ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 344 เริ่มเดินหมาก!
บทที่ 344 เริ่มเดินหมาก!
บทที่ 344 เริ่มเดินหมาก!
เหง่งหง่าง! เหง่งหง่าง! เหง่งหง่าง!
เสียงของระฆังขนาดใหญ่ดังขึ้นทั้งสิ้นเก้าครั้ง จากนั้นจึงเงียบไป
ทั่วทั้งแดนมัชฌิมพลันตกอยู่ในความสงัด
หมู่เมฆสีดำเหนือท้องนภาเคลื่อนลงมาขณะจับตัวเป็นกลุ่มก้อนหนาอย่างต่อเนื่อง สายลมรอบข้างยังคงพัดผ่านอย่างแรงกล้าราวกับสายฝนกำลังจะมาเยือน
“นายท่าน จักรพรรดินีสวรรคตแล้วหรือขอรับ?!”
คนผู้หนึ่งบนท้องถนนเอ่ยประโยคดังกล่าวด้วยเสียงอันแหบพร่า
เสียงระฆังดังขึ้นเก้าครั้งหมายถึงความตายของจักรพรรดิ!
ผ่านไปหลายอึดใจ ทั่วทั้งแดนมัชฌิมเริ่มปั่นป่วน ตระกูลชั้นสูงทั้งหลายเริ่มเตรียมมาตรการตอบโต้ต่อไป
บางส่วนกำลังวางแผนฉวยโอกาสจากช่วงเวลาแห่งการสืบทอดบัลลังก์นี้ บางส่วนพยายามจับปลาในน้ำขุ่นจนเริ่มเตรียมแผนการล่วงหน้า!
ผ่านไปสักพัก สำนักและตระกูลชั้นสูงจำนวนมากต่างพากันเคลื่อนไหว
ลู่หยวนเดินออกจากห้องโถงใหญ่หลังจากได้ยินเสียง เมื่อเงยหน้าขึ้นไปจึงเห็นธงสีขาวยักษ์ถูกแขวนอยู่เหนือวังจักรพรรดิ โดยมีเสียงโบกสะบัดดังอย่างต่อเนื่อง
เสวียนเทียนชวนเคลื่อนรถเข็นมาอยู่ข้างกายอีกฝ่าย ก่อนทำความเคารพแล้วเอ่ยว่า “นายท่าน ขออภัยที่บังอาจล่วงเกิน แต่ข้าสงสัยว่าจักรพรรดินียังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอรับ?”
ลู่หยวนพยักหน้า “เจ้าทำนายได้แล้วหรือ?”
เสวียนเทียนชวนส่ายหน้า “การทำนายโชคชะตาชาติบ้านเมืองในแดนมัชฌิมเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาต้องใช้กำลังกายมหาศาล หากข้าพยายามทำนายเรื่องจักรพรรดินีอีก เกรงว่าชีวิตคงหาไม่!”
“ที่ข้าเดาเช่นนี้ก็เพราะ…”
มุมปากของเสวียนเทียนชวนยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเจื่อน “หากจักรพรรดินีสวรรคตจริง ท่านคงไม่มารออยู่ที่นี่ แต่คงเริ่มตระเตรียมทุกอย่างในแดนมัชฌิมเพื่อล่อให้คนของตระกูลชิวเข้าสู่วงล้อม!”
ลู่หยวนยิ้ม “ข้ากำลังรออยู่ก็จริง แต่ไม่ใช่รอให้จักรพรรดินีเสด็จกลับมา เพียงรอให้ถึงวันนี้ต่างหาก! ทว่าจะรอหรือไม่ผลลัพธ์ก็ไม่แตกต่างเท่าไหร่”
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา หมู่เมฆสีดำได้เคลื่อนเข้ามาปกคลุมทั่วทุกหนแห่ง
ภัยพิบัติอัสนีกำลังมา!
เสวียนเทียนชวนไม่คาดเดาอีกต่อไปก่อนมุมปากกลับมาเป็นปกติ “นายท่าน พวกเราได้รับเบาะแสมาว่าตระกูลชิวส่งกำลังคนออกไปตามหาฉู่เชิ่งขอรับ”
“ฉู่เชิ่งหรือ?”
ลู่หยวนเหลือบมองด้านข้าง “เหตุใดต้องตามหาเขาด้วย?”
เสวียนเทียนชวนส่ายหน้า “ข้าไม่ทราบ ขอรับ”
การกระทำของตระกูลชิวในครั้งนี้นับว่าแปลกประหลาด พวกเขายังตั้งใจจะตามหาฉู่เชิ่งในช่วงวิกฤตเช่นนี้อีกหรือ?!
ลู่หยวนคิ้วขมวดโดยไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่ “ปล่อยพวกเขาหาไป อีกอย่าง เจ้าเตรียมทุกอย่างที่ข้าสั่งไปเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
“นายท่านไม่ต้องห่วง ทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อย ตระกูลชิวจะต้องเป็นหมากตัวแรกที่ปลุกปั่นทั่วทั้งแดนมัชฌิมอย่างแน่นอน!”
เสวียนเทียนชวนเผยรอยยิ้มเจื่อนออกมา แต่แววตาเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย
ลู่หยวนเงยหน้ามองท้องนภา “วังจักรพรรดิเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว มาช่วยสุมไฟให้ร้อนกันดีกว่า!”
“ใกล้ถึงเวลาแล้ว… เสวียนเทียนชวน ให้พวกเขาลงมือ!”
“น้อมรับคำสั่งนายท่าน!”
…
ภายในวังจักรพรรดิกำลังมีการไว้ทุกข์ สำนักกับตระกูลชั้นสูงทั้งหลายต่างมาร่วมแสดงความเสียใจ
เพียงหนึ่งชั่วยาม ผู้คนทั้งหลายก็มารวมตัวที่ทางเข้าวังจักรพรรดิ ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนเป็นตัวแทนของสำนักกับตระกูลชั้นสูง
คนเหล่านี้ไม่เพียงแต่มาร่วมแสดงความเสียใจเท่านั้น พวกเขายังถือยันต์บางส่วนเอาไว้ในมือ หลังจากเข้าวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม พวกเขาต้องบันทึกทุกสิ่งที่เห็นและได้ยินก่อนจะส่งกลับไป!
ทว่าองครักษ์กลับกีดกันให้คนเหล่านี้รออยู่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ บัดนี้แดนมัชฌิมเพิ่งชักธงขึ้น ยังไม่ถึงเวลาที่จะให้ผู้อื่นเข้ามาข้างใน
พวกเขาฉวยโอกาสในช่วงที่รออยู่ข้างนอก กวาดสายตามองรอบข้าง ก่อนจะบันทึกทุกสิ่งที่เห็นลงไป
ทันใดนั้นที่นอกสุสานกระบี่วังจักรพรรดิ
มู่พ่านซานยืนอยู่ด้านนอก สุสานกระบี่ถูกกระแทกจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ ทำให้มองเห็นทุกสิ่งที่อยู่ภายใน
กู่อี้เจี้ยนยังคงถือกระบี่ยาวขึ้นสนิมขณะนั่งฝึกสมาธิ
มู่พ่านซานเงยหน้าขึ้นแล้วทำความเคารพ “ฝ่าบาท บัดนี้ทั่วทั้งแดนมัชฌิมมีสถานการณ์มากมายต้องรีบคลี่คลาย หวังว่าพระองค์จะสามารถตามข้าออกไปได้พ่ะย่ะค่ะ”
กู่อี้เจี้ยนลืมตาพลางขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด “ออกไป!”
ก่อนหน้านี้นางออกไปข้างนอกมาแล้ว หลังจากกลับมาจึงเข้าใจเรื่องสำคัญบางอย่างไม่น้อย
ความหมายของมหาวิถีคล้ายกับอยู่ใกล้เพียงปลายนิ้วสัมผัส!
นางฝึกฝนมานานแต่ยังไม่เข้าใจแหล่งกำเนิดและรากฐานของวิถีกระบี่ บัดนี้นางเริ่มมองเห็นเบาะแสแล้ว มีหรือจะปล่อยให้หลุดมือไปได้!
“ฝ่าบาท!”
เมื่อมู่พ่านซานกำลังจะโน้มน้าวอีกครั้ง ทั่วทั้งแดนมัชฌิมก็เริ่มสั่นสะเทือน
ผ่านไปหนึ่งอึดใจ เขายืนขึ้นอย่างมั่นคงและกำลังจะสืบว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันใดนั้น!
ค่ายกลก็ปรากฏขึ้นทั่วทั้งสี่ทิศของวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม ทั้งที่ยังคงหมุนวนไปมา
พลังแกร่งกล้าซึ่งอยู่เหนือค่ายกลค่อย ๆ หายไป ผู้คนบางส่วนที่รวมตัวอยู่ทุกทิศทางต่างมองด้วยความสงสัย
พวกเขาพบว่าค่ายกลทั้งสี่แห่งนี้ล้วนถูกสลักด้วยอักขระซับซ้อน โดยเรียงซ้อนกันอย่างแน่นหนา
แม้แต่คนที่อ้างว่าศึกษาและเข้าใจเรื่องค่ายกลอย่างถ่องแท้ ยังไม่เข้าใจถึงความหมายของอักขระดังกล่าว
วิ้ง!
ค่ายกลทั้งสี่พลันสั่นไหว ก่อนพลังแห่งวิถีคุณธรรมอันทรงพลังจะทะยานขึ้นจากทางเหนือแล้วตรงมาหาพวกมัน
มู่พ่านซานสัมผัสถึงแหล่งกำเนิดของมันได้ทันทีก่อนจะขมวดคิ้วแน่น เขาไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร
ทันใดนั้น!
มู่พ่านซานตกตะลึงขณะม่านตาหดลง ก่อนลอบสบถออกมา “บัดซบ พวกเขากล้าทำแบบนี้ได้อย่างไร?! คิดว่าไม่มีผู้ใดอยู่ในแดนมัชฌิมอย่างนั้นหรือ?!”
จากนั้นเขาลุกขึ้นแล้วทะยานไปทางพลังแห่งวิถีคุณธรรม
กู่อี้เจี้ยนสัมผัสถึงสิ่งผิดปกติได้เช่นกัน
“ค่ายกลสัตว์เทวะจตุรทิศหรือ? พลังเคลื่อนจากวิหคเพลิงซึ่งประจำอยู่ทิศเหนือ เข้าสู่พยัคฆ์ขาวซึ่งประจำทิศใต้ ก่อนจะบรรจบที่เต่าดำเสวียนอู่? มีใครบางคนต้องการจะทะลวงเส้นชีพจรโชคชะตาแดนมัชฌิมหรือ?”
กู่อี้เจี้ยนขมวดคิ้วและกำลังจะลุกขึ้น แต่ทันใดนั้นนางก็สัมผัสได้ถึงพลังแก่กล้าที่กำลังไหลหลั่งเข้าสู่ร่างกายจากพื้น
วาบ!
ก้อนพลังประหนึ่งลูกไฟพลันรวมตัวกันอยู่ที่หัวใจของกู่อี้เจี้ยน ขณะที่กระบี่ยาวขึ้นสนิมถูกกดลงบนเข่าพร้อมส่งเสียงกรีดร้อง
กระบี่ยาวรอบข้างต่างส่งเสียงเซ็งแซ่
พลังจำนวนหนึ่งถูกดึงออกมาจากพวกมันก่อนไหลหลั่งเข้าสู่ร่างของกู่อี้เจี้ยน
หมู่เมฆเคลื่อนตัวลงมา ก่อนที่ลำแสงสีทองจะสาดส่องลงมาปกคลุมร่างนางเอาไว้
กระบี่ยาวทั้งหลายต่างคำนับไปทิศทางดังกล่าว เจตจำนงที่ไม่เคยมีมาก่อนของมหาวิถีเริ่มผันผวนไปมา
กู่อี้เจี้ยนปล่อยวางทุกอย่าง นางนั่งขัดสมาธิ ยืดตัวตรงและเริ่มทำความเข้าใจ
หลังจากกลุ่มคนในวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมประคองร่างกายจนมั่นคง ก่อนจะทันทราบว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาพลันเห็นพลังอันกล้าแกร่งเคลื่อนลงมาจากท้องนภาไปที่ด้านหลังของวัง มันเต็มไปด้วยวิถีกระบี่สูงสุด
“วิถีกระบี่กำลังจะปรากฏหรือ?!”
ทุกคนอ้าปากค้าง
เป็นเวลาหลายปีในแผ่นดินหยวนหง มีเพียงเทพกระบี่ที่รู้จักในนามมหาเทพสรรพสิ่งเท่านั้นที่จะดึงดูดความสนใจของโลกแห่งวิถีกระบี่ ก่อนจะปรากฏออกมาเพื่อให้เขาได้ทำความเข้าใจ!