ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 40 เทียนเม่ยเอ๋อร์ (ต้น)
บทที่ 40 เทียนเม่ยเอ๋อร์ (ต้น)
บทที่ 40 เทียนเม่ยเอ๋อร์ (ต้น)
พลังแห่งมนตร์เสน่ห์พลันหายไป สตรีผู้นั้นนั่งลงบนเตียงพร้อมเหงื่อผุดพรายจากแผ่นหลัง นางหายใจถี่กระชั้นเป็นอย่างมากราวกับมองเห็นวิญญาณร้ายที่จะคว้าเอาชีวิตของทุกสรรพสิ่งในโลก
เมื่อเงยหน้ามองอีกครั้ง นางก็พบรอยยิ้มที่มุมปากของชายหนุ่ม แต่รอยยิ้มนี้ชวนให้ขนลุกชันไปทั้งตัว
“เข้าใจหรือไม่?”
ความเย่อหยิ่งถูกขจัดออกไปในทันที หญิงสาวพยักหน้าอย่างสิ้นหวังและกล่าวด้วยน้ำเสียงโอนอ่อน “เข้าใจแล้ว”
“หากเข้าใจแล้วก็จงบอกข้ามาว่านามของเจ้าคืออะไร เหตุใดจึงลงจากหุบเขาบูรพามาสู่แดนเหนือ?”
สตรีเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ตอบกลับอย่างแผ่วเบา “นามของข้าคือเทียนเม่ยเอ๋อร์ ธิดาองค์ที่สามของราชาเผ่าจิ้งจอกสวรรค์แห่งหุบเขาบูรพา ไม่กี่เดือนก่อน เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ได้ต่อสู้กับเผ่ามังกรเกล็ด และทั้งสองฝ่ายก็ประสบความสูญเสียอย่างหนัก เดิมทีข้าถูกคนรับใช้พาหลบหนีออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงการต่อสู้ แต่กลับถูกปล้นชิงกลางทาง ฐานการบ่มเพาะของคนรับใช้ข้าถูกปิดตาย และขั้นของเขาลดลงจนถึงจุดต่ำสุด”
ชายหนุ่มตั้งคำถาม “เจ้ารู้หรือไม่ว่าจุดกำเนิดของการต่อสู้ของทั้งสองเผ่าคืออะไร?”
เทียนเม่ยเอ๋อร์ตอบกลับ “ข้าเองก็ไม่ทราบเหตุผลของเรื่องนี้อย่างชัดเจนนัก แต่ข้าได้ยินท่านพ่อบอกว่ามีสมบัติลับถือกำเนิดขึ้น ซึ่งสมบัติลับนั้นสำคัญมาก และไม่ควรถูกผู้อื่นแย่งชิงไป”
ลู่หยวนขมวดคิ้ว บรรพบุรุษของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์และบรรพบุรุษของเผ่ามังกรเกล็ดมีจุดกำเนิดมาจากจักรพรรดิสององค์ที่เป็นพี่น้องกัน สองตระกูลนี้ปรองดองกันเป็นอย่างมาก จะเกิดความขัดแย้งเพราะสมบัติลับได้อย่างไร?
บุตรศักดิ์สิทธิ์ระงับความสงสัยทันที เนื่องจากเรื่องของหุบเขาบูรพาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา ดังนั้นแม้ว่าเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ทั้งหมดจะตายสิ้น ก็ไม่ใช่เรื่องน่าสนใจ
ลู่หยวนสนใจเฉพาะเทียนเม่ยเอ๋อร์ซึ่งอยู่ตรงหน้า หญิงที่ไป๋อู๋อียอมเสนอเงินยี่สิบล้านเหรียญเพื่อให้ได้ตัวนางมา
เขาไม่เชื่อว่าบุตรแห่งโชคชะตาจะหลงใหลไปกับกลิ่นอายมนตร์เสน่ห์ที่หญิงผู้นี้ปลดปล่อยออกมา ดังนั้นตนจึงเพิ่มราคาอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้ได้นางมาสืบหาความจริง
“ระบบ ตรวจสอบเทียนเม่ยเอ๋อร์”
[ระบบทำการตรวจสอบ]
หลังดำเนินการตามคำสั่งก็พบว่า [เทียนเม่ยเอ๋อร์เป็นสตรีเปี่ยมเสน่ห์โดยธรรมชาติ และอาจเป็นธิดาแห่งโชคชะตาของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ไม่แน่ว่านางอาจได้กลายเป็นจักรพรรดินีหางจิ้งจอกในอนาคต!]
คนฟังหรี่ตาลงเล็กน้อย “ระบบ หมายความว่าอย่างไรที่บอกว่าอาจได้กลายเป็นจักรพรรดินีหางจิ้งจอก?”
[เผ่าจิ้งจอกสวรรค์กำลังทำสงครามกับเผ่ามังกรเกล็ด หากสมาชิกทั้งหมดในราชวงศ์ของเผ่าพันธุ์เสียชีวิต เทียนเม่ยเอ๋อร์จะเป็นทายาทคนสุดท้ายของราชวงศ์เผ่าจิ้งจอกสวรรค์ที่หลงเหลืออยู่ ดังนั้นนางจะกลายเป็นธิดาแห่งโชคชะตาและสืบทอดเกียรติยศของเผ่าพันธุ์!]
ชายหนุ่มจ้องมองไปยังเทียนเม่ยเอ๋อร์ เป็นไปได้หรือไม่ที่บุตรแห่งโชคชะตาจะตกหลุมรัก ‘ธิดาแห่งโชคชะตา ว่าที่จักรพรรดินีของเผ่า’?
ความคิดหนึ่งพลันผุดขึ้นในหัวของลู่หยวน
ไป๋อู๋อีต้องเป็นพระเอกจำพวกที่กลับชาติมาเกิดอย่างแน่นอน หากไม่ใช่ จะอธิบายถึงสิ่งที่เขาทำในการประมูลครั้งนี้ว่าอย่างไร?
ในงานประมูลวันนี้ยังมีของดีอื่นอีกมากมาย แต่เขากลับไม่เสนอราคาประมูล ชายผู้นั้นยอมเทเหรียญมายาที่มีจนหมดหน้าตักเพื่อประมูลเอาหญิงลึกลับแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ผู้นี้ สตรีที่ดูเหมือนจะมีแต่ความงดงาม ไร้ซึ่งประโยชน์อื่นใด
เพราะกลับชาติมาเกิดใหม่… ทำให้เจ้านั่นรู้หลายสิ่งหลายอย่างอยู่แล้ว เช่น สมบัติที่ทำให้เขาทะลวงขั้นตั้งแต่แรก หอคอยนั่น รวมทั้งอาจจะรู้สถานที่ที่ไป๋เจ๋ออาศัยอยู่ด้วยก็ได้
เมื่อคาดการณ์ได้ดังนั้น บุตรแห่งโชคชะตาก็อารมณ์ดีในทันที ไป๋อู๋อีอาจไม่กลับมายังตระกูลไป๋ในเร็ววัน แต่เขาจะกลับมาอย่างแน่นอนเมื่อเขตแดนสัตว์อสูรเปิดออก!
เมื่อเห็นว่าลู่หยวนไม่เอ่ยสิ่งใด เทียนเม่ยเอ๋อร์ก็ไม่กล้าเปิดปาก นางทำได้เพียงนั่งนิ่งอยู่บนเตียงอย่างเงียบงัน
เมื่อชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ เขาก็หยิบตราทาสออกมาจากระบบและสลักลงบนตัวองค์หญิงจิ้งจอกสวรรค์
ตราทาสเลือนไปต่อหน้าพวกเขาทั้งสอง เทียนเม่ยเอ๋อร์รู้สึกได้ว่าร่างกายของนางอ่อนแอลงอย่างกะทันหัน เมื่อพยายามลุกขึ้นจากแท่น ร่างกายก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งตรงหน้าบุรุษโดยไม่รู้ตัว พลางกล่าวเสียงแผ่วเบา “เจ้านาย”
ลู่หยวนพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ การประทับเครื่องหมายนี้จะทำให้เทียนเม่ยเอ๋อร์เชื่อฟังและเกรงกลัวเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ อีกทั้งช่วยยับยั้งความรู้สึกต่อต้าน
หากนางได้กลายเป็นจักรพรรดินีหางจิ้งจอก เขาจะนำคนไปยังหุบเขาบูรพาเพื่อสนับสนุนเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ จากนั้นผู้ใต้บังคับบัญชาก็จะมีอำนาจมากขึ้น
“ข้าจะเข้านอนแล้ว เจ้าจงออกไปเรียนรู้กฎอย่างอื่นกับเฉาหง”
เทียนเม่ยเอ๋อร์กล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าค่ะ”
หลังทำความเคารพลู่หยวนแล้ว นางก็ก้าวเดินออกไปทันที
ชายหนุ่มนั่งขัดสมาธิบนแท่น ตอนนั้นเอง ระบบก็ร้องแจ้งเตือนว่า [ค่าชะตาของสำนักฟ้าประทานเพิ่มขึ้น และค่าชะตาวายร้ายของท่านเพิ่มเป็น 11,000 แต้ม]
[สามารถใช้ค่าชะตาวายร้าย 10,000 แต้ม อัปเกรดเนตรเทวะได้]
“ระบบ การอัปเกรดเนตรเทวะต้องใช้เวลานานเพียงใด?”
[ใช้เวลาสามวัน!]
ลู่หยวนส่งสัญญาณผ่านกระแสจิตเพื่อขอให้เฉาหงจัดเตรียมสถานที่อันแสนสงบให้แก่เขา ผู้ติดตามชราก็ตอบรับและจากไปทันที
เช้าตรู่ของวันต่อมา ลู่หยวนขึ้นไปพักผ่อนในถ้ำที่โดดเดี่ยวบนภูเขาของตระกูลไป๋ โดยมีเฉาหงเฝ้ายามอยู่ด้านนอกประตู เพื่อปกป้องคุณชายเป็นการส่วนตัว
[ระบบ เริ่มการอัปเกรด]
ระบบแจ้งว่า [ค่าชะตาวายร้ายของท่านลดลง 10,000 แต้ม และการอัปเกรดเนตรเทวะกำลังจะเริ่มต้นขึ้น!]
ลู่หยวนหลับตาลง ขณะนั้นภูติผีที่มีเนตรสีแดงฉานปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขาอย่างเชื่องช้า และแรงกดดันที่ไม่มีผู้ใดเทียบได้ก็แผ่รัศมีไปทั่วถ้ำ
เมฆสีขาวบนท้องนภาม้วนตัวยาวหลายพันลี้ เมฆสีแดงแผ่กระจายออกไปจากท้องฟ้าเหนือถ้ำ สายฟ้าฟาดพลันปกคลุมจนเกิดเสียงดัง
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
สัตว์อสูรและสัตว์เทพจำนวนนับไม่ถ้วนในตระกูลไป๋ต่างก้มศีรษะลงและคำรามราวกับกำลังบูชาบางสิ่ง แม้แต่เสือดาวทองคำที่อยู่เคียงข้างไป๋จางก็ก้มศีรษะลงอย่างระมัดระวังภายใต้พลังดังกล่าว
เมื่อนิมิตปรากฏขึ้น สมาชิกตระกูลไป๋ก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของพวกเขาถูกบางสิ่งบีบให้หยุดเต้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจมากนัก หลังจากได้ข่าวว่าประมุขไป๋ได้รับคำสั่งให้ลงจากภูเขา เนื่องจากบุตรศักดิ์สิทธิ์กำลังทำการบ่มเพาะ จึงไม่ควรมีผู้ใดรบกวน
ลู่หยวนและเฉาหงไม่ได้อยู่ในบ้านพักติดต่อกันเป็นเวลาสองวัน มีเพียงเทียนเม่ยเอ๋อร์อยู่ที่นั่นเพียงลำพัง แดนเหนือแตกต่างจากหุบเขาบูรพาอย่างมาก นางจึงต้องการออกไปเดินเล่นเพื่อเปิดหูเปิดตา
ทุกคนในตระกูลไป๋รู้ดีว่าสตรีเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เป็นผู้ติดตามของลู่หยวน จึงไม่มีผู้ใดกล้าทำอันตรายต่อนาง แต่หญิงงามเช่นนี้ก็ทำให้ใครหลายคนอดเหลียวมองไม่ได้
เทียนเม่ยเอ๋อร์เดินเที่ยวชมทั่วบริเวณบ้านของตระกูลไป๋ ในขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะตกดิน นางยืนอยู่บนภูเขาอันแห้งแล้ง จ้องมองไปยังบ้านขนาดใหญ่ของตระกูลไป๋ ความรู้สึกโดดเดี่ยวเล็กน้อยผุดพรายขึ้นในใจ ในขณะเดียวกันก็เริ่มเป็นกังวลถึงสงครามของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์และเผ่ามังกรเกล็ดมากยิ่งขึ้น
ไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าในตอนนี้ท่านพ่อและคนอื่น ๆ ยังสบายดีอยู่หรือไม่?
“องค์หญิงแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ดูสิ้นหวังถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
เสียงของชายผู้หนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง จนนางหันมองตามต้นเสียงนั้นทันที หญิงสาวหางจิ้งจอกพบชายสองคนในชุดคลุมสีดำกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้ แม้ใบหน้าของชายที่เป็นผู้นำจะถูกปกคลุมด้วยอาภรณ์สีดำ แต่ก็สามารถมองเห็นมุมปากเขาที่ยกรอยยิ้มขึ้นได้อย่างชัดเจน
“เจ้าเป็นใครกัน?”
สีหน้าของเทียนเม่ยเอ๋อร์กลับกลายเป็นเย็นชา จำได้ว่านางบอกถึงตัวตนของตนเองให้กับเจ้านายฟังเพียงผู้เดียว แล้วชายผู้นี้รู้ถึงตัวตนของนางได้อย่างไร?