ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 397 เฉิงไท่ตาย
บทที่ 397 เฉิงไท่ตาย
บทที่ 397 เฉิงไท่ตาย
เฉิงไท่ฝืนทนต่อความเจ็บปวดขณะมองลู่เทียนเหอด้วยสายตาเกรี้ยวกราด “ลู่เทียนเหอ ทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?! รู้หรือไม่ว่าลูกชายของเจ้าสร้างความฉิบหายทั่วทั้งแดนมัชฌิมมากแค่ไหน!”
“วันนี้ ทั่วทั้งแดนมัชฌิมเป็นเช่นนี้ก็เพราะลูกชายแสนดีของเจ้า! มีกี่คนต้องตาย?! มีกี่คนต้องถูกพรากอนาคต?!”
“ทำไม? ลูกชายของเจ้าวางแผนทำร้ายคนอื่นได้ แต่คนอื่นวางแผนกลับไม่ได้เลยหรือไร?!”
ลู่เทียนเหอปรายตามองด้วยสีหน้าดูแคลน เขามองเฉิงไท่ผู้อยู่ในสภาพน่าอับอายไร้ศักดิ์ศรี ก่อนเอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “ถูกต้อง ลูกชายของข้าสามารถวางแผนทำร้ายใครก็ได้ อย่าว่าแต่ทำลายแดนมัชฌิม ต่อให้ทำลายทั้งแผ่นดินแล้วมันยังไง?”
เมื่อเฉิงไท่ได้ยินเช่นนี้ก็คิดว่าตนเองพบจุดอ่อนในคำพูดของลู่เทียนเหอ พลันวางตัวเองไว้บนพื้นฐานศีลธรรมอันสูงส่งแล้วตะโกนใส่อีกฝ่าย
“ลู่เทียนเหอ โชคดีที่เจ้าเป็นประมุขของตระกูลลู่แห่งแดนเหนือ! การทำให้ผู้คนชื่นชมคือแนวทางของเจ้าใช่หรือไม่?! จะบอกว่าทุกคนบนโลกไม่มีใครดีไปกว่าลูกชายของเจ้าใช่หรือเปล่า?”
เฉิงไท่คล้ายกับคว้าฟางเส้นสุดท้ายซึ่งอยู่ในใจเอาไว้
แม้โลกใบนี้จะยึดถือหลักแพ้เป็นโจร ชนะเป็นกษัตริย์
แต่ทุกคนยังคงบอกว่าโลกมีไว้เพื่อปวงประชา ยามพิชิตเผ่ามาร พวกเขาย่อมยกมาตรฐานนี้แทนธง แทบทุกหนแห่งที่พวกเขาไป โลกจะรวมกันเป็นหนึ่งเพื่อตอบรับ!
ในฐานะผู้ทรงพลังที่สุดบนแผ่นดิน ทุกคนต่างมีความสนใจเป็นของตัวเอง แต่ยามอยู่ต่อหน้าผู้อื่น พวกเขายังต้องพูดจากลับกลอกสองสามครั้งด้วยการกล่าวอ้างถึงปวงประชาบนโลกนี้
มันคือสิ่งที่ทั่วทั้งแผ่นดินต่างเข้าใจกันดี
แต่มีเพียงไม่กี่คนที่จะพูดถึงเรื่องทั้งหมดนี้ ลู่เทียนเหอก็เป็นในหนึ่งนั้น!
ครั้งนี้ เฉิงไท่อยากเห็นกับตาตัวเองว่าคนอื่นคิดกับตระกูลลู่อย่างไร! พวกเขาจะคิดกับลู่หยวน หรือแม้กระทั่งกับลู่เทียนเหออย่างไรกันแน่!
ลู่เทียนเหอเผยรอยยิ้มสงบ ตอนนี้เฉิงไท่ไม่ต่างกับมดปลวกในสายตาเขา!
“เฉิงไท่ เล่ห์เหลี่ยมของเจ้าใช้ไม่ได้ผลกับข้าหรอก”
เสียงของลู่เทียนเหอดังก้อง แล้วพลังไร้ที่สิ้นสุดพลันกระจายออกจากร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง พลังอันแกร่งกล้ายังคงสั่นไหวประหนึ่งฟ้าร้องยามกลางวัน ทำเอาฟ้าดินสั่นสะเทือน!
แม้กระทั่งบรรพชนจากตระกูลเหล่านั้นก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารซึ่งอยู่ในกลิ่นอายของอีกฝ่าย
ลู่เทียนเหอทราบดีว่าเฉิงไท่กำลังคิดอะไรอยู่
ถึงอย่างนั้น มันใช่เรื่องที่ต้องกังวลมากขนาดนั้นเชียวหรือ?
ตอนที่ลู่เทียนเหอกับอู่หมิงเสวี่ยปรากฏในแดนมัชฌิม พวกเขาได้อธิบายทุกสิ่งผ่านการกระทำแล้ว
ยิ่งกว่านั้น เมื่อดูจากสถานการณ์ตอนนี้ จะมีตระกูลชั้นสูงไหนที่กล้าสร้างปัญหาเพราะอีกฝ่ายกำลังปกป้องลูกชายหรือ?
เกรงว่าความสนใจของทุกคนคงกำลังจดจ่ออยู่ว่าตระกูลลู่จะทำอย่างไร และตระกูลของพวกเขาจะเดินไปทิศทางไหนในภายภาคหน้า!
ลู่เทียนเหอคว้ามือออกไป ทำให้ทุกสิ่งซึ่งอยู่รอบข้างบดขยี้เข้าหาเฉิงไท่ ทำให้มือขนาดใหญ่ที่ก่อตัวจากปราณวิญญาณในอากาศจับตัวอีกฝ่ายไว้อย่างง่ายดาย!
อีกฝ่ายยังคงดิ้นรนขัดขืนขณะพยายามโคจรปราณวิญญาณ แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้
คราวนี้เฉิงไท่หลั่งเหงื่อเป็นสายธาร
เดิมเขาคิดว่าพลังของตนคงไม่ด้อยไปกว่าลู่เทียนเหอ แต่ตอนนี้กลับพบว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเหนือกว่าอย่างสมบูรณ์!
เฉิงไท่สัมผัสได้ว่าจิตสังหารกำลังใกล้เข้ามา ทำให้ความหวาดกลัวก่อตัวขึ้นในใจ!
“ประมุขลู่ พวกเราคุยกันได้! พวกเรา…พวกเราไม่ต้องทำแบบนี้! ข้า…ข้าถือเป็นอาจารย์สำนักของลู่หยวนครึ่งหนึ่ง! หลิงอวิ๋นที่เป็นอาจารย์สำนักคนปัจจุบันก็เป็นข้าที่แนะนำให้!”
คำพูดของเฉิงไท่ไม่ต่างกับเสียงผายลมที่ลอยเข้าหูของลู่เทียนเหอ
พลังในมือของเขายังคงเพิ่มขึ้น แล้วฝ่ามือซึ่งเกิดจากปราณวิญญาณก็บีบแน่น!
เฉิงไท่รู้สึกอึดอัดขึ้นมา ก่อนจะเริ่มร้องขอความเมตตา “ประมุขลู่ ขอเพียงเจ้าไม่ฆ่าข้า ข้าเต็มใจจะเป็นทาสวิญญาณของตระกูลลู่! น้อมรับคำสั่งทุกอย่างจากพวกเจ้า! ลู่หยวนยังขาดคนแข็งแกร่งที่คอยให้การปกป้อง! ข้าเต็มใจเป็นผู้พิทักษ์ให้กับเขา!”
ลู่เทียนเหอมีสีหน้าจริงจัง ปราศจากความไหวติงแม้แต่น้อย “หยวนเอ๋อร์ไม่ต้องการคนขี้แพ้อย่างเจ้ามาปกป้อง! ส่วนสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์… ถึงเวลาหาเจ้าสำนักคนใหม่แล้ว!”
จากนั้นเขาก็ออกแรง ฝ่ามือพลันกำแน่นจนกลายเป็นหมัด!
โพละ!
หมอกโลหิตปรากฏขึ้นในอากาศ ย้อมพื้นที่รอบข้างเป็นสีแดง ก่อนกลิ่นอายโลหิตจะคละคลุ้งไปทั่ว
กลิ่นอายซึ่งเป็นของเฉิงไท่หายไปเช่นกัน ชีวิตของเขาดับสูญแล้ว!
ดวงตาของฉินอี่หานกับไป๋ชิวเอ๋อร์สั่นคลอน แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
พวกนางย่อมมีความสัมพันธ์อันดีกับเฉิงไท่ ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็สอนสั่งด้วยความจริงใจ
ทว่าหากมีเรื่องของลู่หยวนเข้ามาพัวพัน ต่อให้เป็นเฉิงไท่ พวกนางก็ไม่คิดผ่อนปรน!
อีกอย่าง…
ถึงสิ่งที่เฉิงไท่พูดจะฟังดูดี แต่ครั้งนี้เขาจงใจดึงศิษย์ทั้งหลายที่ยังอยู่ในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์เข้ามาข้องเกี่ยว!
คนเหล่านี้ไม่ได้มีความสามารถที่จะปกป้องตัวเองเหมือนกับลู่หยวน
ยามชีวิตของพวกเขาตกอยู่ในมือของหลี่เจียงหนาน สิ่งนี้ย่อมส่งผลต่อชื่อของเฉิงไท่
เจ้าสำนักเฉิงผู้ถูกกดดันให้เข้าร่วมในการต่อสู้ จึงต้องอดทนต่อความเจ็บปวดจากการประมือจนถึงแก่ความตายเพื่อศิษย์ที่เคยรัก!
แต่ใครเล่าจะกล้ายืนยันว่าหลี่เจียงหนานจะไม่ทำลายชีวิตของศิษย์เหล่านี้?!
อันที่จริง ศิษย์บางคนยังมองว่าเฉิงไท่เป็นพระผู้ช่วย!
แต่มันเป็นความคิดที่เหลวไหลสิ้นดี!
ไป๋ชิวเอ๋อร์พลันยกยิ้มชั่วร้ายราวกับรับรู้ถึงบางอย่าง “ไม่มีใครในแผ่นดินนี้หนีจากคำว่าผลประโยชน์ได้…”
ฉินอี่หานพยักหน้า
สีหน้าของลู่หยวนสงบไม่แปรเปลี่ยน
ร่างหนึ่งทะยานเข้ามาอย่างว่องไวพร้อมกลิ่นอายอันน่าเกรงขามในตอนนี้
“เจ้าสุนัขเฒ่าเฉิงไท่อยู่ไหน? ออกมาเดี๋ยวนี้!”
ร่างนั้นหยุดนิ่ง ก่อนทุกคนจะหันสายตาไปมอง คนที่มาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอวี๋ฉู่!
ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยโทสะขณะดวงตาเบิกกว้าง
“เจ้าสุนัขเฒ่าเฉินมันหายหัวไปไหน?!”
ลู่หยวนเม้มริมฝีปากขณะมองหมอกโลหิตที่คละคลุ้งอยู่ในอากาศ “ตายแล้ว สวะคนนั้นไม่อยู่แล้ว”
อวี๋ฉู่ตกตะลึงสักพัก โทสะบนใบหน้าก็เลือนหายไปทันที
“ตายแล้วหรือ?”
อวี๋ฉู่พึมพำกับตัวเอง
อาจารย์สำนักคนอื่นเดินทางตามมาแต่ไกล ก่อนจะรวบรวมศิษย์ทั้งหลายแล้วนับจำนวน
ลู่หยวนไม่คิดจะมีส่วนร่วมกับเรื่องราวหลังจากนี้ เขาจึงกลับไปยังที่พักของตระกูลหลิง
พวกไป๋ชิวเอ๋อร์ก็ตามหลังเขากลับไป
…
เพียงพริบตาก็ผ่านไปสามวัน ตระกูลชั้นสูงบางส่วนในแดนมัชฌิมเลือกที่จะย้ายออกไป
นี่นับว่าเป็นเรื่องปกติ ในเมื่อมีตระกูลที่ไปก็ต้องมีตระกูลที่เข้าสู่แดนมัชฌิมเพื่อตั้งถิ่นฐานภายใต้อาณัติของกู่จินเจา
ตระกูลเหล่านี้ที่ย้ายเข้ามาล้วนเป็นสมาชิกของกลุ่มที่ลู่หยวนกับเซียวเทียนก่อตั้งมาด้วยกัน
คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีภูมิหลังไม่โดดเด่น ตระกูลของพวกเขาจึงได้ผลประโยชน์จากภายนอกไม่มาก!
ถึงแม้แดนมัชฌิมในยามนี้จะราบเป็นหน้ากลองจนต้องสร้างกันขึ้นมาใหม่ และไม่ทราบว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะกลับมาเป็นดังเดิม
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขารู้สึกวางใจเมื่อมีลู่หยวนอยู่ด้วย
ทุกคนในกลุ่มรวมตัวกัน หลังจากสนทนาสักพัก พวกเขาต่างตัดสินใจเกลี้ยกล่อมคนในตระกูลให้เดินทางมาแดนมัชฌิม
การตัดสินใจนี้ทำให้ทุกคนถอยกลับมาโดยไม่หยุดพัก โดยไม่อธิบายสถานการณ์หรือเกลี้ยกล่อมแต่อย่างใด สรุปก็คือคนทั้งหลายต่างพาสมาชิกตระกูลกลับมาพร้อมอธิบายสถานการณ์ของตนลงในยันต์ ก่อนจะส่งให้กู่จินเจาตัดสินใจ!
ศิษย์คนอื่นที่มีความฉลาดเฉลียวก็ทำตาม
ผลที่ได้คือ จำนวนตระกูลในแดนมัชฌิมเพิ่มขึ้นแทนที่จะลดลง!