ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 387 ค่ายกล ทำงาน!
บทที่ 387 ค่ายกล ทำงาน!
บทที่ 387 ค่ายกล ทำงาน!
การคว้าอากาศด้วยมือเปล่าคือความแข็งแกร่งของเฉิงไท่!
ปราณวิญญาณกับอากาศที่แตกสลายในมือของเขาล้วนปั่นป่วน!
เฉิงไท่ขยับมือก่อนจะฟาดไปทางศีรษะของลู่หยวนอย่างรวดเร็ว
อากาศและปราณวิญญาณที่แตกสลายรวมตัวเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วก่อนจะกลายเป็นกระบี่ใหญ่ในชั่วพริบตา
พลังและจิตสังหารอันยิ่งใหญ่พลันปรากฏบนกระบี่เล่มนั้น
ความเร็วของเฉิงไท่ค่อนข้างว่องไว เพียงไม่ถึงหนึ่งอึดใจ เขาก็บดขยี้อากาศและปราณวิญญาณไปหลายชั้น ก่อนจะมุ่งตรงไปทางหน้าผากของลู่หยวน
ผู้คนทั้งหลายในแดนมัชฌิมมองไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเขาได้อย่างชัดเจน
หลิงอวิ๋นอยากยื่นมือเข้าช่วยลู่หยวน แต่มันสายเกินไป เพียงชั่วพริบตา มือของเฉิงไท่ก็ถือกระบี่ใหญ่เข้าฟาดฟันไปที่หน้าผากของลู่หยวน!
ลู่หยวนกำลังจะถูกผ่าครึ่งในอีกสามชุ่น!
ในเวลานี้ ลู่หยวนไม่แสดงท่าทางแตกตื่น เขากลับเผยรอยยิ้มออกมา
เขาเปิดปากราวกับกำลังเอ่ยบางอย่าง แต่เฉิงไท่ได้ยินไม่ชัดเจน
เฉิงไท่ไม่คิดจะสนใจด้วยว่าอีกฝ่ายพูดว่าอะไร คำพูดของคนตายไม่จำเป็นต้องรู้มากเกินไป!
เมื่อกระบี่ใหญ่กำลังฟาดฟัน มือข้างหนึ่งพลันยื่นออกมารับไว้ทันที!
แม้กระทั่งเฉิงไท่ก็ยังขยับกระบี่ไม่ได้มากกว่านี้
เขามองฝ่ามือที่จับกระบี่เอาไว้ก่อนจะพบว่าเป็นเด็กประหนึ่งตุ๊กตาเคลือบยืนอยู่เบื้องหน้าลู่หยวน นางเพียงยกฝ่ามือก็หยุดการเคลื่อนไหวของเขาเอาไว้ได้!
เด็กผู้หญิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยาบกระด้างไม่สมวัย “ตาเฒ่าหน้าโง่ คิดจะทำร้ายนายท่านของข้าหรือ?! ไม่รู้หรือว่าข้าเป็นคนที่คอยปกป้องเขาเอาไว้!”
สิ้นคำ เด็กผู้หญิงก็ยกมือขึ้นอย่างสุดกำลัง แล้วกระบี่ใหญ่ในมือของเฉิงไท่ก็ถูกผลักออกไป!
เสียงของระบบดังขึ้นในใจของลู่หยวน
[แจ้งเตือนจากระบบ: ระดับการขัดเกลามังกรอัสนีไร้ขอบเขต: หนึ่งในสอง!]
ลู่หยวนตรวจสอบรอบข้างก่อนจะพบว่ายังเหลืออีกสามตำแหน่ง!
“เถี่ยหนิว หยุดเขาไว้!”
เมื่อสิ้นคำ ลู่หยวนก็ผละตัวออกมาแล้ววิ่งไปยังตำแหน่งถัดไป
วิญญาณหอกยกมือที่ประหนึ่งกระเบื้องเคลือบ เสียง ‘เปรี๊ยะ ๆ ๆ’ ยังคงดังขึ้นพร้อมกับเสียงแข็งกระด้างอันปั่นป่วนดังก้องไปทั่วหล้า “ท่านอย่าได้กังวล!”
เฉิงไท่เบนสายตาไปทางลู่หยวน ก่อนอากาศรอบข้างจะเริ่มผันผวนราวกับอยากไล่ตามอีกฝ่าย
แต่วิญญาณหอกเคลื่อนไหวร่างกายก่อนจะสร้างค่ายกลด้วยสองมือ เฉิงไท่เพียงสัมผัสได้ว่าโลกรอบข้างกำลังเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ผ่านไปสักพัก เขาก็มาถึงโลกอันปั่นป่วน
โลกใบนี้เต็มไปด้วยเจตจำนงหอกลึกล้ำ พวกมันทรงพลังยิ่งกว่าของหลิงอวิ๋นเสียอีก!
“เขตแดนเจตจำนงหอกหรือ?!”
เฉิงไท่อุทานด้วยสายตาตกตะลึง!
เด็กผู้หญิงเมื่อครู่เป็นใครกัน?!
นางถึงกับสามารถกางเขตแดนเจตจำนงหอกได้เชียวหรือ?!
หากพูดถึงเรื่องเขตแดน ขอเพียงการบ่มเพาะถึงระดับหนึ่งหรือมีร่างกายพิเศษ พวกเขาย่อมทำความเข้าใจถึงพลังของมันได้อย่างรวดเร็ว!
เขตแดนนี้ไม่จัดอยู่ในระดับสูง เรียกได้ว่าเป็นการสะท้อนพลังของอีกฝ่าย!
แต่ขอบเขตที่ขยายออกภายใต้มหาวิถีนี้ไม่ธรรมดา!
แม้กระทั่งหลิงอวิ๋นผู้เข้าสู่วิถีหอกอำมหิตและสามารถเข้าถึงมหาวิถีจนเข้าใจเจตจำนงหอกลึกล้ำอันทรงพลังได้ ยังสร้างสิ่งที่เรียกว่าเขตแดนวิถีหอกไม่ได้เลย
เขตแดนที่นางสร้างได้เป็นเพียงสิ่งที่สามารถทำได้ด้วยระดับการบ่มเพาะแล้วผสานกับพลังหอกจำนวนหนึ่งเท่านั้น!
ความแตกต่างระหว่างทั้งสองคนค่อนข้างมาก!
มันคือขอบเขตซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่มหาวิถี ภายในนั้นล้วนเต็มไปด้วยเจตจำนงของมหาวิถี!
แม้วิถีหอกจะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น แต่เจตจำนงหอกยังคงผันผวนไปมา!
ต่อให้มีการบ่มเพาะที่แข็งแกร่ง แต่จะต้านทานมหาวิถีได้อย่างไร?!
ส่วนอีกประการหนึ่งเป็นเพียงการบ่มเพาะที่บดขยี้จนถึงขีดสุด ยิ่งทรงพลังเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น!
เฉิงไท่ไม่คาดคิดว่าจะมีวันที่ต้องมาตกอยู่ในขอบเขตวิถีหอก!
แม้จะยังไม่เริ่มทดสอบว่าเขตแดนวิถีหอกนี้ทรงพลังแค่ไหน แต่เพียงสัมผัสถึงเศษเสี้ยวที่ถูกเปิดเผยออกมาก็ทำให้เฉิงไท่รู้สึกหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ!
คราวนี้ เขาไม่สามารถลงมือได้อีกแล้ว!
…
ลู่หยวนผู้อยู่ด้านนอกมาถึงตำแหน่งต่อไป จึงเริ่มประทับค่ายกลในมือลงไป
หลี่เจียงหนานไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะจัดการไพ่ตายที่เขาเตรียมเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย!
นั่นคือเจ้าสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ!
แต่เขากลับถูกเด็กตัวเล็กไร้พิษภัยผู้อยู่ข้างกายลู่หยวนจัดการได้งั้นหรือ!
หลี่เจียงหนานพลันเดือดดาลขึ้นมา ถ้าอย่างนี้ก็ต้องเรียกคนมาเพิ่ม!
ลู่หยวนเห็นท่าทีของหลี่เจียงหนานเช่นกัน หลังจากสลักผนึกของค่ายกลในมือแล้ว น้ำเสียงของเขาก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมา
“ในเมื่อไม่มีชะตาสวรรค์ แล้วเหตุใดจึงกล้ามาขวางทางข้า?!”
“สือจิ่ว จัดการเขา!”
ทันทีที่สิ้นคำของลู่หยวน อากาศรอบข้างก็เกิดความผันผวน ก่อนร่างของเด็กผู้หญิงจะปรากฏขึ้น
นางสวมชุดสีดำ ใบหน้าขาวราวกระดาษ สภาพดูอ่อนแอ แต่ภายในดวงตากลับเต็มไปด้วยจิตสังหารที่เย็นเยือกประหนึ่งน้ำแข็ง!
“รับบัญชา!”
สิ้นคำของสือจิ่ว นางก็ขยับร่างแล้วตรงเข้าหาหลี่เจียงหนาน!
ลู่หยวนจึงสามารถจดจ่อกับสิ่งที่ทำอยู่จนลุล่วง
สือจิ่วเต็มไปด้วยจิตสังหาร ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเอาถึงตาย หลี่เจียงหนานจึงรีบหลบ พร้อมกับอัญเชิญลูกน้องที่เหลือผู้มีพละกำลังแก่กล้าเพื่อมาปกป้องตัวเอง
หลังจากนั้น หลี่เจียงหนานก็เข้ามาพัวพันด้วย
เมื่อไร้การขัดขวาง ลู่หยวนก็มาถึงตำแหน่งสุดท้ายอย่างรวดเร็ว
เขาสลักค่ายกลแล้วเตรียมจะผนึกลงไป แต่เขานิ่งไปสักพักก่อนจะแย้มยิ้มออกมา
ขอเพียงค่ายกลทำงาน เส้นชีพจรจักรพรรดิก็จะได้รับผลกระทบ!
หากช่วยส่งเสริมอีกสักหน่อย เส้นชีพจรจักรพรรดินี้ก็จะกลับคืนสู่สภาพไร้เจ้าของได้อีกครั้ง!
แต่การทำเช่นนั้นถือเป็นการละเมิดวิถีสวรรค์!
สิ่งนี้แตกต่างกับตอนที่ลู่หยวนกระตุ้นเส้นชีพจรจักรพรรดิก่อนหน้านี้ ในตอนนั้น มันอยู่ในการครอบครองของตระกูลกู่มานาน เมื่อกู่จินเจาตายในตอนแรก กู่อี้เจี้ยนก็ไม่ขึ้นครองบัลลังก์ ทั้งเวลา สถานที่และผู้คนต่างเป็นใจจนเอื้อให้เขาทำสำเร็จได้โดยไร้อุปสรรคขัดขวาง
แต่ตอนนี้เข้าจำต้องพลิกสถานการณ์ จึงต้องมีใครบางคนมาแบกรับเรื่องนี้!
กู่จินเจาต้องการให้ลู่หยวนรับหน้าที่ดังกล่าว
แต่ด้วยนิสัยของลู่หยวน เขาไม่มีทางยอมรับทัณฑ์จากวิถีสวรรค์เด็ดขาด!
เขาจึงนำเส้นชีพจรของวิหคเพลิงของกู่จินเจาประทับเข้าไปในค่ายกลสุดท้าย หลังจากออกแรงกดสักพักก็ถูกประทับลงกับพื้น
กู่จินเจา วิถีสวรรค์ของเส้นชีพจรจักรพรรดินี้ เจ้าแบกรับไว้เองจะดีกว่า!
ทันใดนั้นร่างของลู่หยวนก็ถอยออกมา เขาพึมพำบางอย่างขณะประทับค่ายกลในมือ
วิ้ง!
ลำแสงทะยานสู่ท้องนภาจากตำแหน่งที่ลู่หยวนสลักลงไป!
ปฐพีพังทลายในพริบตา ทั่วทั้งแดนมัชฌิมก็ตกลงสู่เบื้องล่าง!
บรรพชนทั้งหลายลงมือปกป้องตระกูลอีกครั้งเพื่อไม่ให้พวกตนตกลงไปเบื้องล่าง!
พวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย ลู่หยวนพยายามจะทำอะไรกันแน่?!
หลังจากปกป้องเสร็จสรรพก็มีใครบางคนรายงานประมุขจากด้านนอก
ทุกคนอยู่ในอาการร้อนรน “ท่านประมุข แย่แล้ว แร่วิญญาณในตระกูลหายไป!”
“ท่านประมุข ดะ…ดินแดนของหญ้าวิญญาณตายหมดทุกต้น!”
ปราณวิญญาณทั้งหมดที่หล่อเลี้ยงในแดนมัชฌิมเริ่มพังทลายทันที!
ตอนนี้เองที่บรรพชนทั้งหลายเข้าใจว่าลู่หยวนจะทำอะไร!
เขาจะกำจัดแหล่งกำเนิดปราณวิญญาณทั่วทั้งแดนมัชฌิมเพื่อฝืนตัดขาดการส่งผ่านไปยังเส้นชีพจรจักรพรรดิ!