ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 369 ชิวสิงกำลังมา
บทที่ 369 ชิวสิงกำลังมา
บทที่ 369 ชิวสิงกำลังมา
มังกรสายฟ้าลอยอยู่ในหมู่เมฆ ทันใดนั้นมันก็เงยหน้าขึ้นก่อนจะแผดเสียงคำราม แล้วทะยานลงมา!
แรงกดดันอันไร้ที่สิ้นสุดเคลื่อนเข้าสู่เขตแดนภัยพิบัติอัสนีก่อนจะมาถึงตัวลู่หยวน
วั่งไฉเป็นตนแรกที่พุ่งออกมาจากเสื้อคลุมของลู่หยวน ร่างมังกรสีทองของมันพลันขยายใหญ่ขึ้น
มังกรยักษ์สองตนพุ่งเข้าหากันขณะส่งเสียงคำรามเป็นระลอกคลื่น ซึ่งดูน่าสะพรึงไม่น้อย!
ตู้ม!
มังกรยักษ์ทั้งสองเข้าปะทะกัน วั่งไฉปัดป้องมังกรสายฟ้าได้เพียงสามอึดใจเท่านั้น ก่อนจะเป็นฝ่ายปราชัย
ร่างของมันมีขนาดเล็กลง โลหิตมังกรไหลออกจากมุมปากก่อนจะร่วงลงมาอย่างรวดเร็ว
กระบี่วิถีโลกาปรากฏขึ้นรับตัววั่งไฉทันเวลา จากนั้นจึงทะยานออกจากพื้นที่
มังกรสายฟ้ายังคงเคลื่อนลงมา โดยอ้าปากพุ่งตรงเข้าหาลู่หยวน!
แม่ทัพเทพผู้ยืนอยู่บนมังกรสายฟ้ากำลังรวบรวมกำลังจากอาวุธทั้งหกชิ้น กลิ่นอายทรงพลังพลันเกาะติดอยู่กับร่าง
ตู้ม!
มังกรสายฟ้าโน้มตัวเข้ามาแล้วกลืนกินลู่หยวน!
สายฟ้าอันไร้ที่สิ้นสุดพลันเคลื่อนลงมาจนปกคลุมไปทั่วทั้งเขตแดนภัยพิบัติอัสนี พวกมันวูบไหวไปมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด จนทำให้ผู้คนหวาดกลัวที่จะเข้าใกล้
ร่างของลู่หยวนหายไปท่ามกลางแสงอัสนีที่วูบไหวโดยไร้ร่องรอย!
…
ภายนอกเมืองสามสิบกว่าแห่งซึ่งอยู่ไกลออกไป ชิวสิงเพิ่งก้าวเข้าสู่แดนมัชฌิมก่อนจะหยุดอยู่กับที่
ทั่วทั้งร่างของเขาถูกปกคลุมด้วยพลัง ทำให้ไม่มีใครทราบหรือตรวจพบตัวตนของเขาได้!
เมื่อทาสอารักขาทั้งสองคนมาถึง ก็คุกเข่าตรงหน้าชิวสิงทันที
เมื่อชิวสิงเห็นว่าหน้ากากของอีกฝ่ายหายไป เขาจึงยกมือขึ้นแล้วสะบัดออกไป ค่ายกลพลันกวาดผ่านใบหน้าของพวกเขาก่อนหน้ากากใหม่จะปรากฏขึ้น
“ยันต์ที่ถูกส่งกลับมาก่อนหน้านี้บอกว่าฉู่เชิ่งคือเมล็ดพันธุ์มารงั้นหรือ?”
เมื่อสอบถามทาสอารักขาทั้งสอง ชิวสิงจึงทราบถึงเรื่องราวทั้งหมด
ในที่สุดเขาก็เอ่ยว่า “ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ชิวเสวียนได้เห็น พวกเราก็เคยพบฉู่เชิ่งเช่นกัน แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ”
“แล้วพวกเขาไปไหน?”
ชิวสิงมองไปตามทางที่ทาสอารักขาชี้
เขาเห็นเพียงการพังทลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผ่านไปหลายอึดใจ สรรพสิ่งที่อยู่เลยจากแดนมัชฌิมก็ปรากฏขึ้น
เขาพบว่าชิวเสวียนกับฉู่เชิ่งกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด ผ่านไปสักพักก็ยังบอกไม่ได้ว่าใครจะได้รับชัยชนะ
ชิวสิงหรี่ตา ฉู่เชิ่งผู้อยู่ไกลมากรู้สึกหนาวสันหลังวาบ แล้วหมัดที่กำลังเหวี่ยงออกไปพลันหยุดนิ่ง
ชิวเสวียนฉวยโอกาสด้วยการตวัดเตะใส่อีกฝ่าย!
“ขยะ!”
ชิวสิงถอนสายตากลับมา ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
“ชิวเสวียนโกหก คนผู้นี้ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์มาร!”
ทันทีที่ชิวสิงตรวจสอบ เขาก็ทราบทันทีว่าคนที่ชื่อฉู่เชิ่งไม่ใช่เมล็ดพันธุ์มารอย่างที่ถูกกล่าวอ้าง!
ทาสอารักขาทั้งสองนิ่งไปสักพัก ก่อนที่หนึ่งในพวกเขาจะเอ่ยว่า “ตอนชิวเสวียนมาถึงเมื่อครู่ เขาระบุว่าชายที่ชื่อลู่หยวนคือฉู่เชิ่งซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์มาร ทว่าเขาเปลี่ยนใจหลังจากสนทนากับฮ่วนซิงไป๋สองสามประโยค”
ชิวสิงจับจ้องไปทางลู่หยวนผู้อยู่ท่ามกลางพายุสายฟ้า
บัดนี้ภัยพิบัติอัสนีเพิ่งจะมาถึง ยามนี้จึงตรวจสอบกลิ่นอายหรือสำรวจไม่ได้ว่าลู่หยวนคือเมล็ดพันธุ์มารหรือไม่!
เขาเงยหน้ามองหมู่เมฆอัสนีกับตำแหน่งที่สายฟ้าขนาดเล็กกระจายออกมา ก่อนจะนิ่งไปสักพักแล้วเอ่ยว่า “ลู่หยวนคนนี้… อาจจะมีความเป็นไปได้ ต่อให้ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์มาร แต่โชคชะตาที่เขาครอบครองแทบจะขัดต่อกฎเกณฑ์ของสวรรค์!”
ทันใดนั้น ชิวสิงก็เห็นแม่ทัพเทพผู้อยู่เหนือมังกรสายฟ้าก่อนจะหัวเราะอีกครั้ง
“ลู่หยวนผู้นี้น่าสนใจไม่เบา เมื่อใดที่ภัยพิบัติอัสนีบังเกิด โอกาสที่ได้รับมาก็คือครึ่งต่อครึ่ง หมายความว่าลู่หยวนยังมีโอกาสครึ่งหนึ่งที่จะรอดพ้นจากมัน!”
“เรื่องที่สามารถทะลวงภัยพิบัติอัสนีเช่นนี้ได้คือสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในแดนมัชฌิม เด็กคนนี้ครอบครองโชคชะตาอะไรไว้กันแน่!”
สายตาของชิวสิงแน่นิ่งพร้อมกับเผยจิตสังหารออกมา
เขาไม่ได้มาที่นี่ด้วยร่างจริง แต่เป็นร่างจำแลงที่สร้างขึ้นมา ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถลงมือด้วยตัวเองได้
เดิมทีเขามาที่นี่เพื่อตามหาเมล็ดพันธุ์มารที่ชิวเสวียนกล่าวถึง
นับแต่เริ่มมีการบันทึกประวัติศาสตร์ เมล็ดพันธุ์มารไม่เคยมีถึงสองคน!
เดิมทีชิวสิงสงสัยว่าชิวเสวียนโกหกหรือไม่ แต่หลังจากทราบถึงการบรรยายเมื่อไม่นานมานี้จากผู้อื่น เขาก็ยิ่งมองเห็นภาพชัดเจนมากขึ้น
เด็กคนนี้ยังเด็กเกินกว่าจะปกปิดสิ่งใดได้
ความคิดที่จะสังหารชายผู้นั้นก็ปรากฏบนใบหน้า
ทว่าชิวเสวียนได้รับการเลี้ยงดูจากในตระกูลมาโดยตลอด แม้จะเป็นเมล็ดพันธุ์มาร แต่ก็ไม่มีนิสัยชอบการเข่นฆ่า
จึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่ทำให้อีกฝ่ายมีความคิดสังหารเช่นนี้ได้
ตัวตนเมล็ดพันธุ์มารของชิวเสวียนถูกเปิดโปงแล้ว!
ซึ่งผู้ที่เปิดโปงก็คือคนที่ถูกอ้างว่าเป็นเมล็ดพันธุ์มาร!
ชิวสิงเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อจะมาดูว่าสถานการณ์เกินการควบคุมหรือไม่
ชิวเสวียนจะตายไม่ได้เด็ดขาด!
อีกฝ่ายยังมีประโยชน์มหาศาล!
หากเป็นภัยคุกคามขึ้นมา เขาก็สามารถใช้พลังส่วนหนึ่งเพื่อทำให้หายไปได้
แต่ถ้าคนผู้นี้กระตุ้นความสามารถของชิวเสวียนที่ยังไม่ถูกเปิดเผยได้ ก็ยังจำเป็นจะต้องไว้ชีวิตอีกสักระยะ
แต่ชิวสิงก็ยังหวังว่าเมล็ดพันธุ์มารอีกคนจะปรากฏในที่สุด
หากเมล็ดพันธุ์มารทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน ก็มีทั้งผลดีและผลเสีย หากช่วยส่งเสริมกันก็ย่อมทำให้เกิดการพัฒนาที่ดีขึ้น!
ชิวสิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกยินดี เมื่อคิดถึงตรงนี้
เมื่อมองลู่หยวนอีกครั้ง สีหน้าของชิวสิงพลันมืดมนลง
ภัยพิบัติอัสนีไร้ขอบเขต…
มันคือภัยพิบัติอัสนีในตำนาน…
ต่อให้เด็กคนนี้ไม่ใช่เมล็ดพันธุ์มาร แต่ก็ยังมีหลายสิ่งที่ควรค่าแก่การแย่งชิง!
“เจ้าบอกว่าเด็กคนนี้ชื่อลู่หยวนงั้นหรือ?”
ชิวสิงพลันเอ่ยขึ้น
ทาสอารักขาทั้งสองพยักหน้าทันที
ข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับชื่อนี้เริ่มผุดขึ้นในใจของชิวสิง
ชื่อนี้พอจะคุ้นหูอยู่บ้าง สถานการณ์ของชิวชิงหลีดูจะข้องเกี่ยวกับคนผู้นี้จนแยกไม่ออก
เขาพอจะรู้จักชื่อของลู่หยวน ชายหนุ่มจากตระกูลลู่แห่งเวิ้งทะเลแดนเหนือ ผู้เป็นลูกชายของอู่หมิงเสวี่ยแห่งสำนักอักขระสวรรค์
อำนาจตระกูลถือว่าไม่เลว อีกทั้งยังมีการบ่มเพาะแข็งแกร่งตั้งแต่อายุยังน้อย
มีข่าวลือว่าเด็กคนนี้ก่อเรื่องเอาไว้มากมาย
ทว่าพักนี้อีกฝ่ายรู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว แต่ก็ไม่ทิ้งนิสัยลูกผู้ดีมีเงิน
แต่ดูเหมือนทิศทางจะเปลี่ยนไปแล้ว
การกระทำของเด็กคนนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก มันถึงขั้นทำให้ฟ้าดินทั่วทั้งแดนมัชฌิมเกิดความปั่นป่วน
หากเขาคือเมล็ดพันธุ์มาร เช่นนั้นก็ต้องมีการเปลี่ยนแผนเล็กน้อย
ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกันแล้ว หากลู่หยวนเป็นดังที่คิดจริง ผลประโยชน์ทั้งหลายก็จะเพิ่มพูน!
ระหว่างนี้ชิวสิงนั่งขัดสมาธิขณะที่ประสานมือเข้าด้วยกัน ลำแสงอัสนีเคลื่อนออกมาจากจุดที่ไม่มีใครมองเห็นก่อนจะพุ่งเข้าสู่มือของเขา!
สายฟ้าคล้ายกับถูกกักขังไว้ในพื้นที่ใดสักแห่ง แม้จะเคลื่อนไหวไปมา แต่ก็ไม่สามารถหลบหนีได้
อัสนีไร้ขอบเขตคือของดีที่จะช่วยในการบ่มเพาะ
เพียงแต่ไม่มีใครในแดนมัชฌิมควบคุมมันได้!
ชิวสิงหลับตาแล้วค่อยเอ่ยว่า “บอกให้ชิวเสวียนกลับมา!”
เมื่อสิ้นคำ เขาก็เริ่มปรับลมหายใจ ทำให้อัสนีสวรรค์ไร้ขอบเขตตกตะลึงสักพัก ก่อนจะไม่เคลื่อนไหวอีก
ทาสอารักขาตอบรับทันที โดยคนหนึ่งอยู่กับชิวสิง ส่วนอีกคนรีบออกไปตามตัวชิวเสวียน