ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 345 เส้นชีพจรจักรพรรดิปรากฏ!
บทที่ 345 เส้นชีพจรจักรพรรดิปรากฏ!
บทที่ 345 เส้นชีพจรจักรพรรดิปรากฏ!
ทิศทางที่วิถีกระบี่มุ่งหน้าไปเมื่อครู่คือเขาด้านหลังแดนมัชฌิม ซึ่งมีผู้เดียวที่ฝึกฝนอยู่ที่นั่น คนผู้นั้นคือกู่อี้เจี้ยน!
หลังจากประหลาดใจสักพัก คนเหล่านี้รีบบันทึกเหตุการณ์ลงบนยันต์ก่อนจะส่งกลับตระกูล
เพียงหนึ่งถ้วยชา ตระกูลทั้งหลายต่างทราบเรื่อง
บางส่วนเริ่มถ่ายทอดคำสั่งให้คนที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้กระจายกำลัง เพื่อฉวยโอกาสกลืนกินทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง!
กู่อี้เจี้ยนทราบว่าในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ องครักษ์ทั่วแดนมัชฌิมจะต้องปกป้องวังจักรพรรดิจนตัวตายและไม่มีเวลามาสนใจสิ่งใด
เพียงช่วงเวลานี้ก็มากพอจะทำให้อีกฝ่ายผนวกกองกำลังรอบข้างได้มากมาย!
แต่หลังจากคลี่คลายเรื่องราว ต่อให้วังจักรพรรดิอยากสร้างปัญหาให้พวกเขาก็สายเกินไปแล้ว ถึงอย่างไรทุกคนก็ตายไปแล้ว จะมีประโยชน์อันใดที่ต้องมาสนเรื่องเหล่านี้?
ทว่าบางตระกูลที่มีรากฐานดีก็จะสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิต แม้กระทั่งบรรพชนบางส่วนก็ต้องออกจากการเก็บตัวเพื่อรับหน้าที่ดูแลตระกูล!
ตระกูลหลิงก็เช่นกัน!
บรรพชนของตระกูลหลิงกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ แม้คิ้วกับเคราจะเป็นสีเทา แต่สภาพร่างกายกลับง่อนแง่น เขาถึงขั้นต้องใช้ไม้ค้ำตอนที่ออกมาจากภูเขา
แต่ยามนั่งอยู่ภายในห้องโถง พลังอันน่าเกรงขามพลันระเบิดออกจากร่าง สายตาของเขาจ้องมองมาด้วยแววเหยียดหยัน
ราวกับหอกซึ่งตั้งตระหง่านระหว่างฟ้าดินและเต็มไปด้วยความร้ายกาจ!
เมื่อหอกเล่มนี้ปรากฏ มันได้ทะลวงขุนเขาธาราโลหิต!
ผู้อาวุโสทั้งหลายยืนอยู่ทั้งสองฝั่ง ก้มศีรษะด้วยความระแวดระวัง ไม่มีใครกล้าเอ่ยสิ่งใด
“หลิงอวิ๋นอยู่ไหน?”
บรรพชนของตระกูลหลิงพลันโพล่งประโยคดังกล่าวออกมา
ผู้อาวุโสใหญ่ยืนขึ้นด้วยความเคารพแล้วตอบอีกฝ่าย “รายงานบรรพชน ประมุขน้อยจะมาถึงที่นี่ในไม่ช้า!”
ทันทีที่สิ้นคำ เขาเห็นคนผู้หนึ่งเข้ามาจากนอกห้องโถง
ผู้มาเยือนสวมชุดสีแดงประหนึ่งเมฆาขณะเดินเข้ามา แม้คิ้วคมคาย แต่ใบหน้ากลับเย็นชาเรียบเฉย ทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้ง่าย ๆ
คนผู้นี้คือหลิงอวิ๋น!
“ท่านบรรพชน!”
หลิงอวิ๋นประสานมือทำความเคารพบรรพชนของตระกูล จากนั้นยืนหลังตรง
บรรพชนพยักหน้า “ยามนี้พ่อของเจ้าเก็บตัวอยู่ ตำแหน่งของเจ้าในตอนนี้จึงเป็นประมุขของตระกูล! โชคชะตาของพวกข้าขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว!”
“บัดนี้แดนมัชฌิมตกอยู่ในความปั่นป่วน เจ้าน่าจะทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับภายนอกบ้าง พอจะมีข้อมูลอะไรหรือไม่?”
บรรพชนจับจ้องหลิงอวิ๋นด้วยสายตาลุ่มลึก
หากคนธรรมดามาเห็น พวกเขาอาจจะแตกตื่น
แต่หลิงอวิ๋นเงยหน้าพลางสบตากับบรรพชน ก่อนจะเอ่ยว่า “ย่อมมีเจ้าค่ะ!”
บรรพชนเผยรอยยิ้มโล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนี้
ตระกูลหลิงเป็นตระกูลใหญ่ที่เต็มไปด้วยโชคชะตาของวิถีหอก ทำให้พวกเขาครอบครองความรู้และพรสวรรค์อันแก่กล้าเกี่ยวกับหอก
แต่สิ่งที่ตามมาคืออายุขัยสั้นที่ไม่ต่างจากคำสาป
พ่อของหลิงอวิ๋นเคยบอกว่าแม้อยู่ใกล้ประตูแห่งความตาย แต่ความจริงสิ่งนี้เป็นเพียงการทะลวงขีดจำกัดของอายุขัยเท่านั้น
หากการทะลวงครั้งนี้ล้มเหลว อายุขัยของเขาจะสั้นลง แต่ถ้าทำสำเร็จ เขาก็จะมีชีวิตอยู่ได้อีกนับร้อยปี
ทว่ามีน้อยคนนักที่จะสามารถทะลวงได้
บรรพชนชั่งน้ำหนักอยู่ในใจก่อนจะทราบว่าพ่อของหลิงอวิ๋นไม่น่าจะทะลวงได้
เช่นนั้นภาระทั้งหมดในภายภาคหน้าจักต้องตกอยู่กับหลิงอวิ๋น!
ตั้งแต่วันที่ถือกำเนิดขึ้นมา เด็กคนนี้ก็แสดงให้เห็นพรสวรรค์ในวิชาหอกอันเหนือชั้น!
นางอยู่เหนือทุกคนในตระกูลหลิง!
บัดนี้หลิงอวิ๋นก้าวเข้าสู่วิถีหอกอำมหิตจนได้สัมผัสครึ่งก้าวมหาวิถี ซึ่งบรรพชนคาดหวังเอาไว้มาก!
บัดนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ นับเป็นการทดสอบว่านางมีคุณสมบัติพอจะเป็นผู้สืบทอดเพื่อควบคุมทั้งตระกูลหลิงหรือไม่
หากนางสามารถข้ามผ่านไปได้ เช่นนั้นก็อยู่ที่เวลาก่อนตระกูลหลิงจะกลายเป็นตระกูลสูงสุดในแผ่นดินหลัก!
“บอกข้ามา”
บรรพชนหยิบถ้วยชาข้างกายแล้วกำลังจะจิบชา
หลิงอวิ๋นซึ่งอยู่เบื้องล่างมีสีหน้าสงบขณะเอ่ยว่า “ทำแค่อย่างเดียว ปกป้องลู่หยวน!”
บรรพชนกลืนชาแล้วถอนหายใจ “แม้สิ่งที่เจ้าพูดมาจะสั้นไปหน่อย แต่ว่า…”
คำพูดของเขาพลันหยุดนิ่งพลางถือถ้วยชาค้างไว้ชั่วขณะ
สิ่งที่หลิงอวิ๋นเพิ่งเอ่ยออกมายังคงดังก้องอยู่ในหู ทำให้ผู้อาวุโสทั้งหลายต้องหดคอ
ทันทีที่ได้ยินคำพูดของนาง พวกเขาต่างพากันหวาดกลัว
หากเอ่ยต่อหน้าพวกตนก็ว่าไปอย่าง แต่ถึงกับพูดต่อหน้าบรรพชนเลยอย่างนั้นหรือ?!
นี่ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรือไร?!
ใครคือลู่หยวน?!
จริงสิ หากสรุปให้เข้าใจมากขึ้น ชายผู้นี้คือศิษย์เพียงคนเดียวของหลิงอวิ๋น
แต่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ การมีศิษย์ในช่วงที่ตระกูลกำลังมั่งคั่งหมายความว่าอย่างไร?!
เขาควรค่าพอจะให้ทั้งตระกูลหลิงมาปกป้องหรือ?!
ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้ลู่หยวนออกจากวังจักรพรรดิแล้ว ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปกป้องหรือไม่?
สิ่งที่ควรถกเถียงกันในตอนนี้คือทิศทางของตระกูลหลิงท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหรือไม่?
เหตุใดต้องยึดติดกับลู่หยวนด้วย?!
ผู้อาวุโสเหล่านี้ไม่เข้าใจว่าหลิงอวิ๋นกำลังคิดอะไรอยู่
แม้พวกเขาจะแสดงสีหน้าและความคิดเหล่านี้ออกมา แต่นางยังคงยึดมั่นใจประโยคนี้โดยไม่สั่นคลอน
หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ บรรพชนจ้องมองหลิงอวิ๋นผู้อยู่เบื้องล่าง ก่อนขมวดคิ้ว
“เจ้าพูดว่าอย่างไร?”
หลิงอวิ๋นยังคงตอบเสียงดัง “ปกป้องลู่หยวน!”
“ใครคือลู่หยวน?”
บรรพชนถามขึ้นโดยไม่รู้ตัว
หลิงอวิ๋นตอบ “เขาคือศิษย์ของข้าและเป็นคุณชายแห่งตระกูลลู่ในเวิ้งทะเลแดนเหนือ รวมถึงเป็นประมุขน้อยแห่งสำนักอักขระสวรรค์”
เมื่อได้ฟังคำตอบอันยาวเหยียด บรรพชนก็ไม่เข้าใจว่าหลิงอวิ๋นจะสื่ออะไร
ลู่หยวนคล้ายกับไม่ได้ทำอะไรเพื่อตระกูลหลิงมากนัก เหตุใดนางจึงต้องปกป้องเขาในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อด้วย?
บรรพชนกำลังจะเอ่ยบางอย่าง
ทันใดนั้นก็เกิดการสั่นสะเทือนระหว่างฟ้าดินอีกครั้ง
พลังอันแก่กล้าจากใต้ปฐพีแดนมัชฌิมทะยานสู่ท้องนภา พร้อมกระจายไปตามหมู่เมฆ
ทั่วแดนมัชฌิมตกอยู่ภายใต้พลังไร้เทียมทานดังกล่าว ทำให้ตระกูลทั้งหลายถูกตรึงอยู่กับที่
ความคิดที่จะไต่ถามของบรรพชนตระกูลหลิงถูกหยุดไว้ขณะมองไปข้างนอกด้วยความประหลาดใจ
ทันใดนั้น เขาก็ขยับร่างก่อนจะมาถึงนอกห้องโถงใหญ่ในชั่วพริบตา
สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือหลุมดำขนาดใหญ่ที่กำลังกลืนกินสรรพสิ่ง และแสงสีทองทั่วท้องนภาวูบไหวไปมาอย่างต่อเนื่อง
มีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่พุ่งขึ้นจากพื้นดินเพื่อตอบรับมัน
บริเวณที่มีพลังอันแข็งแกร่งคือจุดที่วังจักรพรรดิแดนมัชฌิมตั้งอยู่ โดยมีปราณวิญญาณจำนวนมากปรากฏขึ้นรอบข้าง
ผู้ที่รวมตัวกันบริเวณนั้นต่างเฝ้ามองด้วยความตื่นเต้น ซึ่งภายใต้การปกคลุมของปราณวิญญาณนี้ ทำให้ทะเลปราณเกิดการโคจรอย่างรวดเร็ว จนระดับการบ่มเพาะพัฒนาอย่างต่อเนื่อง!
แม้หลายคนจะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาต่างคว้าโอกาสนั่งขัดสมาธิ ปรับสภาพลมหายใจแล้วดูดกลืนปราณวิญญาณเข้าสู่ร่างกาย
ผู้คนนับไม่ถ้วนใช้ประโยชน์จากพลังนี้เพื่อพัฒนาการบ่มเพาะจนมีระดับเพิ่มขึ้น
ทุกคนต่างปลาบปลื้มขณะสำนักและตระกูลนับไม่ถ้วนเฝ้ามองฉากนี้อย่างเงียบงัน
“เส้นชีพจรจักรพรรดิปรากฏขึ้นงั้นหรือ?”
บรรพชนของตระกูลหลิงมองท้องนภาขณะเอ่ยประโยคนั้นออกมา
เขาไม่อยากเชื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้า แต่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก็แสดงให้เห็นว่าเส้นชีพจรแห่งโชคชะตาที่คอยรักษาอำนาจของราชวงศ์แดนมัชฌิมมานับแสนปีได้ถูกเปิดเผยแล้ว!
เมื่อเส้นชีพจรแห่งโชคชะตาจักรพรรดิปรากฏ หมายความว่ามันอยู่ในสภาพไร้เจ้าของ!
หากผู้ใดครอบครองสิ่งนี้ก็จะสามารถสืบทอดตระกูลโบราณ แล้วกลายเป็นนายเหนือหัวคนใหม่ของแดนมัชฌิม!
ยามนี้หัวใจของผู้คนนับไม่ถ้วนในแดนมัชฌิมต่างเดือดพล่าน!