ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 335 ตระกูลเจียงเคลื่อนไหว ขนวิหคเพลิงที่แท้จริงปรากฏ
บทที่ 335 ตระกูลเจียงเคลื่อนไหว ขนวิหคเพลิงที่แท้จริงปรากฏ
บทที่ 335 ตระกูลเจียงเคลื่อนไหว ขนวิหคเพลิงที่แท้จริงปรากฏ
ภายในโถงประชุม เจียงสิงอวิ๋นผู้เป็นประมุขตระกูลเจียงนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักของห้องโถงใหญ่ ใบหน้าลึกล้ำดุจห้วงน้ำ ยากจะมองเห็นอารมณ์ได้
ผู้อาวุโสยืนอยู่ทั้งสองฝั่ง เจียงเชียนชิวก้าวมายืนอยู่ด้านข้างผู้อาวุโสเช่นกัน
เจียงสิงอวิ๋นกุมหน้าผากขณะกะพริบตาขึ้นลง ทุกคนต่างตระหนักได้ว่าสายตาของเขาแดงก่ำ ดูเหนื่อยล้าอย่างยิ่ง
“กู่จินเจาตายแล้ว”
เจียงสิงอวิ๋นเอ่ยประโยคนั้นออกมา
ทั่วทั้งห้องโถงพลันตกอยู่ในความเงียบ ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจอันแผ่วเบา แม้กระทั่งเสียงเข็มหล่นก็ยังได้ยิน!
หากกู่จินเจาตาย กลุ่มอำนาจของทั่วทั้งแดนมัชฌิมอาจเกิดการเปลี่ยนแปลง!
ทุกคนทราบว่าหลังจากนางตาย คนเดียวที่สืบทอดบัลลังก์ของแดนมัชฌิมได้ก็คือกู่อี้เจี้ยน!
ทว่านางหมกมุ่นอยู่กับเคล็ดกระบี่ จึงไม่เคยคำนึงถึงเรื่องบัลลังก์ ซึ่งไม่มีสำนักและตระกูลชั้นสูงคนใดได้เข้าเฝ้านาง
หากนางสืบทอดบัลลังก์ ตระกูลชั้นสูงใดบ้างจะได้รับเลือก?
ตระกูลฮ่วนย่อมเป็นหนึ่งในนั้น นอกจากพวกเขาแล้ว ยังจะมีตระกูลอื่นที่มีความสนิทชิดเชื้อและขยายกำลังการผลิตกับทรัพยากรในแดนมัชฌิมได้อีกหรือ?!
หรือว่า…
ราชวงศ์แดนมัชฌิมปกครองมานับแสนปี หรือถึงคราวที่จักรวรรดิจะมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว?
ทุกคนต่างมีความคิดเป็นของตัวเอง เว้นก็แต่เจียงเชียนชิว
เขายังคงตกตะลึงกับสิ่งที่เจียงสิงอวิ๋นเพิ่งจะเอ่ยออกมา หลังจากกลับมามีสติ เขาก็ครุ่นคิดอยู่ในใจ หลังจักรพรรดินีสวรรคต ตระกูลเจียงในฐานะที่เป็นตระกูลทรงพลังของแดนมัชฌิมก็ควรไปแสดงความเสียใจ เขาซึ่งเป็นประมุขน้อยของตระกูลสมควรอยู่ที่นี่เช่นกัน
“พวกเจ้าคงได้ยินเสียงกระบี่กันแล้ว หากข้าคาดเดาไม่ผิด กู่อี้เจี้ยนน่าจะออกมาจากการเก็บตัวแล้ว! พวกเจ้ามีความคิดเห็นเช่นไร?”
เจียงสิงอวิ๋นเอ่ยเสียงหมองหม่น
สิ้นคำเหล่านี้ก็เกิดความปั่นป่วนมากมายในกลุ่มผู้อาวุโส
กู่อี้เจี้ยนออกจากการเก็บตัวงั้นหรือ?!
ในความคิดของพวกเขา นางไม่น่าจะออกจากการเก็บตัวได้ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็หมกมุ่นกับเคล็ดกระบี่จนแทบไม่คบหาผู้ใด
ความสัมพันธ์ระหว่างกู่จินเจากับนางก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้อ
ต่อให้กู่จินเจาตาย กู่อี้เจี้ยนก็อาจจะไม่ออกจากการเก็บตัวในเร็ววัน
ในความคิดของพวกเขา อย่างดีสุดคือนางจะมาร่วมงานศพของกู่จินเจาพอเป็นพิธี หลังจากกลายเป็นจักรพรรดินี นางจะทำการฝึกฝนในสุสานกระบี่ต่อไป
ผู้อาวุโสสามครุ่นคิดสักพัก ก่อนก้าวออกมา “ท่านประมุข ท่านทราบข่าวอื่นอีกหรือไม่?”
ข้อมูลที่มีตอนนี้นับว่าน้อยเกินไป หากตัดสินใจทั้งอย่างนี้ พวกเขาอาจไม่ได้รับผลประโยชน์สูงสุดก็เป็นได้!
เจียงสิงอวิ๋นถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “ไม่มี”
หากตระกูลของพวกเขายังคงหมั้นหมายกับตระกูลหลิงก็อาจจะพอทราบอะไรมากกว่านี้
ถึงอย่างไร หลิงอวิ๋นก็เป็นเจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์และมีความใกล้ชิดกับวังจักรพรรดิ ดังนั้นนางน่าจะได้รับข้อมูลที่ต่างออกไป
แต่บัดนี้ พวกเขามีข้อมูลเพียงน้อยนิดเท่านั้น
ผู้อาวุโสสามเงียบสักพัก จากนั้นจึงเอ่ยถาม “เช่นนั้น… ท่านบรรพชนว่าอย่างไรบ้าง?”
สายตาเจียงสิงอวิ๋นมีความสับสน สีหน้าของเขายิ่งย่ำแย่ “ดูเหมือนท่านบรรพชนจะอยู่ได้อีกไม่นาน”
“ข้าเพิ่งไปขอคำชี้แนะจากท่านบรรพชนมา แต่พลังรอบกายของท่านลดลงไปมาก จึงอยู่ในสภาพแน่นิ่งจนไม่สามารถตอบสนองต่อโลกภายนอกได้อีกต่อไป!”
“ว่าอย่างไรนะ?!”
ผู้อาวุโสแทบทุกคนมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อทราบข่าว หลังจากกลับมามีสติ พวกเขาต่างก็มีสีหน้าวิตก
บรรพชนคือเสาหลักของตระกูลเจียงที่ทำให้พวกเขายืนหยัดอยู่ในแดนมัชฌิมได้จนถึงทุกวันนี้!
หากเขาตายขึ้นมาก็จะไม่มีผู้แข็งแกร่งในตระกูลที่ให้การปกป้องอีกต่อไป!
เมื่อนั้นตระกูลชั้นสูงอื่นก็จะเข้ามากลั่นแกล้งไม่หยุด!
“หากไม่สามารถฉวยโอกาสจากเรื่องนี้ได้ เกรงว่าตระกูลเจียงจะ…”
เจียงสิงอวิ๋นยืนขึ้น ความอ่อนล้าในดวงตาหายไป พลันกลายเป็นความมุ่งร้าย “ทุกท่าน จะสำเร็จหรือล้มเหลว ตระกูลเจียงก็อยู่ในมือของทุกคนแล้ว! มาช่วยกันใคร่ครวญว่าพวกเราควรทำอย่างไรต่อดี!”
ผู้อาวุโสทั้งหลายมองหน้ากันก่อนจะสงบสติลง พร้อมประสานมือทำความเคารพอีกฝ่าย “พวกข้าน้อมรับคำสั่งของท่านประมุข!”
เจียงเชียนชิวคารวะพร้อมกับเหล่าผู้อาวุโสเช่นกัน
เจียงสิงอวิ๋นยืนเอามือไพล่หลังด้วยสีหน้ามั่นคง
ราวหนึ่งชั่วยามต่อมา ทุกคนในตระกูลเจียงต่างเดินออกจากโถงประชุม พวกเขาต่างมีสีหน้าจริงจังขณะนึกถึงสิ่งที่ประมุขเพิ่งจะเอ่ย
แต่เจียงเชียนชิวมีสีหน้าหงุดหงิด ผู้อาวุโสเหล่านี้ได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญ แต่เขาเป็นคนเดียวที่ต้องลอบเข้าไปรอรับคำสั่งจากตระกูลที่เมืองหลวงแดนมัชฌิม
เขาสะบัดแขนเสื้อก่อนจะกลับไปเตรียมตัวที่ลานบ้าน
เขารู้สึกถึงการเคลื่อนไหวภายในแขนเสื้อทันทีที่กลับมาถึงลานบ้าน
ยันต์ใบหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของเจียงเชียนชิว
เขารีบหยิบมาดู ก่อนจะพบลายมือของหลี่เจียงหนานปรากฏอยู่บนยันต์
“จับปลาในน้ำขุ่น ย่อมนำมาซึ่งความสำเร็จครั้งใหญ่! พี่เจียงรีบมาวางแผนในภายภาคหน้ากัน!”
เมื่ออ่านจบ ยันต์ก็ไหวเบา ๆ ก่อนสลายกลายเป็นฝุ่น
เจียงเชียนชิวยกยิ้ม ‘เหอะ การไปเมืองหลวงแดนมัชฌิมก็ไม่เลวร้ายเท่าไหร่’
ในเมื่อหลี่เจียงหนานอยู่ที่นั่น เช่นนั้นก็ให้เขาเป็นผู้ตัดสินเรื่องทุกอย่างก็แล้วกัน!
เจียงเชียนชิวไม่ลังเลอีกต่อไป ก่อนจะเรียกผู้ติดตามมาบางส่วนแล้วลอบเข้าสู่เมืองหลวง
…
ดินแดนลับ
ลู่หยวนมองจักรพรรดินีอย่างเงียบงันพลางขมวดคิ้ว
เขาไม่แปลกใจที่จักรพรรดินีสวรรคต
ทว่าหมู่เมฆที่ก่อตัวตรงหน้ากับเปลวเพลิงที่ทะยานขึ้นสู่ท้องนภา ต่างบ่งชี้ว่าสมบัติแปลกประหลาดได้ถือกำเนิดแล้ว!
เป็นไปได้หรือไม่ว่าของเหล่านี้จะเกี่ยวข้องกับจักรพรรดินีผู้ล่วงลับไปแล้ว?!
เมื่อลู่หยวนคิดเสร็จกระบวนความ ก็รู้สึกได้ถึงพื้นดินที่กำลังสั่นสะเทือน
จากนั้นหมู่เมฆก็เคลื่อนตัวจากท้องนภา
แสงไฟทะยานขึ้น พลังแปดแดนร้างโบราณพลันปรากฏบนพื้น
ลู่หยวนทราบทันทีว่ามีบางสิ่งกำลังโผล่ออกมาจากช่องว่างขนาดใหญ่
เขากวาดสายตา พลันพบแสงสีทองสามสายพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง
เสียงของวิหคเพลิงสามตนดังขึ้นระหว่างฟ้าดิน!
“ขนวิหคเพลิงแท้จริง!”
อูโจ้วพลันเอ่ยขึ้นมา
ลู่หยวนจับจ้องแสงสีทองสามสายก่อนจะใช้เนตรเทวะเพ่งพินิจสิ่งนั้น
พวกมันทะยานสู่ท้องนภา รวมตัวเข้าด้วยกัน จากนั้นพุ่งออกไปคล้ายกับมุ่งตรงเข้าหาจักรพรรดินี
“นายท่าน”
เจิ้งชิงเทียนรีบเอ่ยว่า “ว่ากันว่าขนวิหคเพลิงแท้จริงสามารถฆ่าคนเป็นได้!”
สิ้นคำของอีกฝ่าย ลู่หยวนก็พุ่งเข้าหาแสงสีทองซึ่งอยู่ในอากาศทันที
คราวนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเจิ้งชิงเทียนหมายความว่าอย่างไร
ขนวิหคเพลิงแท้จริงสามเส้นปรากฏขึ้นเช่นนี้ อาจมีหวังฟื้นคืนชีพจักรพรรดินี!
โชคชะตาก้อนใหญ่อยู่ตรงหน้าแล้ว ลู่หยวนจะไม่ลงมือได้อย่างไร?!
จักรพรรดินีตายได้ แต่โชคชะตาจะเสียไปไม่ได้!
ลู่หยวนมาอยู่ใต้แสงสีทอง มันสั่นสะท้านทันทีที่สัมผัสตัวตนของเขาได้ เสียงร้องของวิหคเพลิงก็ปกคลุมไปทั่วหล้า
ลู่หยวนคว้าด้วยมือขนาดใหญ่หมายจะฉกฉวยแสงสีทองทั้งสามสาย
วิ้ง!
แสงสีทองพลันหยุดนิ่งและสั่นไหว ก่อนขนวิหคเพลิงแท้จริงจะแยกออก กลายเป็นวิหคเพลิงตัวน้อย
เมื่อมือของลู่หยวนเข้าใกล้ เพลิงสวรรค์พลันปรากฏขึ้นจากพวกมัน