ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 414 รนหาที่ตาย
บทที่ 414 รนหาที่ตาย
บทที่ 414 รนหาที่ตาย
ฉู่เชิ่งรู้สึกเหมือนกับกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ ทำให้สีหน้าอันมุ่งมั่นเมื่อครู่หายไปในชั่วพริบตา
มุมปากของลู่หยวนเหยียดยิ้มขึ้น “ไง ฉู่เชิ่ง เจ้าเพิ่งบอกว่าอยากสู้กับข้าไม่ใช่หรือ?”
ชั่วพริบตา ฉู่เชิ่งก็สะกดพลังทั้งหมดเอาไว้ก่อนจะโคจรไปที่ขา
เขารีบเคลื่อนไหวจนอากาศรอบข้างแตกสลาย!
ฉู่เชิ่งประหนึ่งลูกธนูที่พุ่งออกจากสาย
เขาในตอนนี้ไม่สนใจแผนการเข้าสู่สำนักกระบี่สวรรค์เพื่อเอาเพลิงวิญญาณอีกต่อไป สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือหนีเท่านั้น!
ฉู่เชิ่งมีแต่ประสบการณ์น่าเวทนานับแต่พบลู่หยวนในสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์!
คืนวันอันราบรื่นในกาลก่อนมลายหาย กลายเป็นล้มลุกคลุกคลานจากการถูกทุบตีอยู่หลายครั้ง!
การที่เขาไม่ถูกอัดจนตายนับครั้งไม่ถ้วน ถือเป็นโชคดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา!
บัดนี้พลังการบ่มเพาะของลู่หยวนเพิ่มขึ้นมหาศาล หากครั้งนี้ถูกจับได้ เขาจะต้องถูกอัดจนตายเป็นแน่!
ถ้าไม่ให้หนีตอนนี้ แล้วจะให้เขายืนรอความตายอยู่หรือไร?!
ฉู่เชิ่งพุ่งผ่านพื้นที่ในอึดใจเดียว โดยตั้งใจจะหลบหนีไปให้ไกลที่สุด
ศิษย์สำนักกระบี่สวรรค์ต่างตกตะลึง
เดี๋ยวนะ เมื่อครู่ฉู่เชิ่งยังเต็มไปด้วยโทสะอันชอบธรรมแล้วบอกว่าอยากสู้กับคนผู้นี้อยู่เลยไม่ใช่หรือ?!
เหตุใดเขาจึงหลบหนีหลังจากอีกฝ่ายปรากฏตัว?!
ยิ่งกว่านั้น ความเร็วในการหนียังมหาศาลประหนึ่งพบราชันแห่งนรก!
หากฉู่เชิ่งได้ยินเสียงของความคิดเหล่านี้ เขาอาจจะตอบเห็นด้วยทันที “ใช่แล้ว ใช่แล้ว เขาคือราชันแห่งนรกที่มีชีวิต!”
ลู่หยวนไม่รีบร้อน ยื่นมือขวาออกไปขณะอักขระนับไม่ถ้วนทะยานออกจากฝ่ามือ จากนั้นค่ายกลคลุมเครือก็ก่อตัวขึ้น!
วิ้ง!
ทั่วทั้งฟ้าดินบังเกิดความมืดมิด แล้วลำแสงสีทองก็ปรากฏขึ้นจากค่ายกลในมือของชายหนุ่ม
แรงดูดมหาศาลพลันปรากฏขึ้นจากค่ายกล พลังของมันทำให้อากาศตรงหน้าแตกสลาย
ส่วนฉู่เชิ่งผู้หลบหนีไปไกลเพิ่งจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เขาหันมองกลับไป ก่อนพบว่าไม่มีใครไล่ตามมา
โชคดีที่เขาหนีมาไว หาไม่แล้ววันนี้อาจจะต้องถูกลู่หยวนทำร้ายอีกก็เป็นได้!
แต่ความเร็วฝีเท้าของฉู่เชิ่งไม่ได้หย่อนยาน กลับยังคงเคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง
ผ่านไปหลายอึดใจ ฉู่เชิ่งรู้สึกถึงพลังมหาศาลกำลังพุ่งมาจากด้านหลัง จากนั้นเกิดแรงกระชากดึงเขากลับไป!
ชายหนุ่มตกตะลึง พลันนึกถึงลู่หยวนขึ้นมาเป็นคนแรก
เขารีบโคจรพลังอีกครั้ง แต่กลับไม่สามารถขัดขืนแรงดูดมหาศาลที่มาจากด้านหลังได้!
ในที่สุดฉู่เชิ่งก็ไม่อาจขัดขืนได้ก่อนจะถูกพลังดังกล่าวดึงกลับไป!
ศิษย์สำนักกระบี่สวรรค์ต่างพากันสนทนาจนเกิดเสียงเซ็งแซ่
“ฉู่เชิ่งผู้นี้ก็แค่อันธพาลที่หวาดกลัวผู้แข็งแกร่ง! เขาดีแต่พล่ามคำพูดอันชอบธรรมออกมามากมาย ไม่อย่างนั้นเมื่อครู่จะหลบหนีไปทำไม?!”
“เหอะ… ข้าก็คิดว่าหมอนี่มีจิตใจไม่บริสุทธิ์เหมือนกัน ทั้งยังจำได้ว่าเป็นเพราะช่วยศิษย์พี่เยวี่ยหนีซางไว้ถึงทำให้เข้ามาในอาณาเขตของสำนักกระบี่สวรรค์ได้! บางทีเรื่องในตอนนั้นอาจจะเป็นแผนชั่วของเขาเช่นกัน!”
“ใช่แล้ว พวกเราใช้ชีวิตอยู่ภายใต้แรงกดดันของปราณกระบี่มานาน สัตว์ประหลาดพวกนั้นก็ไม่เคยกล้าเคลื่อนไหวมาตลอด แต่มาวันนี้ พวกมันจำนวนมากกลับก่อการจลาจลพร้อมกัน หากบอกว่าอีกฝ่ายไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ข้าก็ไม่เชื่อหรอก!”
ทว่ายังคงมีศิษย์บางส่วนที่ช่วยแก้ต่างให้ฉู่เชิ่ง ผ่านไปสักพัก ศิษย์ของสำนักกระบี่สวรรค์ก็ส่งเสียงอึกทึกและแตกฮือ
เยวี่ยอู๋ฉือไม่สนใจพวกเขา แต่จดจ่ออยู่ที่ลู่หยวน
ถึงแม้นางไม่เคยสนใจเหตุการณ์ภายนอกเท่าไหร่ แต่เนื่องจากตระกูลชิวอยู่ใกล้กัน พวกเขาจึงมีการปฏิสัมพันธ์บ้างเป็นครั้งคราว
แล้วเหตุใดนางถึงไม่ทราบว่าคนผู้นี้อยู่ในตระกูลชิว?!
ยิ่งกว่านั้น อีกฝ่ายยังไม่มีกลิ่นอายวิถีคุณธรรมราวกับไม่ได้มาจากตระกูลชิว!
ทว่าหากไม่ได้มาจากตระกูลชิว แล้วเขาระดมคนในตระกูลชิวมาปกป้องตัวเองมากถึงขนาดนี้ได้อย่างไร?!
คนบางส่วนที่ยกเกี้ยวหยกอยู่คือผู้อาวุโสของตระกูลชิว การที่พวกเขาเต็มใจทำเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องผิดวิสัยมาก สิ่งนี้จึงแสดงว่าตัวตนของคนผู้นั้นไม่ธรรมดา!
ทันใดนั้น เยวี่ยอู๋ฉือก็นึกถึงชื่อที่ฉู่เชิ่งโพล่งออกมาก่อนจะหนีไปขึ้นมาได้
ลู่หยวนหรือ?!
เยวี่ยอู๋ฉือขมวดคิ้ว นางเหมือนจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน!
ตำแหน่งภูมิศาสตร์ของสำนักกระบี่สวรรค์ถือว่าห่างไกลมาก พวกมันตั้งอยู่ที่นี่มายาวนาน นับแต่ประมุขสำนักคนแรกที่มีนิสัยไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องทางโลกแล้ว
บ่อยครั้งที่ศิษย์ซึ่งออกไปฝึกฝนจะเป็นฝ่ายจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอก ก่อนจะกลับมารายงาน
นับตั้งแต่เยวี่ยอู๋ฉือกลายเป็นประมุขสำนัก นางก็ดูแลจัดการเรื่องราวภายในสำนักทุกวัน ยามว่างก็จะฝึกฝนจนแทบไม่ได้ย่างเท้าออกไปนอกสำนักกระบี่สวรรค์!
สิ่งที่เกิดขึ้นกับฉู่เชิ่งไม่ใช่เรื่องที่เยวี่ยอู๋ฉือฟังมาจากปากของศิษย์ แต่เป็นตัวฉู่เชิ่งเองที่เล่าให้ฟังหลังจากช่วยเยวี่ยหนีซางแล้ว
เยวี่ยหนีซางเองก็รายงานให้นางฟังทีละคำเช่นกัน
ส่วนเรื่องเกี่ยวกับสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ ฉู่เชิ่งแทบจะสรุปออกมาในประโยคเดียวโดยที่ไม่เอ่ยมากไปกว่านั้น
ส่วนสาเหตุที่เขาออกจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงสาเหตุที่มาสำนักกระบี่สวรรค์ซึ่งเป็นโลกใบเล็กแทนที่จะไปสำนักดาบ อีกฝ่ายก็ไม่ได้ลงรายละเอียดเช่นกัน
เยวี่ยอู๋ฉือสลัดเรื่องของเขาออกไปก่อนจะคิดถึงลู่หยวนอีกครั้ง
ตระกูลลู่?!
หมายถึงตระกูลลู่นั่นอย่างนั้นหรือ?!
เยวี่ยอู๋ฉือครุ่นคิดอยู่หลายอึดใจ ก่อนจะนึกถึงตระกูลลู่ในเวิ้งทะเลแดนเหนือ
แต่เบาะแสเหล่านี้ยังไม่แน่ชัด
ไม่ว่าคนผู้นี้จะเป็นใคร แต่เหตุใดเขาจึงมาที่นี่เพื่อจับตัวเยวี่ยหนีซาง?!
ก่อนที่เยวี่ยอู๋ฉือจะทันได้ขบคิดต่อ นิ้วทั้งห้าของลู่หยวนก็ทำท่าคว้า แล้วร่างของฉู่เชิ่งผู้อยู่ไกลออกไปก็ลอยกลับมาในสภาพกลับหัวกลับหาง!
ลู่หยวนสะบัดฝ่ามือลง ทำให้ฉู่เชิ่งถูกมือที่มองไม่เห็นฟาดเข้าใส่ ก่อนจะกระแทกลงกับพื้น!
ตู้ม!
เสียงกระแทกดังสนั่นหวั่นไหว ควันธุลีตลบฟุ้งยามฝังร่างของฉู่เชิ่งใต้ดิน
ครั้งนี้ลู่หยวนไม่มีเจตนาจะปล่อยอีกฝ่ายไป
เขาเอ่ยถามระบบทันที
“ระบบ ข้าอยากดึงเพลิงสวรรค์และเพลิงวิญญาณทั้งหมดออกจากร่างของฉู่เชิ่ง!”
[ระบบรับทราบ!]
[กรุณาวางฝ่ามือของท่านบนร่างของฉู่เชิ่งผู้เป็นบุตรแห่งโชคชะตา ท่านจึงจะดึงพลังทั้งหมดออกมาได้!]
[แจ้งเตือนจากระบบ การกระทำดังกล่าวจะต้องใช้ค่าชะตาจำนวนหนึ่ง! หากถูกรบกวนก็จะล้มเหลว ขอแนะนำให้ท่านควบคุมบุตรแห่งโชคชะตาเสียก่อน!]
ลู่หยวนหรี่ตา ก่อนมุ่งตรงไปที่พื้นทันที!
กลิ่นอายซึ่งเป็นของเขากดทับลงมา แล้วควันธุลีทั้งหมดก็มลายหายสิ้น
ร่างของฉู่เชิ่งปรากฏขึ้น
เขาลุกขึ้นจากพื้นพร้อมเผยสายตาที่ไม่อ่อนข้อต่อศัตรู
ในเมื่อหนีไม่ได้ก็ต้องสู้กันสักตั้ง!
เมื่อฉู่เชิ่งตัดสินใจอย่างเด็ดขาด เพลิงวิญญาณและเพลิงสวรรค์ก็ทะยานออกมาในหนึ่งอึดใจก่อนจะปกคลุมทั่วร่าง!
ยามนี้ฉู่เชิ่งคล้ายกับบุตรแห่งเทพอัคคี กลิ่นอายรอบตัวเขายังคงพลุ่งพล่านขณะทะยานขึ้นสู่ท้องนภา!
เงาร่างหนึ่งก่อตัวขึ้นที่ด้านหลังของฉู่เชิ่ง
ทั่วทั้งร่างของเขาอาบไล้ด้วยเปลวเพลิง กลิ่นอายไร้ที่สิ้นสุด อากาศรอบข้างแตกสลาย
“ลู่หยวน ในเมื่อเจ้าอยากสู้นัก ข้าก็จะเสี่ยงชีวิตสู้ตามที่ต้องการให้!”
ฉู่เชิ่งระเบิดพลังออกมา ก่อนจะทะยานเข้าหาอีกฝ่าย
ลู่หยวนยังคงเดินเข้าหาฉู่เชิ่งอย่างมั่นคง สายตาของเขาไร้อาการสั่นคลอน
“เหอะ… รนหาที่ตาย!”