ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 313 หลิงเทารายงาน
บทที่ 313 หลิงเทารายงาน
บทที่ 313 หลิงเทารายงาน
หลิงเทาเล่าเรื่องที่ชิวเฟิงจู้ติดต่อมาเพื่อขอให้ออกค้นหาคุณชายใหญ่แห่งตระกูลชิว
เขาอธิบายจบก็เฝ้ารอด้วยความเคารพ ทว่าผ่านไปครู่ใหญ่ หลิงอวิ๋นกลับไม่มีทีท่าจะออกคำสั่งแต่อย่างใด
ผ่านไปสักพัก หลิงเทาจึงเงยหน้า แล้วเห็นว่านางยังคงอ่านตำราด้วยสีหน้าเดิมไม่เปลี่ยน ราวกับไม่สนใจสิ่งที่เขาเพิ่งรายงานให้ทราบ
“อะแฮ่ม… ประมุขน้อย พวกเราควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดีขอรับ?”
หลิงเทาถามอีกครั้ง
หลิงอวิ๋นชำเลืองมองเขาแล้วขมวดคิ้ว จากนั้นจึงตอบด้วยความหงุดหงิด “เจ้ารายงานเรื่องนี้ให้เสวียนเทียนชวนทราบได้เลย ไม่จำเป็นต้องมารายงานข้าหรอก”
ปากของหลิงเทากระตุก ถึงอย่างไรเขาก็เป็นผู้อาวุโสเก้าแห่งตระกูลหลิง แต่กลับต้องไปรายงานเด็กผู้ชายที่อายุเพียงสิบปี
อีกทั้งเด็กคนนั้นยังไม่ได้มาจากตระกูลหลิง!
เมื่อคิดถึงเสวียนเทียนชวนผู้พิกลพิการจนต้องนั่งรถเข็น ถึงกระนั้นกลับสามารถทำนายและวางแผนกลยุทธ์มากมายได้ หลิงเทาก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจ
ถึงอย่างไรลูกของเขาผู้มีอายุมากกว่าเสวียนเทียนชวนหลายปีกลับทำตัวโง่เขลาเบาปัญญา รากฐานการบ่มเพาะต่ำเตี้ย ไร้หัวการวางแผน ดีแต่อู้งาน!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หลิงเทาก็ยิ่งรู้สึกคันไม้คันมือจนอยากจะจับมาตีสั่งสอนให้รู้แล้วรู้รอด!
เขาสลัดความคิดทั้งหลายออกไป ก่อนประสานมือแล้วเอ่ยว่า “ประมุขน้อย ทางฝั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่…”
“เกิดอะไรขึ้นกับลู่หยวน?!”
เมื่อหลิงอวิ๋นได้ยินชื่อของลู่หยวน พลันวางตำราในมือลงแล้วมองด้วยสายตาวิตกกังวล!
หลิงเทามองสีหน้าที่เปลี่ยนไปราวกับพลิกฝ่ามือของประมุขน้อย ผ่านไปสักพัก เขาทำได้เพียงเม้มริมฝีปาก
นับตั้งแต่หลิงอวิ๋นก้าวเข้าสู่วิถีหอก นางก็ยิ่งมีความสุขและความสงบเสงี่ยม
แต่พอได้ยินคำว่า ‘บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่’ เมื่อครู่ นางกลับมีทีท่าวิตกกังวล ความสงบเสงี่ยมเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว?
เกรงว่าประมุขน้อยผู้นี้จะตกอยู่ในกำมือของบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เสียแล้ว…
“ยังไม่มีข่าวคราวจากฝั่งบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ คนที่เข้าไปในวังจักรพรรดิต่างไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ตอนนี้ภายในนั้นมีการเฝ้าระวังมากขึ้น จำนวนองครักษ์ก็เพิ่มขึ้นจากเดิมถึงสิบเท่า!”
“ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นไม่ผิดแน่ ส่วนจะเกี่ยวกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่หรือไม่นั้นยังไม่อาจตัดสินได้”
หลิงเทาตอบด้วยความเคารพขณะอธิบายสถานการณ์ในวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมที่ตรวจสอบมาให้อีกฝ่ายฟัง
หลิงอวิ๋นส่งเสียง “อืม” หลังจากครุ่นคิดสักพักจึงเอ่ยว่า “ตรวจสอบต่อไป หากพบข้อมูลอะไรให้รายงานข้าทันที!”
“ขอรับ!”
หลิงเทาประสานมือก่อนหันหลังจากไป
หลังออกจากห้องโถงหลักแล้ว เขาก็มองไปทางจวนตระกูลหลิงอันกว้างใหญ่ตรงหน้า ก่อนถอนหายใจยาวออกมา
หลายวันมานี้มีเรื่องราวพลิกผันมากมายยิ่งนัก
เดิมทีเขาเป็นเพียงผู้อาวุโสของตระกูลหลิงที่ไม่มีอะไรโดดเด่น และมีทายาทเพียงคนเดียวแต่ไร้ความสามารถ เขาจึงไม่มีความตั้งใจจะแก่งแย่งทรัพยากรของตระกูล
แต่ละวันเขาได้แต่เดินเตร็ดเตร่หรือไม่ก็ทุบตีลูกชายทรพีในครอบครัว
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขากำลังจะหาสถานที่ผ่อนคลายในแดนมัชฌิมเหมือนอย่างทุกที แต่พอก้าวเข้าไปในหอคอย เขากลับเห็นทุกสิ่งรอบข้างพลันพังทลายพร้อมกลิ่นอายผิดปกติที่เข้ามาปกคลุม
ชั่วพริบตา คนที่ดูเหมือนกับเขาก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า
ดวงตาของชายผู้นี้เต็มไปด้วยจิตสังหารพร้อมกวัดแกว่งกระบี่ยาวในมือตรงเข้ามา
หลิงเทายกหอกขึ้นเพื่อปัดป้อง แต่กลับไม่อาจเทียบเคียงอีกฝ่ายได้ หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่า อาวุธในมือของเขาก็แตกสลาย
เมื่อเห็นกระบี่กำลังจะฟันลงมาตรงหน้า หลิงอวิ๋นก็ปรากฏขึ้นในช่วงวินาทีแห่งความเป็นความตาย เจตจำนงหอกของนางพลันทะยานออกไป พร้อมสังหารชายตรงหน้าเพียงไม่กี่อึดใจ
หลิงเทาจึงทราบว่าคนผู้นี้คือสมาชิกจากตระกูลชิวแห่งวิถีคุณธรรมที่ซุ่มซ่อนอยู่ โดยหมายจะเข้าแทนที่เขา!
และด้วยเหตุผลบางอย่าง หลิงเทาจึงกลายเป็นคนสนิทของหลิงอวิ๋นและมักไปไหนมาไหนกับนางเสมอ
ตั้งแต่เลือกสถานที่ซ่อนตัวในตระกูลหลิง ตลอดจนการติดต่อพวกเสวียนเทียนชวนให้เข้าไปอยู่ จากนั้นก็ตรงไปจงใจยั่วยุที่หน้าบ้านตระกูลชิวพร้อมหลิงอวิ๋น ทำให้ตระกูลทั้งหลายเกิดความเคลือบแคลงใจต่อตระกูลชิว ทั้งยังถูกไหว้วานให้แสร้งเป็นตัวหมากลับของอีกฝ่าย จากนั้นก็ให้คำแนะนำกับชิวเฟิงจู้เพื่อสร้างความเชื่อใจ
ขั้นตอนเหล่านี้เขาแทบจะต้องลงมือทำทั้งหมดเพียงคนเดียว!
หลิงเทาถอนหายใจให้กับสภาพอันน่าหดหู่ของตัวเอง เขาเคยมีความสุขที่ไม่ต้องทำอะไร แต่พอต้องวิ่งวุ่นไปมาเช่นนี้ กลับหนักหนาเอาการ!
หลังจากระบายอารมณ์บางอย่างในใจแล้ว เขาก็สัมผัสเหยือกสุราอายุหนึ่งพันปีที่หลิงอวิ๋นมอบให้เมื่อไม่กี่วันก่อน หลังจากฮัมเพลงก็เดินไปทางลานบ้านที่เสวียนเทียนชวนอยู่ด้วยท่าทางเกียจคร้าน
ผ่านไปสักพัก หลิงเทาหลบเลี่ยงผู้คนในตระกูลหลิง ก่อนจะมาถึงนอกลานบ้านลับที่พวกเสวียนเทียนชวนอยู่
เขาพบว่ามีการติดตั้งค่ายกลป้องกันเอาไว้บริเวณด้านนอก
ที่แห่งนี้เดิมเอาไว้กักขังผู้กระทำผิด แต่มันถูกทิ้งร้างมาหลายปีแล้ว
หลิงเทาปรับอารมณ์และท่าทางก่อนเดินเข้าไป
เขาเดินตรงเข้าไปข้างใน ทำให้ค่ายกลที่ปกคลุมอยู่ด้านนอกสั่นไหว เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหลิงเทา พวกมันพลันนิ่งเงียบ
หลิงเทาก้าวเข้าห้องโถงใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากเดินวนรอบชั้นหนังสือหลายครั้ง ก็พบเสวียนเทียนชวนกับฉินอี่หานผู้มีสีหน้าจริงจังเหมือนกำลังสนทนาบางอย่าง
ส่วนคนที่เหลือซึ่งมักรวมตัวอยู่ที่นี่กลับไปอยู่ที่ใดไม่ทราบ
เมื่อเสวียนเทียนชวนเห็นหลิงเทาเข้ามา คิ้วที่ขมวดอยู่ก็คลายออกก่อนจะเผยรอยยิ้มอบอุ่น แล้วประสานมือเพื่อแสดงความเคารพ “ผู้อาวุโสหลิงเทา”
ฉินอี่หานประสานมือเช่นกัน
หลิงเทายิ้มตอบขณะเล่าเรื่องที่ชิวเฟิงจู้ติดต่อมาให้ทั้งสองคนฟัง
เสวียนเทียนชวนยิ้มและพยักหน้าหลังจากฟังจบ
“ผู้อาวุโสหลิงเทา รบกวนท่านตอบรับคำสั่งของนาง แล้วบอกว่าจะทุ่มสุดกำลังเพื่อตามหาชิวเสวียนให้จงได้!”
หลิงเทาเรียกยันต์ออกมาเพื่อตอบกลับชิวเฟิงจู้ทันที
หลิงเทาเตรียมจะจากไปหลังจัดการธุระเสร็จ แต่หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาพลันหันมองกลับมาแล้วถามขึ้นว่า “สรุปแล้วพวกเราต้องตามหาชิวเสวียนหรือไม่?”
สายตาของเสวียนเทียนชวนมุ่งมั่น “ตามหา! ท่านจะไม่ตามหาจุดอ่อนของตระกูลชิวที่ถูกส่งมอบให้ถึงที่ได้อย่างไร?!”
“ผู้อาวุโสหลิงเทาไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องนี้ ข้าได้เตรียมกำลังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้ามีข่าวคราวมาจากชิวเฟิงจู้อีก ขอให้ท่านมาบอกข้าโดยเร็วที่สุด”
หลิงเทาย่อมตกปากรับคำ
เขาจับจ้องไปยังฉินอี่หานและเสวียนเทียนชวน ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาถึงรู้สึกว่าสองคนข้างหน้านี้ไม่ต่างจากกองทัพนับพัน
หลิงเทาลอบส่ายหน้า ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อแล้วมุ่งหน้าไปที่ลานบ้านขนาดเล็กอย่างมีความสุข
ในที่สุดก็มีเวลาว่างเสียที เขาจะได้ลิ้มรสสุราอายุหนึ่งพันปีแล้ว!
หลังหลิงเทาจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของเสวียนเทียนชวนกับฉินอี่หานก็หายไป
ฉินอี่หานโน้มตัวมาที่โต๊ะพร้อมกางแผนที่แดนมัชฌิม แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบว่า “มีข่าวลือว่าชิวเสวียนเปี่ยมด้วยพรสวรรค์ เขาเพิ่งอายุสิบแปดปีก็ไปถึงขั้นครึ่งก้าวเทียมเทพแล้ว หากเทียบกับคนในตระกูลชิว พรสวรรค์และความแข็งแกร่งของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าของชิวชิงหลีเลย”
“หากดูจากนิสัยของผู้อาวุโสใหญ่ตระกูลชิวที่ชอบแข่งขันกับผู้อื่น ก็นับเป็นเรื่องแปลกที่ไม่ยอมให้ชิวเสวียนปรากฏตัวต่อหน้าธารกำนัล”