ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 297 ร่างทองคงกระพัน
บทที่ 297 ร่างทองคงกระพัน
บทที่ 297 ร่างทองคงกระพัน
วิหคเพลิงชำเลืองมองลงมา มีประกายเย็นชาอยู่ในดวงตาคล้ายกับจะทะลวงร่างของลู่หยวน!
มันกรีดร้องดังสนั่น คลื่นเปลวเพลิงยักษ์พลันปรากฏจากบาดแผลที่เพิ่งถูกหอกพันมังกรเก้าสวรรค์แทงจนสมานตัว
เมื่อเปลวเพลิงปรากฏ มันก็กลายเป็นอสรพิษอัคคี ก่อนจะขดตัวแล้วทะยานเข้าหาลู่หยวน
ฟู่!
เปลวเพลิงทำให้อากาศรอบข้างถูกเผาไหม้ เพียงชั่วพริบตา มันก็ลามมาถึงตรงหน้าลู่หยวน
เขาตัดสินใจปล่อยมือทันที จากนั้นก็หันเท้าไปข้างหน้าเล็กน้อยแล้วถอยไปหลบด้านหลังอย่างรวดเร็ว
เปลวเพลิงกลืนกินหอกพันมังกรเก้าสวรรค์เข้าไป
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
เมื่อเปลวเพลิงลุกไหม้ รูปทรงของหอกยาวจึงค่อย ๆ หดลง ในไม่ช้าก็กลายเป็นกลุ่มควัน
ควันธุลีประหนึ่งมังกรลอยขึ้นท้องนภา ก่อนจะกระจายตัวอย่างไร้จุดหมาย…
ลู่หยวนปรับท่วงท่าให้มั่นคง ก่อนจะหรี่ตามอง มุมปากที่ยกยิ้มก็หายไปสิ้น
จักรพรรดินีผู้อยู่เป็นสักขีพยานเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยตาตัวเอง มองเพียงปราดเดียวก็เข้าใจว่าเปลวเพลิงที่โจมตีเมื่อครู่ไม่ธรรมดา!
นั่นคือเพลิงสวรรค์!
มันคือราชันแห่งเพลิงวิญญาณทั้งมวล!
ต่อให้เป็นอาวุธระดับจักรพรรดิ หากถูกเผาไหม้ด้วยเพลิงสวรรค์จำนวนมากโดยไร้การป้องกัน ก็จะกลายเป็นธุลีเหมือนกับหอกพันมังกรเก้าสวรรค์
ขณะมองบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ผู้มีสีหน้าบึ้งตึง จักรพรรดินีก็คาดเดาได้ว่าร่างวิหคเพลิงนี้รับมือยาก!
นี่คือร่างอมตะ!
ไม่ว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่จะโจมตีอย่างไรก็ทำอะไรไม่ได้!
หากวันนี้เขายืนกรานที่จะสู้ ย่อมมีชะตาถูกวิหคเพลิงนี้กลืนกินทั้งเป็น!
จักรพรรดินีคล้ายกับคาดเดาผลลัพธ์ได้ จึงเปรียบเทียบระยะห่างระหว่างโล่กับหุบเหว แล้วความปรารถนาที่ไม่เคยมีมาก่อนก็ปรากฏขึ้นในดวงตา!
ขนาดเข้าใกล้หุบเหวยังเผชิญกับร่างวิหคเพลิงได้ แล้วถ้าเข้าไปข้างในจะไม่พบสิ่งที่สามารถชดเชยเพลิงสวรรค์ที่นางเสียไปได้หรอกหรือ?!
ย่อมมีแน่นอน!
สายตาของจักรพรรดินีเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เพียงหนึ่งอึดใจ นางก็หลับตาก่อนจะเงยหน้ามองบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ด้วยสีหน้าจริงจัง
นางจับจ้องใบหน้าถมึงทึงของอีกฝ่ายขณะที่คำพูดบางอย่างยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปาก
“ลู่…”
จักรพรรดินีเอ่ยได้เพียงหนึ่งคำ ก่อนจะหยุดคำที่เหลือเอาไว้ แม้สีหน้าของลู่หยวนจะบูดบึ้งราวกับไม่มีความสุข แต่เหตุใดสายตากลับเต็มไปด้วยความละโมบเล่า?!
นางมองตามสายตาที่กำลังจับจ้องวิหคเพลิงซึ่งลอยอยู่กลางอากาศของอีกฝ่าย
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจของจักรพรรดินี
หรือว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่… อยากได้พลังอมตะของวิหคเพลิง?!
จักรพรรดินีพยายามปฏิเสธความคิดนี้ ถึงอย่างไรพลังนี้ก็หาได้ยากในบรรดาเผ่าวิหคเพลิง!
วิหคเพลิงในตอนนี้จะต้องเป็นสิ่งมีชีวิตทรงพลังของเผ่าวิหคเพลิง ทำให้มันมีพลังอันน่าสะพรึงอย่างการเกิดใหม่และเป็นอมตะ!
ส่วนลู่หยวนมาจากเผ่าพันธุ์มนุษย์!
เขาจะกลืนกินพลังอมตะของวิหคเพลิงได้อย่างไร?!
นับตั้งแต่การดำรงอยู่ของแผ่นดินหยวนหง นางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเผ่ามนุษย์ช่วงชิงแหล่งกำเนิดความสามารถของสัตว์เทวะได้!
บนท้องนภา สายตาของลู่หยวนร้อนผ่าวจนแทบจะกลืนกินวิหคเพลิงที่อยู่ไกลออกไป!
ทันใดนั้น เสียงระบบก็ดังขึ้น
[คำแนะนำจากระบบ จากการตรวจสอบพบว่าท่านสามารถกลืนกินร่างวิหคเพลิงได้ แต่เนื่องจากร่างที่อยู่เบื้องหน้าของท่านถูกสร้างขึ้นจากเศษเสี้ยววิญญาณของวิหคเพลิง จึงสืบทอดพลังอมตะไม่ได้]
[หากท่านช่วงชิงสำเร็จ ระบบจะดัดแปลงมันให้กลายเป็นทักษะเทวะ… ร่างทองคงกระพัน!]
[หมายเหตุ: ‘ร่างทองคงกระพัน’ ที่ท่านได้รับ สามารถเพิกเฉยต่อระดับการบ่มเพาะและการโจมตีทุกประเภท จนอยู่ในสถานะคงกระพัน! เป็นทักษะเทวะแบบใช้ครั้งเดียว! ระยะเวลาคงอยู่ได้สามอึดใจ!]
“ชิ!”
เปลวไฟที่ลุกโชนในดวงตาของลู่หยวนพลันจางหาย ก่อนจะเผยสีหน้าไม่พอใจ
ไม่ใช่อมตะ แต่ทำให้คงกระพันได้เพียงสามอึดใจ
ขยะ!
แต่อย่างน้อยก็ยังพอใช้ได้ จึงควรค่าแก่การเก็บสะสมไว้
หากจักรพรรดินีทราบความคิดของลู่หยวนเข้า นางย่อมกระอักโลหิตอย่างแน่นอน
คงกระพันสามอึดใจคืออะไร?!
แม้แต่ผู้เป็นอมตยุทธ์ก็ไม่สามารถบ่มเพาะตัวเองให้คงกระพันได้!
ถึงจะคงกระพันแค่สามอึดใจ แต่หากทำความเข้าใจให้ดี ย่อมทำให้ฟ้าดินปั่นป่วนได้!
แต่กลับบอกว่าพอใช้ได้งั้นหรือ?!
สีหน้าจริงจังของลู่หยวนหายไป ขณะที่ยกมือขวาโดยห้านิ้วเรียงชิดกัน ก่อนที่กลุ่มควันคล้ายมังกรซึ่งอยู่บนท้องนภาจะมารวมตัวกัน
ควันธุลีรวมตัวกันในฝ่ามือของเขา เสียงมังกรคำรามแตกต่างจากที่ผ่านมา มันเต็มไปด้วยโทสะ!
ลู่หยวนสะบัดมือก็ทำให้พวกมันหายไป ก่อนที่ร่างมายาของมังกรเก้าสวรรค์จะปรากฏขึ้น
ศีรษะของมังกรสีทองขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ด้านหลังพลันหายไป แล้วแสงสีทองก็ปรากฏจากฝ่ามือขวาของเขา ทำให้พลังไร้เทียมทานอุบัติขึ้น
เพียงชั่วพริบตา หอกสีทองก็ปรากฏที่ฝ่ามือของลู่หยวน!
เมื่อหอกปรากฏขึ้น ร่างมายาของมังกรเก้าสวรรค์ก็พันรอบตัวหอก
วิ้ง!
เสียงระฆังมหาวิถีที่ดังขึ้นระหว่างฟ้าดินประหนึ่งแดนเซียนจุติลงมา
แสงสีทองพลันเลือนหายก่อนที่หอกจะพร้อมใช้งาน
มังกรหลากสีสันทั้งเก้าปรากฏขึ้นที่ปลายหอก บ้างแยกเขี้ยว บ้างอ้าปากดุร้าย บ้างมีสีหน้าเฉยเมย
ลวดลายมังกรถูกสลักรอบหอก ดูเคร่งขรึมและสง่างาม
มังกรขนาดเล็กโคจรไปมาเหนือมังกรทั้งเก้า มันเต็มไปด้วยแรงกดดันและแรงคุกคามอันสูงส่ง!
“มังกรเจินหลงหลอมรวมกับหอกเป็นลวดลายมังกรงั้นหรือ?!”
จักรพรรดินีตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ตามข่าวลือ มีเพียงเทพกระบี่ที่เคยหลอมกระบี่จากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
ยามกระบี่เล่มนั้นปรากฏขึ้น ขุนเขาธาราจะสั่นสะเทือน ยามกระบี่ฟาดฟัน เทือกเขาหลายร้อยลี้ก็พังทลาย จากนั้นปราณกระบี่จึงกระจายออกไปหลายร้อยลี้ ไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้
หลายพันปีต่อมา สถานที่นั้นจึงถูกทิ้งร้าง
เพราะกระบี่เล่มนี้ ทำให้หมู่เมฆเหนือท้องนภาแยกออก จนไม่อาจรวมตัวกันได้เป็นเวลาหลายปี
แม้กระบี่ที่ถูกหลอมจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะเป็นเช่นนี้ แต่ลู่หยวนถึงกับนำสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรเจินหลงมาหลอมรวมกับหอก แล้วผนึกมังกรทั้งเก้าแทนลวดลาย!
อาวุธชิ้นนี้น่าจะทะลวงจนถึงระดับศักดิ์สิทธิ์!
ลู่หยวนจะควบคุมอาวุธเช่นนั้นได้งั้นหรือ?!
บนท้องนภา ฝ่ามือของลู่หยวนกำหอกสีทองเล่มนั้นเอาไว้
วิ้ง!
พลังมังกรระเบิดขณะที่กระจายไปทั่วทุกทิศทาง
ค่ายกลโล่ป้องกันทั้งสามซึ่งอยู่ตรงหน้าจักรพรรดินีปรากฏขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ต้านคลื่นพลังดังกล่าว
ลู่หยวนกุมหอกเอาไว้ เพียงชั่วพริบตาก็เหยียบคลื่นพลังมังกรมุ่งเข้าหาวิหคเพลิง
ไม่กี่อึดใจ เขาก็ยกหอกสีทองเผชิญหน้ากับมัน
วิหคเพลิงมองท่าทางจับหอกของลู่หยวนด้วยสายตาเย้ยหยัน
น่าเสียดายที่อาวุธชิ้นนี้ทรงพลัง แต่ผู้ใช้กลับโง่เขลา!
ใครที่ไหนเขาจับหอกเหมือนไม้เท้าเล่า?!
ทั้งที่หันปลายหอกมาข้างหน้าได้ แต่กลับถือเหมือนไม้เท้าเพื่อรอจังหวะฟาดออกไป ช่างเป็นการโจมตีที่ไร้ความดุดันเสียจริง!
ตอนนี้เอง!
หอกในมือของลู่หยวนฟาดออกไปอย่างรุนแรง ส่วนวิหคเพลิงอ้าปากเพื่อรวบรวมลูกไฟ ก่อนจะพ่นเข้าใส่อีกฝ่ายที่ใกล้เข้ามา
ประกายไฟโหมกระหน่ำจนแทบจะกลืนกินอีกฝ่าย
ร่างของลู่หยวนพลันหายไปขณะที่เคลื่อนผ่านลูกไฟ ก่อนจะปรากฏตรงหน้าร่างวิหคเพลิง
หอกถูกฟาดเข้าใส่ศีรษะของวิหคเพลิงจนเกิดเสียงดัง ‘ตึก!’