ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 346 ก่อนเกิดเหตุ
บทที่ 346 ก่อนเกิดเหตุ
บทที่ 346 ก่อนเกิดเหตุ
ผู้คนนับไม่ถ้วนซึ่งอยู่นอกวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมต่างได้รับผลประโยชน์ขณะสัมผัสปราณวิญญาณอันแข็งแกร่งในร่างกาย พลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นหลังจากพัฒนาการบ่มเพาะ!
พวกเขาต่างมองมาที่นี่ ซึ่งมีแสงสีทองสาดส่องสู่ท้องนภา ประหนึ่งของขวัญจากสวรรค์!
พลังที่มอบให้แก่พวกเขาแข็งแกร่งยิ่ง!
แม้คนเกือบทั้งหมดจะไม่ทราบว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ แต่พวกเขาทราบว่ามีมหาโชคชะตาปรากฏตรงหน้า!
ทุกคนตกตะลึงขณะพลังนับไม่ถ้วนระเบิดออกจากร่างกาย!
พวกเขาจับจ้องไปข้างหน้าด้วยความกระตือรือร้นพร้อมความปรารถนาอันไร้ที่สิ้นสุด!
แม้ไม่ทราบว่าผู้ใดเป็นคนลงมือก่อน แต่ทั่วร่างของคนผู้นั้นประหนึ่งลูกธนูที่แล่นออกจากสาย ก่อนจะมุ่งตรงไปที่วังจักรพรรดิแดนมัชฌิม
ชั่วพริบตาต่อมา คนที่เหลือต่างตามติดจนเกิดเป็นกระแสอันพลุ่งพล่าน
องครักษ์แดนมัชฌิมทั้งหลายต่างถืออาวุธและเตรียมพร้อมสู้อยู่ก่อนแล้ว ส่วนบุคคลทรงพลังผู้อยู่ขั้นเทียมเทพกำลังคุ้มกันประตูวังแต่ละแห่งต่างขมวดคิ้วอย่างยืนหยัด โดยปราณวิญญาณโคจรอยู่ที่มือราวกับจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ
เมื่อกลุ่มคนกำลังเข้าใกล้ประตู ก็มีร่างทะยานออกมาจากใจกลางของวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม
ร่างนั้นสวมชุดคลุมเนื้อหยาบดูอัปลักษณ์อย่างยิ่ง แววตาเต็มไปด้วยโทสะ
มือทั้งสองที่ทิ้งข้างตัวยังเต็มไปด้วยพลังแห่งวิถีคุณธรรมบางส่วน
คนผู้นี้คือมู่พ่านซาน!
ทุกคนผู้อยู่นอกวังจักรพรรดิย่อมไม่สนใจว่าผู้ที่ยืนอยู่บนอากาศเป็นใคร พวกเขาเพียงทราบว่าหากสามารถเข้าไปข้างในได้ มหาโชคชะตาก็จะให้การสนับสนุน!
ต่อให้รู้อยู่เต็มอกว่า อาจถูกฆ่าโดยผู้ทรงพลังของวังจักรพรรดิหากทะลวงเข้าไปข้างในก็ตาม!
แต่ว่า… หากพวกเขาโชคดีพอ การบ่มเพาะในภายภาคหน้าก็จะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด
ยามเผชิญหน้ากับโชคชะตา แทบทุกคนย่อมเสียสติ
พวกเขาโคจรปราณวิญญาณทั้งหมดในร่างกายแล้วทะยานออกไป อาวุธปรากฏขึ้นในมือทั้งสอง พร้อมทั้งแสดงสีหน้าดุร้ายประหนึ่งมีความสามารถมากพอจะสังหารเทพได้!
มู่พ่านซานกุมมือขวาขณะบดขยี้พลังแห่งวิถีคุณธรรมที่ปลายนิ้ว หน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงราวกับโทสะกำลังก่อตัว
ตระกูลชิว ไอ้พวกตระกูลชิว!
กล้าดีอย่างไร!
พวกเขาทะลวงเข้าสู่ตำแหน่งวิหคเพลิงทางเหนือด้วยพลังแห่งวิถีคุณธรรมไม่พอ ยังระดมกำลังที่ตำแหน่งเต่าดำเพื่อบังคับให้เส้นชีพจรแห่งโชคชะตาจักรพรรดิซึ่งซ่อนอยู่ใต้วังจักรพรรดิแดนมัชฌิมมานับแสนปีปรากฏออกมางั้นหรือ?!
ถึงแม้มู่พ่านซานจะโจมตีอย่างสุดกำลัง แต่เขาก็ทำได้เพียงปัดป้องพลังแห่งวิถีคุณธรรมจากตำแหน่งมังกรฟ้าเท่านั้น!
“ฆ่า!”
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างลงมือสังหารที่ด้านนอกวังจักรพรรดิ สายตาของพวกเขาแดงก่ำประหนึ่งฝูงสัตว์ป่าที่พุ่งตรงเข้ามา
มู่พ่านซานกลับมามีสติขณะชำเลืองมอง
“รนหาที่ตาย!”
มู่พ่านซานกวาดสายตามองขุนเขา พลังทั้งหมดพลันพุ่งมาจากด้านหลัง
ฟ้าว! ฟ้าว! ฟ้าว!
ปราณกระบี่นับพันก่อตัวขึ้นทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว จากนั้นพลันตรงเข้าสังหารผู้ที่กำลังโจมตีวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม
สวบ! สวบ! สวบ!
ปราณกระบี่เกือบทั้งหมดซัดร่างคนขึ้นไปกลางอากาศก่อนจะตรึงเอาไว้กับพื้น
เพียงชั่วพริบตา ผู้ที่รุกคืบเข้ามาส่วนใหญ่ล้วนถูกสังหาร
มู่พ่านซานกดมือลงตรงหน้าก่อนจะสะบัดออกไป แล้วกระบี่ยาวหนึ่งฉื่อพลันปรากฏขึ้น
กระบี่เล่มนั้นทั้งยาวและตรง มีใบกระบี่คล้ายสัตว์ประหลาดมากมายวนเวียนไปมา ราวกับใบหน้าดุร้ายน่าสะพรึงของสัตว์ร้ายจากนรก แม้ทั้งสองฝั่งจะไม่มีคมกระบี่ แต่พวกมันกลับดูเย็นยะเยือกยามต้องแสงสว่าง
เมื่อกระบี่ปรากฏออกมา ทั่วโลกพลันเงียบสงัด
พลังชั่วร้ายอันไร้ที่สิ้นสุดก็เคลื่อนลงมาอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ทุกคนถูกตรึงกับพื้นจนไม่สามารถขยับไปไหนได้
องครักษ์ผู้คุ้มกันประตูวังทั้งสี่ทิศต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่สายตาของบุคคลทรงพลังผู้อยู่ขั้นเทียมเทพยิ่งเฉียบแหลม สิ่งที่พวกเขาเพิ่งสังหารเป็นเพียงทหารกุ้งนายพลปู ผู้แก่กล้าแท้จริงยังไม่ลงมือ!
ในเมื่อเส้นชีพจรแห่งโชคชะตาจักรพรรดิปรากฏออกมาแล้ว ทั้งสำนักและตระกูลชั้นสูงจะยังเก็บงำความทะเยอทะยานได้อีกหรือ?!
จนกว่ามันจะยอมรับเจ้าของอีกครั้ง การต่อสู้นองเลือดไร้ที่สิ้นสุดย่อมอุบัติขึ้นทุกเมื่อ!
มู่พ่านซานขมวดคิ้ว แดนมัชฌิมเงียบสงัดไร้การเคลื่อนไหว
พลังบนท้องนภายังคงเคลื่อนไปมาขณะสายลมแรงกล้าส่งเสียงหวีดหวิว
ส่วนเบื้องล่างมีองครักษ์นับไม่ถ้วนกำลังรอคอยอยู่ในวังจักรพรรดิแดนมัชฌิม
ส่วนผู้แข็งแกร่งขั้นเทียมเทพกุมอาวุธขณะมองรอบข้างอย่างระแวดระวัง
มู่พ่านซานคุ้มกันวังจักรพรรดิพร้อมกระบี่คู่กาย
เขาย่อมทราบว่าต่อให้ปกป้องที่นี่ในวันนี้ ใครบางคนจะต้องมาฉวยเส้นชีพจรแห่งโชคชะตาจักรพรรดิแน่นอน!
แน่นอนว่าเขาไม่ให้ความสนใจตระกูลชั้นสูงธรรมดา แต่ในแดนมัชฌิมยังคงมีบางกลุ่มที่มีภูมิหลังแข็งแกร่งอยู่เช่นกัน
ในบรรดาตระกูลเหล่านี้มีสัตว์ประหลาดเฒ่าหนึ่งถึงสองคน หากคนเหล่านี้ออกจากการเก็บตัวแล้วโจมตีพร้อมกัน มู่พ่านซานอาจจะไม่สามารถรักษาเส้นชีพจรจักรพรรดิไว้ได้!
เขาคลายมือซ้ายจากกระบี่แล้วล้วงเข้าไปในชุดคลุมกว้าง ยันต์แผ่นหนึ่งปรากฏอยู่ในมือเขา
เมื่อมู่พ่านซานทำลายยันต์ พลังพลันทะยานออกไปสองทิศทาง
ยันต์ใบนี้มีไว้เรียกสวีชู่กับสวี่หลิวอวิ๋น!
ขณะฟื้นฟูพลังอยู่ในแดนมัชฌิม เขาทราบเรื่องราวของสวีชู่และสวี่หลิวอวิ๋นเช่นกัน
มู่พ่านซานคาดไม่ถึงว่าสองคนนี้จะกล้าเผชิญหน้ากับเนี่ยอิ่ง
ถึงอย่างไรสองคนนี้ก็เชื่องยิ่งกว่าสุนัข!
ทว่าความทะเยอทะยานอันร้ายกาจของทั้งสองคือสิ่งที่เนี่ยอิ่งและมู่พ่านซานได้เห็นชัดเจน ในตอนนั้นพวกเขาไม่ได้ยอมจำนนต่อวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมอย่างจริงใจ แต่อีกฝ่ายเลือกที่จะทำเพียงเพราะอยากหลีกเลี่ยงศัตรูและรับทรัพยากรก็เท่านั้น
คนแบบนี้มักพึ่งพาไม่ได้ในยามวิกฤต
ทว่าเมื่อสวีชู่กับสวี่หลิวอวิ๋นเข้าสู่วังจักรพรรดิแดนมัชฌิม พวกเขาถูกฝังยันต์เข้าไปในร่างกาย จึงไม่สามารถขัดคำสั่งของราชวงศ์ได้!
ไม่ว่าพวกเขาจะกำลังคิดอะไร แต่การเรียกทั้งสองคนมาก่อนย่อมช่วยให้ผู้คนสงบลงได้ ทั้งยังระงับเชื้อไฟแห่งสงครามที่อาจจะอุบัติขึ้นในไม่ช้าได้!
หลังจากมู่พ่านซานทำลายยันต์เรียบร้อย เขาได้ออกคำสั่งแก่ผู้ที่อยู่ขั้นเทียมเทพ “ไปคุ้มกันนอกสุสานกระบี่ของฝ่าบาท! หากพระองค์ทะลวงขั้นได้สำเร็จ เจ้าจะต้องรอต้อนรับให้ดี อย่าให้มีความผิดพลาดเด็ดขาด!”
ชายคนนั้นประสานมือทำความเคารพแล้วเอ่ยว่า “น้อมรับคำสั่งนายท่าน!”
หลังจากนั้น เขาก็จากไป
มู่พ่านซานขมวดคิ้วโดยไม่เอ่ยอะไร
ผ่านไปสักพัก ทั่วทั้งแดนมัชฌิมพลันตกอยู่ในความเงียบ ความมั่งคั่งในอดีตไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป
เมืองมากกว่าเก้าสิบแห่งต่างปิดประตูสนิท ไม่มีคนเดินถนนแม้แต่คนเดียว
ส่วนหมู่เมฆเหนือวังจักรพรรดิถูกผลักออกไปจนสิ้น แล้วเสาสีทองก็เคลื่อนลงจากสวรรค์ชั้นเก้า ล้อมรอบตัวพระราชวังเอาไว้
ส่วนผู้ที่อยู่ด้านหลังวังจักรพรรดิ ลำแสงสายหนึ่งทะยานสู่ท้องนภาจนมองเห็นได้ทั่วหล้า
เจตจำนงของวิถีกระบี่สูงสุดก่อตัวขึ้นแล้วกวาดผ่านไปทั่วฟ้าดิน
ไม่เพียงแดนมัชฌิมเท่านั้น แต่แทบทั่วทั้งแผ่นดินต่างสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในพื้นที่นี้
ตระกูลทั้งหลายซึ่งอยู่ใกล้วังจักรพรรดิแดนมัชฌิมส่งคนมาที่นี่เพื่อจะฉวยโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะเกิดขึ้น!
เมื่อจักรพรรดินีแดนมัชฌิมสิ้นแล้ว ส่วนผู้สืบทอดวิถีกระบี่สูงสุดกับสายเลือดจักรพรรดิก็ถูกเปิดเผย
บางสิ่งปกคลุมแดนมัชฌิมประหนึ่งหมู่เมฆสีดำ