ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 400 เตรียมการ
บทที่ 400 เตรียมการ
บทที่ 400 เตรียมการ
ร่างจำแลงของชิวสิงยิ้มกว้างเมื่อเห็นเช่นนี้
“หลังจากซ่อนตัวมาหลายปี ในที่สุดมารในจิตใจผู้นี้ก็ยึดร่างส่วนหนึ่งของชิวเสวียนเสียที”
“เหอะ… บัดนี้เหลือเพียงลู่หยวนแล้ว ขอเพียงชิวเสวียนกับลู่หยวนถูกสังเวย แล้วเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ก็จะบังเกิด!”
รอยยิ้มของชิวสิงกว้างขึ้น เพียงพริบตา เขาก็ทะยานกลับที่อยู่ของตัวเอง
ภายในจวนตระกูลชิวยามนี้ เส้นผมของชิวเซี่ยวเทียนแทบจะเป็นสีขาวโพลนด้วยความกังวล ผ่านไปสักพัก เขาก็ส่งยันต์บางส่วนไปให้ชิวชิงหลีเพื่อสอบถามว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ตอบตกลงมาที่ตระกูลชิวแล้วหรือยัง!
แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ชิวชิงหลีจึงไม่ตอบกลับมา
ชิวเซี่ยวเทียนยิ่งวิตก เวลาที่บรรพชนให้เขาเหลือไม่มากแล้ว!
หากชิวชิงหลียังไม่ตอบอีก เขาอาจจะต้องไปหาด้วยตัวเอง ต่อให้ต้องยอมเสียหน้าเพื่อขอร้องบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ เขาก็ยังต้องเชิญอีกฝ่ายมาให้จงได้!
ผู้อาวุโสคนอื่นส่งยันต์ที่ถูกผนึกไว้เช่นกัน แต่พวกมันหายไปอย่างไร้ร่องรอยและไร้ซึ่งข่าวคราว!
เมื่อชิวเซี่ยวเทียนกำลังจะตัดสินใจไปด้วยตัวเอง ยันต์แผ่นหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในแขนเสื้อ
ชิวเซี่ยวเทียนรีบหยิบออกมาดู มีตัวอักษรถูกเขียนเอาไว้ไม่มากนัก เขาอ่านอย่างละเอียด
เห็นได้ชัดว่ามีกลิ่นอายของชิวชิงหลีอยู่บนยันต์แผ่นนี้ ผู้อาวุโสคนอื่นเหลือบมองมา
หลังจากชิวเซี่ยวเทียนอ่านจบ รอยยิ้มก็ปรากฏตรงหางตา “ชิงหลีบอกว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ตอบตกลง พวกเขาจะมาในอีกไม่กี่วัน!”
ผู้อาวุโสทั้งหลายรีบก้าวเข้ามา พลางเอ่ยว่า “ขอแสดงความยินดีกับประมุขตระกูล เมื่อบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้มาถึง ตำแหน่งหลานสาวของชิงหลีจะไม่สั่นคลอน!”
“ถูกต้อง ข้าบอกแล้วว่าชิงหลีมีพรสวรรค์มาก ข้าโปรดปรานในตัวนางมากที่สุด! ครั้งนี้นางทำตามความคาดหวังแล้วเชิญบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่มาได้สำเร็จ!”
แต่ละคนต่างแย่งกันแสดงความเอาใจใส่มากกว่าผู้อื่น ชิวเซี่ยวเทียนทราบดีว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไร ใบหน้าของเขาจึงยังระบายรอยยิ้มออกมา
ตระกูลชิวในอดีตถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกนำโดยชิวเซี่ยวเทียนที่คอยสนับสนุนประมุขตระกูล ส่วนอีกกลุ่มคอยสนับสนุนผู้อาวุโสใหญ่
บัดนี้ผู้อาวุโสใหญ่ตายแล้ว ชิวเสวียนผู้เป็นลูกชายเพียงคนเดียวก็ถูกจองจำ
ส่วนบรรพชนก็ถ่ายทอดคำสั่งเช่นกัน ว่าขอเพียงชิวชิงหลีโน้มน้าวลู่หยวนมาที่จวนตระกูลชิวได้ เขาจะไม่สืบเรื่องราวในอดีตอีกต่อไป ทั้งยังป่าวประกาศด้วยตัวเองว่านางจะยังคงดำรงตำแหน่งประมุขน้อย!
เรื่องราวมากมายเกิดขึ้นถึงเพียงนี้ ตราบใดที่ไม่ใช่คนโง่ ทุกคนย่อมทราบว่าควรเอนเอียงไปทิศทางใด!
ส่วนผู้ที่เคยสนับสนุนผู้อาวุโสใหญ่และอยู่ฝั่งตรงข้ามกับชิวเซี่ยวเทียนต่างก็อยู่ในภาวะตื่นตระหนก พวกเขาจึงฉวยโอกาสนี้เพื่อรีบแสดงเจตนาดีออกมา!
ชิวเซี่ยวเทียนไม่กังวลกับเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ดังนั้นเขาจึงใช้โอกาสก้าวมารับการสนับสนุนจากพวกเขา
เขาพึงพอใจกับผลลัพธ์มาก สิ่งที่คาดหวังในตอนนี้ คือการดูแลตระกูลชิวให้ดีเพื่อขจัดเหตุการณ์น่าอับอายที่ถูกตระกูลชั้นสูงทั้งหลายเมินเฉยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!
…
ตระกูลทั้งหลายในแดนมัชฌิมยังไม่มีการแบ่งกลุ่ม พวกเขาบางส่วนจึงยังไม่มีที่มั่น และทำได้เพียงอาศัยอยู่ชั่วคราวในเมืองหลวงเดิมเท่านั้น
กู่จินเจายืนอยู่กลางอากาศเหนือแดนมัชฌิม นางสวมชุดคลุมราชวงศ์ที่มีความสง่างาม
กู่อี้เจี้ยนผู้สืบทอดวิถีกระบี่ยืนอยู่ข้างกายด้วยสีหน้าเฉยชาพลางเฝ้ามองสรรพสิ่ง
ประมุขตระกูลทั้งหลายต่างปรี่เข้ามายังจุดที่สองคนนี้อยู่ ภายในเวลาอันสั้น ผู้คนนับร้อยก็มารวมตัวกันในวังจักรพรรดิแดนมัชฌิมเดิม
แดนมัชฌิมในยามนี้ยังคงทรุดโทรม แม้วังจักรพรรดิจะได้รับการสร้างขึ้นใหม่ แต่อาณาจักรในตอนนี้ก็ยังไม่มีการร่างแม้กระทั่งต้นแบบในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
หัวใจของพวกเขาต่างหวั่นไหวเมื่อเห็นเช่นนี้
ทว่าตระกูลขนาดใหญ่ที่เคยอยู่ในแดนมัชฌิมกลับไม่มีการตั้งคำถามแต่อย่างใด ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ขอบคุนจ้า
ในเมื่อพวกเขาตัดสินใจจะอยู่ ก็มีแต่ต้องเชื่อในตัวกู่จินเจากับลู่หยวนให้มากเข้าไว้!
แดนมัชฌิมจะต้องฟื้นคืนเหมือนช่วงไม่กี่ปีก่อนได้อย่างแน่นอน!
ผู้นำตระกูลฮ่วนซึ่งแทบไม่ปรากฏตัวกลับอยู่ต่อหน้าทุกคน เขาสวมชุดคลุมสีม่วงหรูหรา รูปร่างสูงโปร่งและมีสีหน้าดุร้าย ผู้นำตระกูลขนาดเล็กจึงไม่กล้าเหลียวมองอีกฝ่าย!
ฮ่วนซิงไป๋ผู้ยืนอยู่ข้างกายเอามือไพล่หลังขณะมองรอบข้างด้วยความสงสัยใคร่รู้
ผู้นำของตระกูลหลิงอยู่ในสภาพที่ใกล้กับกำแพงแห่งความตาย ดังนั้นหลิงอวิ๋นจึงเป็นตัวแทนของตระกูลมาที่นี่
เมื่อเห็นตระกูลทั้งหลายมารวมตัวกันที่นี่ กู่จินเจาจึงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ทุกท่านผู้มาแดนมัชฌิม ขอให้เตรียมความพร้อมสำหรับการตั้งรกรากที่นี่! หลังจากวันนี้ไป แต่ละตระกูลจะถูกแบ่งตามกำลังที่มี!”
“ส่วนวิธีในการฟื้นฟูแดนมัชฌิมจะเปิดเผยในวันนี้!”
ดวงตาของทุกคนทอประกายหลังจากได้ยินเช่นนี้!
ตระกูลส่วนใหญ่ที่ย้ายมาในแดนมัชฌิมมาจากต่างถิ่น พลังของพวกเขาจึงอ่อนแอมาก แม้กระทั่งในดินแดนเดิม พวกเขาก็ต้องใช้ชีวิตอย่างต่ำต้อย
หากที่นี่ฟื้นฟูไว พวกเขาย่อมไม่ต่างจากสุนัขที่ขึ้นสู่สวรรค์!
ถึงตอนนั้น แม้พวกเขาจะยังคงเป็นตระกูลระดับต่ำในแดนมัชฌิมจนไม่สามารถไต่เต้าไปสูงกว่านี้ได้ แต่มันย่อมดีกว่าเมื่อเทียบกับชีวิตก่อนหน้า!
เมื่อเห็นความมุ่งมั่นในแววตาของทุกคน กู่จินเจาก็รู้สึกผิดขึ้นมา นางยังไม่ทราบว่าลู่หยวนจะใช้วิธีการใด!
ลู่หยวนสาบานว่ามีวิธีที่จะทำให้แดนมัชฌิมฟื้นฟูอย่างรวดเร็วจนกระทั่งแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อน!
ประมุขตระกูลขนาดเล็กซึ่งอยู่เบื้องล่างกล้าถามด้วยเสียงอันดังว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมขอถามได้หรือไม่ว่าจะทรงใช้วิธีการใดพ่ะย่ะค่ะ?!”
“ในเมื่อพวกกระหม่อมเลือกอยู่ที่แดนมัชฌิมแล้วก็ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกฝนอย่างหนักเป็นธรรมดา! หากฝ่าบาทให้รออย่างเดียว เกรงว่าจะเป็นการเสียมารยาทเกินไป!”
ประมุขตระกูลขนาดเล็กผู้มาจากภายนอกต่างส่งเสียงประสานจนดังกึกก้อง!
ในสายตาของพวกเขา ไม่มีของที่ได้มาโดยง่าย!
ในฐานะคนนอกที่มีพลังต่ำต้อย การมาแดนมัชฌิมในครั้งนี้ ย่อมต้องลงทุนไปไม่น้อย!
กู่จินเจาไม่ตอบ แต่หันไปจับจ้องลู่หยวน
อีกฝ่ายขยับร่างกายด้วยท่าทางเกียจคร้าน ทำให้อากาศรอบข้างสั่นไหว หลังจากนั้น เขาก็มาอยู่ข้างกายนาง
นอกจากประมุขตระกูลใหญ่บางส่วนที่เห็นการเคลื่อนไหวของเขาอย่างชัดเจนแล้ว คนอื่นเพียงสัมผัสได้ว่าผู้ชายคนนี้มาอยู่ข้างกู่จินเจาในชั่วพริบตา
ศิษย์สำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ที่ติดตามมาด้วยล้วนก้มศีรษะขณะแนะนำลู่หยวนให้ผู้นำตระกูลรู้จักอย่างแผ่วเบา
เพียงไม่กี่คำ สายตาของพวกเขาที่เดิมเต็มไปด้วยความสับสนก็แปรเปลี่ยนเป็นความยำเกรงและความเหลือเชื่อ!
นอกเหนือจากนั้นก็มีเพียงประโยคอย่าง “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เป็นผู้ได้รับเส้นชีพจรจักรพรรดิ แต่ท้ายที่สุด เขาก็ยกมันให้กับกู่จินเจา”
จากนั้นพวกเขามองลู่หยวนด้วยความเคารพอันไร้ขอบเขต!
บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ยังอ่อนเยาว์นัก!
เขาดูจะยังหนุ่มอยู่เลย!
แต่กลับมีพลังต่อสู้มากเพียงนี้เชียวหรือ?!
ผู้ที่ติดตามตระกูลยังคงกล่าวอยู่ข้างหู “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เข้าสู่ขั้นครึ่งก้าวจ้าวยุทธ์แล้ว!”
คำพูดเหล่านี้ประหนึ่งเสียงฟ้าผ่าข้างหูประมุขตระกูลขนาดเล็กผู้ผ่านโลกมาไม่มาก!
ขั้นครึ่งก้าวจ้าวยุทธ์หรือ?!
ในสายตาของพวกเขา ระดับการบ่มเพาะเช่นนั้น ต่อให้ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่มีทางไปถึงได้!
ส่วนบุตรศักดิ์สิทธิ์ตระกูลลู่ผู้อยู่ตรงหน้าได้ไปถึงระดับการบ่มเพาะอันน่าสะพรึงกลัวด้วยวัยเพียงเท่านี้!
เด็กคนนี้… อาจจะเป็นเซียนกลับชาติมาเกิดก็ได้!