ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 286 ผนึกราชันความมืดปะทะผนึกวิถีคุณธรรม!
บทที่ 286 ผนึกราชันความมืดปะทะผนึกวิถีคุณธรรม!
บทที่ 286 ผนึกราชันความมืดปะทะผนึกวิถีคุณธรรม!
อูโจ้วแบมือ จากนั้นแสงสีเขียวดำก็ปรากฏขึ้นมา และมีอักขระแปลกประหลาดกระจายออกมา
หมู่เมฆสีเขียวกระจายทั่วท้องนภา พร้อมกับก่อตัวเป็นอักขระคล้ายมือของอูโจ้ว
อักขระจัดเรียงอย่างประณีต แล้วเคลื่อนไปทั่วท้องนภา
เมื่ออูโจ้วไขว้มือ อักขระที่กระจัดกระจายก็กลับมารวมตัวกัน ก่อนจะถูกสลักลงบนฝ่ามือ
วิ้ง!
เสียงร้องดังมาจากท้องนภา อักขระที่ก่อตัวจากหมู่เมฆพลันรวมตัว แล้วซ้อนทับกัน
สีเขียวและสีดำยิ่งเด่นชัด!
อูโจ้วประสานมือ ก่อนที่แสงสีทองจะปรากฏขึ้น
“ผนึกราชันความมืด!”
สิ้นเสียงกระซิบ แสงสีทองพลันทะยานสู่ท้องนภาทั้งสี่ทิศแล้วสาดส่องลงมาประหนึ่งดวงอาทิตย์สี่ดวง ทำให้ไม่อาจจับจ้องได้
สายสีทองสี่เส้นถูกดึงออกมาปกคลุมทั่วท้องนภาจากแสงสว่างทั้งสี่ทิศ
อักขระพลันสั่นไหวภายในเปลวเพลิงสีทอง เสียงของมารร้ายยังคงดังมาจากสวรรค์ทั้งเก้าประหนึ่งภูตผีจากนรกที่คืบคลานไปทั่วหล้า
ท่ามกลางเส้นสีทองทั้งสี่สาย อักขระดูพร่างพราวราวกับผนึกขนาดใหญ่ที่ปกคลุมท้องนภา!
มือของอูโจ้วพลันวาดลงมา “ผนึก! โจมตี!”
สิ้นคำของเขา ผนึกขนาดใหญ่ที่มีอักขระสีเขียวขอบสีทองพลันเคลื่อนลงมาจากท้องนภา
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
อากาศรอบด้านถูกบดขยี้จนระเบิด พลังไร้เทียมทานกระจายตัวไปรอบข้าง สภาพแวดล้อมพลันพังทลายกลายเป็นธุลี
เพียงสองอึดใจ พลังมหาศาลก็พุ่งเข้าหาจักรพรรดินีผู้อยู่ไกลออกไป อีกฝ่ายรีบควบคุมอาวุธวิเศษเพื่อป้องกัน เมื่อพลังพุ่งปะทะ เสียงแตกร้าว ‘เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!’ ก็ดังขึ้น
โล่ตรงมาหน้าจักรพรรดินีป้องกันพลังร้ายกาจนี้ไม่ได้ รอยร้าวพลันปรากฏขึ้น
กระบี่ยาวซึ่งลอยอยู่ตรงหน้าของจักรพรรดินียังคงส่งเสียง คมกระบี่เต็มไปด้วยแสงสว่าง
ตู้ม!
อากาศระเบิดอีกครา ทำให้ปราณวิญญาณทั้งหมดถูกบีบอัดบนผนึกขนาดใหญ่ก่อนจะพังทลาย สร้างหายนะทั่วทุกสารทิศ
ชั้นพลังกระแทกเข้าใส่โล่ของจักรพรรดินี
ปัง!
ค่ายกลซึ่งมีรอยร้าวบางส่วนตรงหน้าระเบิดทันทีขณะที่กระบี่ยาวสั่นไหว
จักรพรรดินีกรีดร้องออกมา กระบี่ยาวเล่มนี้ไม่สามารถต้านการโจมตีได้อีกครั้ง!
หากยังปัดป้องนานกว่านี้ เกรงว่ากระบี่เล่มนี้คงหักสะบั้น!
จักรพรรดินีเตรียมจะดึงกระบี่ยาวกลับไป แต่คลื่นอากาศขนาดใหญ่กลับตรงเข้ามาปกคลุมนางไว้ประหนึ่งขุนเขาที่กดทับลงมา
เมื่อพลังชั้นที่สองเข้าปะทะ แสงสว่างของม่านป้องกันก็หมองลง รอยร้าวขยายใหญ่ขึ้น
แสงสว่างพลันหมองหม่น พลังของกระบี่ยาวหายไปทันที
สิ้นเสียง ‘เคร้ง’ กระบี่ยาวก็ร่วงหล่น ก่อนจะปักลงบนพื้น
จักรพรรดินีค่อย ๆ ลดมือที่ต้องการเรียกกระบี่ยาวกลับมา มีโล่ที่แข็งแกร่งสองโล่คอยปกป้องอยู่ นางแทบหยุดหายใจจากเหตุการณ์ตรงหน้า
จักรพรรดินีตกตะลึงขณะที่จ้องมองไปยังกระบี่ยาวที่ร่วงหล่น
การป้องกันจากกระบี่ยาวเล่มนี้ต้านทานการโจมตีอย่างสุดกำลังของจ้าวยุทธ์ได้!
แต่บัดนี้ นางกลับหลบคลื่นพลังระลอกที่สองไม่ได้งั้นหรือ?!
อยู่ไกลขนาดนี้ยังได้รับผลกระทบจากการโจมตีอย่างรุนแรง แล้วบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ที่อยู่ใจกลางจะโดนขนาดไหน…
เมื่อคิดได้ดังนี้ จักรพรรดินีจึงเงยหน้าขึ้นพลางขมวดคิ้ว
เกรงว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่คงไม่รอดจากภัยพิบัตินี้!
ยามที่เงยหน้า นางก็เห็นผนึกขนาดใหญ่พังทลาย
และลู่หยวนยังถือหอกยาวอยู่ใต้ผนึก!
หมอกสีแดงรอบกายเขาถูกกดทับอย่างต่อเนื่องจนทำได้เพียงโคจรอยู่รอบเท้า เนตรเทวะบนหน้าผากเกือบจะปิดลงเพราะแรงกดดัน
หากมองอย่างละเอียดก็จะพบว่าลู่หยวนยืนอยู่กับที่ แต่เนื้อหนังบนร่างกายยุบลงไปเพราะแรงกดดัน ส่วนชุดคลุมสะบัดไปมาราวกับจะฉีกขาดได้ทุกเมื่อ
พลังนั้นกดทับลงมาที่เขา จนไม่อาจเคลื่อนไหวได้!
“เจ้าหนู ถ้าไม่ใช่เพราะความละโมบ วันนี้เจ้าก็คงไม่ตาย!”
“แต่ว่า… ในเมื่อมีความคิดที่ไม่ควร เจ้าก็ต้องชดใช้!”
ทุกคำพูดของอูโจ้วคล้ายกับปลอบประโลมลู่หยวนผู้กำลังดิ้นรน
“ชดใช้หรือ?”
ลู่หยวนที่ยืนอยู่ใต้ผนึกพึมพำ ขณะที่สายตาเปี่ยมด้วยความมั่นใจ “นั่นมันก็ถูก ในเมื่อพบขนนกวิหคเพลิงแท้จริงก็ควรมอบพวกมันให้ข้า แต่ตอนนี้กลับทำตัวละโมบ อยากเก็บไว้ที่ตัวเองถึงสองชิ้น เจ้ามันสมควรตาย!”
อู้โจวยิ้มเย้ยหยันเมื่อได้ฟังคำพูดของอีกฝ่าย
ถึงอย่างไรผนึกก็โจมตีไปแล้ว วินาทีต่อมาก็เคลื่อนลงไปบดขยี้เขาจนตาย จึงไม่แปลกที่เจ้าเด็กคนนี้จะหน้ามืดตามัวก่อนตาย
ทั้งที่กำลังจะตาย แต่ยังฝันหวานว่าจะสามารถพลิกสถานการณ์ได้งั้นหรือ?!
น่าขัน!
อูโจ้วหยุดสายตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลน
ลู่หยวนยังคงยืนถือหอก โดยมีผนึกกดทับลงมาหมายจะบดขยี้เขากับพื้น
ตู้ม!
ผนึกทะลวงเข้ามาก่อนจะกระแทกกับพื้น ทำให้เกิดฝุ่นฟุ้ง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ฝุ่นผงที่ผสานเข้ากับคลื่นอากาศยังคงกระจายไปทั่วทุกทิศทาง ทำให้พื้นดินยุบลงหลายสิบลี้ประหนึ่งมังกรปฐพีเคลื่อนตัวอยู่เบื้องล่าง
อูโจ้วเอนกายบนไหล่ของคุนเผิงด้วยความเกียจคร้านก่อนจะส่ายหน้า “เหตุใดผู้คนทั้งหลายในโลกถึงถูกความละโมบและความไม่พอใจครอบงำกันหนอ?”
“แม้เด็กคนนี้จะตายแล้ว แต่มังกรเจินหลงอาจจะยังมีชีวิตอยู่ และยังพอใช้ประโยชน์ได้!”
อูโจ้วรอให้แรงระเบิดหยุดลงโดยไม่รีบร้อน จนฝุ่นธุลีจางลง
เมื่อมองเห็นชัดเจน ฉากตรงหน้าคือพื้นที่ที่พังทลาย โดยมีร่องลึกสี่ด้านตัดผ่านไปมาราวกับหน้าผาไร้ก้นบึ้ง
อักขระจมลึกลงไปในใจกลางของร่องลึกจนมองไม่เห็น
“ผนึกราชันความมืด…”
จักรพรรดินีเห็นพลังทำลายล้างของผนึกดังกล่าวขณะที่ทวนชื่อที่อูโจ้วเพิ่งตะโกนออกมา
นางคิ้วขมวด เผ่าสาปมารไม่ถนัดการใช้ผนึกไม่ใช่หรือ!
อีกทั้งเมื่อห้าแสนปีก่อนก็ไม่น่าจะมีผนึกนี้นี่!
นางครุ่นคิดถึงจุดกำเนิดของมัน
ผนึกนี้ถูกสร้างโดยเจ้าแห่งวิถีคุณธรรม… เจิ้งชิงเทียน!
ผนึกนี้เดิมทีคือ ‘ผนึกวิถีคุณธรรม’ มีเพียงผู้ที่มีกลิ่นอายแห่งวิถีคุณธรรมเท่านั้นที่จะใช้ได้ ยิ่งทรงพลัง ผู้ที่ศึกษาก็ยิ่งแกร่งกล้าและสร้างผนึกเฉพาะเช่นนี้ขึ้นมาได้
สิ่งที่มีรูปทรงอย่างผนึกราชันความมืดจึงปรากฏขึ้น!
แต่ผนึกนี้เกิดขึ้นเมื่อสามแสนปีก่อน ส่วนเผ่าสาปมารเข้าสู่ค่ายกลปรภพก่อนจะหายไปเมื่อห้าแสนปีก่อน แล้วพวกเขามีผนึกได้อย่างไร?!
คำถามเหล่านี้ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของจักรพรรดินีจนเกิดความสับสน
ในตอนนี้เอง!
พื้นดินก็เริ่มสั่นไหว
อักขระซึ่งอยู่ใจกลางผนึกราชันความมืดพลันส่องแสงสีทอง ก่อนจะปกคลุมพื้นที่รอบข้าง
“ผนึกวิถีคุณธรรม! ปรากฏ!”
เสียงของลู่หยวนดังไปทั่วทั้งชั้นใต้ดิน!