วันนี้นางจะทำให้เขาอยู่เอง!
นอกจากนี้ หลังจากทำการบ่มเพาะร่วมกับฉู่เชิ่ง นางยังใช้โอกาสนี้ดูว่าจะสามารถเข้าสู่ขั้นต่อไปได้หรือไม่!
สีหน้าของชิวเฟิงจู้ไม่แปรเปลี่ยนหลังจากได้ยินคำของฉู่เชิ่ง นางยังคงจับจ้องไปยังอีกฝ่าย
ฉู่เชิ่งลุกขึ้นยืนแล้วชูสามนิ้ว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่น่าเกรงขาม “วันนี้ขอสาบานต่อหน้าทุกท่านว่าข้าทราบเรื่องเกี่ยวกับชิวชิงหลีไม่มาก!”
สมาชิกตระกูลชิวทั้งหลายพร้อมที่จะกระโจนเข้าไปสังหาร หากวันนี้ฉู่เชิ่งยังคงดื้อดึง ก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องเก็บเขาเอาไว้!
“แต่ว่า…”
ฉู่เชิ่งพลันคลี่ยิ้ม “แม้ข้าน้อยจะทราบไม่มาก แต่มีเรื่องหนึ่งที่กล้าพูดได้อย่างมั่นใจ”
ชิวเฟิงจู้เอ่ย “เชิญคุณชายฉู่เชิ่งว่ามา”
สายตาของฉู่เชิ่งเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น “เรื่องที่ท่านอยากตรวจสอบจะต้องเกี่ยวข้องกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่! นับตั้งแต่เขามาที่สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ชิวชิงหลีก็ไปมาหาสู่กับอีกฝ่ายตลอด ขนาดข้ามอบความรักให้นางมาหลายปียังถูกเมินเฉย แต่ตอนนี้นางกลับยอมไปอยู่ในอ้อมแขนของเขา!”
“หากถามว่าผู้ใดให้การช่วยเหลือในสิ่งที่ชิวชิงหลีทำ ก็ต้องเป็นฝีมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!”
“บัดนี้เขาอยู่ในหอคอยสวรรค์ประทาน แม้จะตรวจสอบไม่ง่าย แต่ท่านสามารถตรวจสอบคนข้างกายได้!”
“ยกตัวอย่างเช่นเซียวเทียน ฉินอี่หาน ไป๋ชิวเอ๋อร์ หรือแม้แต่เสวียนเทียนชวนกับฮ่วนซิงไป๋!”
“พวกเขาต่างเป็นคนสนิทของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ หากตรวจสอบดู ย่อมได้รับเบาะแสอย่างแน่นอน!”
ชิวหลิงทั้งขำและโกรธอยู่ในใจเมื่อได้ยินเช่นนี้
พวกเขาสืบทราบเรื่องราวทั้งหมดมานานแล้ว เจ้าเด็กสารเลวฉู่เชิ่งผู้นี้แค้นลู่หยวน ทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความบาดหมางกัน
การที่ยามนี้ฉู่เชิ่งเอ่ยถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ก็แค่อยากฉวยโอกาสจากเรื่องของชิวชิงหลี เพื่อใช้ตระกูลชิวมาจัดการกับอีกฝ่าย!
ลู่หยวนเป็นคนแบบไหน?!
บุตรแห่งตระกูลลู่ในเวิ้งทะเลแดนเหนือ ผู้สืบทอดแห่งสำนักอักขระสวรรค์!
ภูมิหลังเป็นที่ประจักษ์ชัด!
ชายชราตายยากหลายคนในตระกูลลู่ยังคงเก็บตัว หากลู่หยวนลงมือจริง ด้วยนิสัยชอบปกป้องผู้อ่อนแอ อาจทำให้พวกเขาออกจากการเก็บตัว เพื่อมาถล่มตระกูลชิว!
ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ตระกูลชิวจะสามารถจ่ายได้!
หากไม่อับจนหนทางจริง ๆ พวกเขาไม่มีวันยืนหยัดต่อสู้กับลู่หยวนอย่างแน่นอน!
ชิวเฟิงจู้ย่อมไม่ทราบว่าชิวหลิงกำลังคิดอะไร
นางหลุบตาพลางครุ่นคิด เมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงยิ้มออกมา “ข้าเข้าใจแล้วว่าคุณชายฉู่เชิ่งหมายความว่าอย่างไร”
“ขอบคุณสำหรับเบาะแสที่คุณชายมอบให้ ตอนนี้อาการบาดเจ็บของท่านยังไม่หายดี กรุณาพักผ่อนทานยาอยู่ที่นี่ก่อน ตระกูลชิวจะเป็นผู้ตระเตรียมให้”
ฉู่เชิ่งทราบว่าไม่ควรอยู่ที่นี่ จึงประสานมือแสดงความขอบคุณก่อนจะเดินจากไป
หลังจากชิวหลิงส่งอีกฝ่ายเข้าห้องก็กลับมาทันที นางพบว่าสมาชิกตระกูลชิวที่เหลือกำลังสับสน
ชิวเฟิงจู้ประสานมือเพื่อผนึกทั่วทั้งลานบ้านด้วยพลังแห่งวิถีคุณธรรม แม้แต่สายลมก็ไม่อาจเล็ดลอดออกไปได้
“อาหญิงเฟิงจู้ หากไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์แท้จริง อย่าได้แตะต้องบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เด็ดขาด!”
ชิวหลิงคิ้วขมวดแล้วเอ่ย “การที่ฉู่เชิ่งผู้นี้พูดถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ก็เพื่ออยากยืมมือพวกเราแก้แค้นอีกฝ่ายก็เท่านั้น!”
คนที่เหลือเห็นพ้องต้องกัน
“ใช่แล้ว อาหญิงเฟิงจู้ ที่พวกเราให้การช่วยเหลือก็เพื่อต้องการให้เขาออกนอกหน้ามาพิสูจน์บางอย่าง แต่อีกฝ่ายกลับใช้เพียงไม่กี่คำก็ทำให้ตัวเองพ้นมลทิน แถมยังพูดทิ้งท้ายด้วยชื่อบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่อีก”
“หากค้นพบบางอย่างจริง อย่าว่าแต่แตะต้องบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ไม่ได้เลย พวกเรายังต้องมอบผลประโยชน์บางอย่างแก่เขาด้วย”
“แต่ถ้าเกิดไม่พบอะไรแล้วบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่รู้ตัวขึ้นมา ความขัดแย้งระหว่างตระกูลชิวกับตระกูลลู่ก็จะอุบัติขึ้น!”
ชิวเฟิงจู้จะไม่ทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร?
นางยกมือขึ้นปรามคำพูดทั้งหลาย แล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “พวกเราจะตรวจสอบลู่หยวนเมื่อไหร่?”
“ก่อนหน้านี้ฉู่เชิ่งเอ่ยถึงชื่ออื่นด้วยไม่ใช่หรือ? พวกเราเตรียมจะจัดการเสวียนเทียนชวนอยู่แล้ว ส่วนคนที่เหลือก็ตรวจสอบได้ไม่ยาก”
“หากเหวี่ยงแหให้มากพอ จะต้องพบบางอย่างแน่นอน!”
“ขอเพียงสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ย่อมหมายถึงเกี่ยวข้องกับชิวชิงหลี ส่วนวิธีรับมือก็เป็นเรื่องที่บรรพชนต้องใคร่ครวญ เหตุใดพวกเจ้ากับข้าถึงต้องมากังวลด้วยเล่า?”