ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 389 ต่อสู้กับเจียงเชียนชิว
บทที่ 389 ต่อสู้กับเจียงเชียนชิว
บทที่ 389 ต่อสู้กับเจียงเชียนชิว
เสียงของชายหนุ่มดังก้องอยู่ในหูของสมาชิกตระกูลเจียงจำนวนมาก ยามนี้ผู้คนทั้งหลายเริ่มเข้าใจบางอย่าง แล้วสายตาของพวกเขาก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปขณะมองคนของตนเอง!
คนเหล่านี้ซึ่งอยู่เบื้องหน้าไม่ใช่ผู้ที่เคยติดตามและเชื่อมโยงกันด้วยสายเลือดอีกต่อไป!
แต่เป็นขั้นบันไดหินที่จะพาตนไปสู่จุดที่สูงยิ่งกว่า!
จิตสังหารแผ่ซ่านในดวงตาของพวกเขา!
ขอเพียง… ขอเพียงอยู่ในกลุ่มห้าสิบคนที่ยืนหยัดอยู่ได้ พวกเขาก็จะได้รับพลังของเส้นชีพจรจักรพรรดิ!
ไม่ทราบได้ว่าใครในฝูงชนเป็นผู้ลงมือก่อน ทำให้คนที่เหลือลงมือเช่นกัน!
ทันใดนั้น ผู้คนทั้งหลายจากตระกูลเจียงก็เปิดฉากต่อสู้กันเอง!
ดวงตาของเจียงเชียนชิวเต็มไปด้วยจิตสังหารขณะมุมปากเผยรอยยิ้มหยันออกมา
เขาหันสายตาไปมองกู่จินเจา ก่อนยกง้าวขึ้น พลังอันมหาศาลพลันปะทุออกมาจากร่างกาย!
แสงสีทองเริ่มทะยานออกจากหัวใจของเขา พลังสูงสุดสาดส่องเป็นประกาย แม้กระทั่งดวงตาของตนก็เต็มไปด้วยแสงสีเดียวกัน!
แสงสว่างวูบไหวขณะสาดส่องไปทั่วหล้า!
ยามนี้เจียงเชียนชิวมีกลิ่นอายของราชัน!
“กู่จินเจา ข้ารู้ว่าเจ้ากับลู่หยวนใช้วิธีการบางอย่าง ทำให้เส้นชีพจรจักรพรรดิในตัวข้าจะหายไปในอีกไม่ช้า ในเมื่อทุกคนต้องการมันมากขนาดนั้น เช่นนั้นก็เข้ามาเอาไปได้เลย!”
“เส้นชีพจรจักรพรรดิ แผดเผา!”
สิ้นเสียงตะโกนของเจียงเชียนชิว พลังบ่มเพาะก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง เขาดูแข็งแกร่งกว่าตอนที่เพิ่งพิชิตเส้นชีพจรจักรพรรดิได้เสียอีก!
“เจ้ากล้าเผาเส้นชีพจรจักรพรรดิได้อย่างไร?!”
กู่จินเจาเผยสายตาประหลาดใจเช่นกัน
เส้นชีพจรจักรพรรดินี้คือของขวัญจากวิถีสวรรค์!
ไม่ว่าบนแผ่นดินตนเองจะทรงพลังแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ภายใต้วิถีสวรรค์ก็ไม่ต่างอะไรกับเศษธุลี!
มีเพียงผู้ที่ครอบครองเส้นชีพจรจักรพรรดิจึงจะเป็นที่โปรดปรานของวิถีสวรรค์ การครอบครองมันเทียบเท่ากับการเป็นตัวแทนวิถีสวรรค์ในเวลาอันสั้น
หากเส้นชีพจรจักรพรรดิถูกแผดเผาเพื่อทำให้ได้รับพลังอันยิ่งใหญ่ ก็ต้องได้รับทัณธ์จากวิถีสวรรค์เช่นกัน!
ครืน!
หมู่เมฆสีดำที่เคยจางหายไปกลับมารวมตัวกันอีกครั้งบนท้องนภา โดยมีสายฟ้าเคลื่อนไหวไปมาพร้อมกับเสียงฟ้าร้องดังก้องทั่วทั้งแดนมัชฌิม!
ผู้คนนับไม่ถ้วนรู้สึกหวาดกลัว!
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ กู่จินเจา มาสู้กัน!”
เจียงเชียนชิวกระชับง้าวแล้วฟาดออกไป พลังของมันกวาดผ่านท้องนภาและรวดเร็วประหนึ่งดาบที่ทะลวงสวรรค์
กู่จินเจาหรี่ตาก่อนจะเบี่ยงหลบพลังของง้าวที่กวาดผ่านมา
แต่เมื่อกำลังจะทำเช่นนั้น พลังของง้าวอีกกลุ่มก็รุกคืบเข้ามาตรงหน้า
กู่จินเจายกกระบี่หนักเพื่อต้านมันไว้ในชั่วพริบตา
ตู้ม!
พลังอันมหาศาลพลันกดทับลงมาบนกระบี่หนัก แล้วพลังอันยิ่งใหญ่ก็สั่นไหวก่อนจะกระจายไปทั่วทั้งแขนของกู่จินเจา!
ก่อนพลังนี้จะหายไป พลังจำนวนมากก็ตรงเข้ามาสังหาร
กู่จินเจาจัดการมันอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนแขนที่ออกแรงเริ่มชา นางไม่สามารถหลบเลี่ยงพวกมันได้อีกต่อไป!
“กู่จินเจา หลังจากรับการโจมตีนี้แล้ว ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะทำอย่างไร!”
น้ำเสียงอวดดีและเกรี้ยวกราดของเจียงเชียนชิวดังขึ้น แล้วง้าวก็ฟาดฟันอย่างสุดกำลังมาที่กระบี่หนัก!
ตู้ม!
เมื่อง้าวฟาดลงมา พลังทั้งหลายที่รวมตัวกันบนกระบี่หนักก็หายไป
กู่จินเจากัดฟันขณะรวบรวมเพลิงสวรรค์ในร่างกาย
เปลวเพลิงดังกล่าวโหมกระหน่ำขณะกระจายออกจากร่างของนาง พวกมันกลืนกินพลังทั้งหมดก่อนจะมารวมกันอยู่ที่มือ
เพลิงสวรรค์ยังคงแข็งแกร่งกว่าเพลิงวิญญาณ ต่อให้เป็นคนที่กลายเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดก็ต้องถูกเปลวเพลิงดังกล่าวแผดเผาทั่วร่าง!
แต่เจียงเชียนชิวคล้ายกับไม่รับรู้ถึงความปวดแสบปวดร้อนของเพลิงสวรรค์ สายตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความมุ่งร้าย “ยังไม่ตายอีกหรือ?!”
พลังในมือของของเขายังคงรวมตัวกัน แล้วท่อนแขนพลันหนาขึ้นจนเส้นโลหิตปูดโปนขึ้นมา
พลังประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลายกระหน่ำลงมาที่กระบี่หนัก!
โครม!
กระบี่หนักไม่อาจต้านทานได้อีกต่อไปก่อนจะแตกสลายทันที แล้วเพลิงสวรรค์ซึ่งปกคลุมเจียงเชียนชิวเอาไว้ก็หายไปเช่นกัน
“พรวด!”
กู่จินเจากระอักโลหิตออกมาขณะพลังทั้งหลายในร่างกายถูกง้าวสะกดเอาไว้
เจียงเชียนชิวฉวยโอกาสโคจรพลังทั้งหมดไปที่ง้าวแล้วโจมตีเข้าใส่บริเวณหัวใจของอีกฝ่าย!
ทันใดนั้น!
มือขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นก่อนจะคว้าง้าวมังกรครามแปดแดนร้างไว้มั่น!
เจียงเชียนชิวพยายามอย่างหนัก แต่ก็ไม่สามารถรุกคืบได้!
เมื่อเงยหน้า เขาก็พบว่าคนที่จับง้าวเอาไว้คือลู่หยวน!
“เจ้าอีกแล้วหรือ?!”
เจียงเชียนชิวเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่ออีกฝ่าย
ราวกับว่าหลังจากเด็กคนนี้ปรากฏขึ้น เส้นทางของเขาก็ไม่เคยราบรื่นอีก
เห็นได้ชัดว่ากองกำลังทั้งหลายต่างก้มหัวให้เมื่อได้รับเส้นชีพจรจักรพรรดิ!
ทั้งที่มันควรจะเป็นเช่นนั้น!
เป็นเด็กคนนี้ที่ปรากฏตัวพร้อมกู่จินเจาเพื่อฉกฉวยเส้นชีพจรจักรพรรดิที่กลายเป็นของเขาไปแล้ว!
ลู่หยวนยังคงมีท่าทางเกียจคร้านขณะสายตาเต็มไปด้วยความดูแคลน!
ถึงแม้บัดนี้เจียงเชียนชิวจะได้เส้นชีพจรจักรพรรดิจนกลายเป็นผู้แข็งแกร่งในอึดใจเดียวแล้ว แต่เขาก็ไม่ต่างจากขยะในสายตาของอีกฝ่าย!
เขาเกลียดสีหน้าแบบนั้นที่สุด!
“ลู่หยวน ตายเสียเถอะ!”
เจียงเชียนชิวพลันพลิกง้าวในมือ ส่วนลู่หยวนกลับปล่อยมือแล้วดึงกู่จินเจามาอยู่ในอ้อมแขน ก่อนจะก้าวถอยหลังทะยานออกไปไกล
กู่จินเจาฉวยโอกาสจากเวลาอันน้อยนิดนี้เพื่อฟื้นคืนพลังในร่างกาย
ลู่หยวนส่งโอสถให้นาง อีกฝ่ายรับเอาไว้ก่อนเอ่ยคำขอบคุณ
“ค่ายกลพร้อมแล้วหรือ? อีกนานเท่าไหร่กว่ามันจะทำงาน?”
ต้องใช้เวลาสักพักก่อนค่ายกลที่ถูกประทับนี้จะทำงาน ซึ่งความเร็วในการทำงานขึ้นอยู่กับผู้ที่ติดตั้งมัน
กู่จินเจาคาดเดาว่า ด้วยความแข็งแกร่งของลู่หยวน คงใช้เวลาไม่นานกว่าค่ายกลจะทำงาน เช่นนั้นหากนางยื้อเจียงเชียนชิวไว้อีกสักพัก พลังของเส้นชีพจรจักรพรรดิในตัวคนผู้นั้นก็จะหายไป
ส่วนการแผดเผาเส้นชีพจรจักรพรรดิของอีกฝ่าย…
เส้นชีพจรจักรพรรดิแดนมัชฌิมคงอยู่มานานนับแสนปี แล้วเจียงเชียนชิวจะแผดเผามันได้อย่างไร?!
“นานเท่าไหร่หรือ?”
ลู่หยวนครุ่นคิดเมื่อได้ยินเช่นนี้ ก่อนมองกู่จินเจาด้วยสายตาเห็นอกเห็นใจ
“อีกไม่นาน”
สิ้นคำของลู่หยวน เขาก็หยิบโอสถสิบถุงออกมาวางไว้บนมือของกู่จินเจา “ฝากยื้อเอาไว้อีกสักพัก”
กู่จินเจามองโอสถสิบถุงด้วยความสับสน
นางเพียงได้รับแรงกระแทกเล็กน้อยจนทำให้ทั้งพลัง โลหิต และปราณวิญญาณเสื่อมสลาย
ขอเพียงปราณวิญญาณได้รับการฟื้นคืน เหตุใดต้องใช้โอสถมากขนาดนี้?
เจียงเชียนชิวยิ่งเดือดดาลเมื่อเห็นทั้งสองกำลังสนทนากัน “พวกเจ้าสองคนสนุกกันพอหรือยัง?!”
ลู่หยวนปล่อยมือกู่จินเจาและกำลังจะออกไปสู้ แต่ทันใดนั้นเขาก็นิ่งไปก่อนจะเอ่ยกับนางว่า “มาสิ! เจ้าต้องไปยื้อเอาไว้!”
เขายื่นมือไปหากู่จินเจาผู้มีสีหน้าสับสน แล้ววิญญาณหอกผู้ซ่อนอยู่ในความมืด ซึ่งกำลังกักขังเฉิงไท่เอาไว้ก็สัมผัสได้ทันที
นางหลุบตามองเฉิงไท่ผู้กำลังนั่งอยู่กับที่อย่างสงบ จากนั้นเงยหน้าขึ้นก่อนร่างจะหายไปในพริบตา
พริบตาต่อมา ร่างของวิญญาณหอกก็ปรากฏขึ้นข้างลู่หยวน ผ่านไปหนึ่งอึดใจ ร่างของนางก็หายไปก่อนจะกลายเป็นพลังอันแก่กล้าที่รวมตัวกันเป็นหอกยาวในมือของลู่หยวน!
“เถี่ยหนิว เจ้าเอาง้าวมังกรครามแปดแดนร้างเป็นที่สถิตชั่วคราวดีหรือไม่?”
“ได้ขอรับ!”