ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 426 ดึงมาเป็นพวก
บทที่ 426 ดึงมาเป็นพวก
บทที่ 426 ดึงมาเป็นพวก
มารในใจทราบตั้งแต่แรกว่าชิวสิงกำลังสนใจตนอยู่ ทั้งยังเข้ามายุ่งด้วยการเคลื่อนไหวไปมาราวกับตัวหมาก
ตอนที่เข้าใกล้ชิวเสวียน ในที่สุดมันก็ตระหนักได้ว่าชิวสิงต้องการสิ่งใด
เขาอยากให้มันยึดครองร่างของชิวเสวียน!
แต่ถึงแม้ชิวเสวียนจะเป็นเมล็ดพันธุ์มาร แต่จิตสำนึกของเขาหาได้มีความตั้งใจที่จะเป็นมารไม่
มารในใจจึงทำได้เพียงรอจนกระทั่งถึงเวลาเหมาะสม ก่อนจะเข้ายึดครองร่างของชิวเสวียน!
เมื่อมันกวาดสายตามองรอบกายก็ทราบในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น!
จุดประสงค์ของชิวสิงคือทำให้ทุกสิ่งกลายเป็นตัวหมากเพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์ได้
ไม่ว่าจะเป็นชิวเสวียน มารในใจหรือแม้กระทั่งตระกูลชิว
ในสายตาของชิวสิง พวกเขาต่างก็เป็นเพียงตัวหมากที่ทำได้แค่ขยับไปมาตามคำสั่งเท่านั้น!
ความเป็นความตายล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา!
แม้มารในใจจะลอบหัวเราะ แต่สีหน้ากลับเย็นชา
มารในใจกำเนิดขึ้นจากสวรรค์!
จะให้มาถูกควบคุมโดยมนุษย์ได้อย่างไร?!
มันต่างหากที่จะเป็นผู้ควบคุมมนุษย์และโลกใบนี้!
หลังจากยึดครองร่างของชิวเสวียน มันก็เริ่มวางแผนการ!
ซึ่งแผนการในวันนี้ก็คือฆ่าชิวสิงให้ได้!
จากนั้นก็ยึดครองตระกูลชิวและช่วยให้ชิวเสวียนดำรงตำแหน่งประมุข!
ถึงตอนนั้น มันก็จะยึดครองร่างของชิวเสวียนได้อย่างสมบูรณ์!
เมื่อคิดถึงเส้นชีพจรแห่งวิถีคุณธรรมเส้นสุดท้ายยามที่มนุษย์ในโลกนี้สยบต่อมัน มารในใจก็ยิ่งรู้สึกยินดี!
ส่วนชิวสิงยังคงมีสีหน้าสงบ เพราะเพียงมองปราดเดียว เขาก็สัมผัสได้ว่ามีค่ายกลนับไม่ถ้วนอยู่รอบถ้ำ
ผู้ที่อยู่ภายนอกไม่สามารถเข้ามาได้ ค่ายกลประเภทนี้ก่อขึ้นมาจากกลิ่นอายมาร ยิ่งกลิ่นอายแข็งแกร่งพลังก็ยิ่งเพิ่มพูน ส่วนตำแหน่งที่ตั้งของตระกูลชิวในตอนนี้ก็เป็นจุดที่กลิ่นอายมารเข้มข้นที่สุด ต่อให้ทาสอารักขาเหล่านั้นร่วมมือกันก็เปิดค่ายกลนี้ไม่ได้!
ชิวสิงถอนสายตากลับมามองชิวเสวียน “เจ้าคิดว่าจะสู้กับข้าได้ด้วยการยึดครองร่างเพียงแค่ครึ่งเดียวอย่างนั้นหรือ?!”
“ชิวเสวียนใช้ชีวิตภายใต้การเฝ้าจับตาของข้านับตั้งแต่เกิดมา! ข้าเป็นผู้มอบทุกสิ่งให้กับเขา ต่อให้เจ้าผูกมัดเขาได้ แต่นั่นมันก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนอยู่ดี!”
“มารในใจ ต่อให้เจ้ามีความสามารถที่ทะลวงสวรรค์ได้ แต่หากยังผูกมัดกับชิวเสวียนไว้เช่นนี้ เจ้าก็เปลี่ยนโลกไม่ได้หรอก!”
ใบหน้าครึ่งหนึ่งของชิวเสวียนเผยรอยยิ้มอวดดี “แน่นอนว่าข้าย่อมทราบเรื่องนี้! แต่ว่านะตาเฒ่าเอ๋ย คิดว่าข้าจะมาเผชิญหน้ากับเจ้าโดยที่ไม่เตรียมตัวมาก่อนอย่างนั้นหรือ?!”
สายตาของชิวเสวียนหันไปมองในอากาศ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ เจ้าจะเอาแต่ดูการแสดงนี้ไปอีกนานเท่าไหร่?!”
“จุ๊ ๆ ข้ากำลังจะออกมาอยู่นี่ไง”
สิ้นเสียงอันเกียจคร้าน ชายในชุดคลุมก็ปรากฏกาย ลู่หยวนเอนกายอยู่ที่มุมหนึ่งของถ้ำด้วยท่าทีเฉยชา ขณะมองชิวเสวียนกับชิวสิง
“จะตะโกนใส่ข้าไปเพื่ออะไร? พวกเจ้ารีบสู้กันได้แล้ว ถ้าไม่ทำ แล้วข้าจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ตอนไหน?”
ชิวสิงรู้สึกหนักอึ้ง
เขาลืมไปว่าลู่หยวนกับชิวเสวียนต่างเป็นเมล็ดพันธุ์มาร ดังนั้นแต่ละคนก็น่าจะสัมผัสตัวตนของกันและกันได้ จนเกิดเป็นความสัมพันธ์บางอย่าง!
หากลู่หยวนกับชิวเสวียนผนึกกำลังกันต่อสู้ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อชิวสิงแน่นอน!
สถานที่ที่เขาวางแผนเอาไว้ไม่ใช่ตรงนี้!
ค่ายกลที่สามารถสังเวยลู่หยวนกับชิวเสวียนได้ก็ไม่อยู่ที่นี่เช่นกัน!
ชิวสิงหรี่ตาลง ขณะเหลือบมองลู่หยวน
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้ามีข้อตกลงที่อยากเสนอแก่เจ้า สนใจหรือไม่?”
ทันทีที่สิ้นคำ มารในใจก็เผยยิ้มหยัน
“คิก ๆ ชิวสิง ใครเขาจะเชื่อที่เจ้าพูดกัน? ที่เจ้าให้ลู่หยวนเข้ามาในดินแดนลับ ไม่ใช่เพียงเพราะหวังว่าเขาจะได้รับอาวุธมารหรือแบกรับคำสาปวิถีสวรรค์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการสังเวยพลังของอาวุธมารเหล่านี้ด้วย!”
“ต่อให้จำนนตอนนี้ บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ก็ไม่เชื่อเจ้าหรอก”
ใบหน้าของมารในใจพลันเผยรอยยิ้มแปลกประหลาด “คิก ๆ ต่อให้ลู่หยวนไม่ช่วยข้าสู้ในวันนี้ เขาก็ต้องฉวยโอกาสฆ่าเจ้าอยู่ดี!”
ทว่าสีหน้าของชิวสิงกลับสงบนิ่ง เพียงมองลู่หยวนโดยที่ไม่กล่าวอะไร
ลู่หยวนมองอีกฝ่ายกลับเช่นกัน เขากอดอกพิงกำแพงก่อนจะค่อยขยับนิ้ว
มารในใจมั่นใจมากว่าลู่หยวนจะไม่ทำข้อตกลงกับชิวสิง ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นคนที่จับตาดูและพยายามหาทางทำให้เขาตาย!
หากลู่หยวนไม่ใช่คนโง่ เขาย่อมไม่มีทางแลกเปลี่ยนกับคนเช่นนี้เด็ดขาด
“ตาเฒ่าเอ๋ย ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไม่มีใคร…”
ก่อนมารในใจจะทันเอ่ยคำซึ่งเปี่ยมด้วยความมั่นใจจบ เสียงของลู่หยวนก็ดังขัดขึ้นว่า “ในเมื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เจ้าก็ควรบอกราคาของสิ่งที่จะเสนอมาเพื่อที่ข้าจะได้ชั่งน้ำหนักดู”
ชิวสิงมีสีหน้าสงบ
ลู่หยวนช่างเป็นคนฉลาดหลักแหลมนัก!
บางครั้งชิวสิงก็รู้สึกสับสน เด็กคนนี้อาศัยอยู่ในเมืองลี้ลับหรือว่าเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่ากลับชาติมาเกิดกันแน่?!
เขาชอบทำสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้และยากจะคาดเดา ความอวดดีของเจ้าตัวฝักลึกไปถึงกระดูกราวกับไม่มีใครในโลกหล้าดีเท่าตน
มีเพียงคำว่าผลประโยชน์เท่านั้นที่สามารถโน้มน้าวเขาได้!
เช่นเดียวกับตอนนี้ แม้กระทั่งคนโง่ก็ยังคิดว่าต่อให้ชิวสิงจะเสนอราคาไปเท่าไหร่ ลู่หยวนก็ไม่มีทางตอบตกลงแน่นอน
ถึงอย่างไร ชิวสิงก็เปิดเผยเจตนาที่จะฆ่าเขามาแล้ว
แต่ชิวเสวียนกลับต่างออกไป แม้ทั้งสองจะเคยประมือกันมาบ้าง แต่ก็ไม่ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต และในเมื่อเรื่องราวนี้ได้ผ่านไปแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องมาจงเกลียดจงชังกันตอนนี้
แต่ลู่หยวนไม่ใช่คนอย่างนั้น ดูเหมือนว่าเขามาที่นี่เพื่อหวังผลบางอย่างจากการต่อสู้ครั้งนี้
ซึ่งนั่นก็คือดูว่าฝ่ายไหนจะให้ผลประโยชน์มากกว่ากัน
ต่อให้ชิวสิงหยิบยื่นสันติให้ เขาก็กล้ารับมันไว้!
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้าขอบอกเจ้าตามตรงก็แล้วกัน เป้าหมายในการเลี้ยงดูชิวเสวียนก็เพื่อให้ข้ากลายเป็นเทพ! หลายสิ่งได้ถูกเตรียมการเอาไว้แล้ว ที่เหลือก็แค่สังเวยเขาเท่านั้น!”
“และข้าก็ยอมรับเช่นกันว่ามีความคิดที่จะฆ่าเจ้า แต่นั่นก็เพราะเจ้าคือเมล็ดพันธุ์มารที่เป็นประโยชน์ต่อการทำให้ข้ากลายเป็นเทพ เพียงแต่ไม่ใช่ว่าจะขาดเจ้าไปเลยไม่ได้”
“หากยอมช่วยข้าปราบและทำการสังเวยชิวเสวียน! เมื่อข้ากลายเป็นเทพเมื่อไหร่ เจ้าก็จะเป็นผู้สืบทอดของทวยเทพเพียงคนเดียวในแผ่นดินหยวนหง!”
“เมื่อถึงตอนนั้น ต่อให้เจ้าอยากเป็นจักรพรรดิเพียงคนเดียวในแผ่นดินหยวนหง ข้าก็สามารถทำให้ตัวเองกลายเป็นเทพต่อไปได้!”
คำพูดของชิวสิงเต็มไปด้วยพลังอันผันผวน
มารในใจแย้มยิ้มอย่างมีความสุข “ใครเล่าจะล่วงรู้ว่าภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?”
ชิวสิงพยักหน้าเช่นกัน “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้าทำได้เพียงรับปากเจ้าเท่านี้ หากต้องการสิ่งอื่นใดก็ให้เอ่ยปากพูดมาได้เลย”
มารในใจหันมามองอย่างสงบ “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ถ้ายอมช่วยข้า ทุกสิ่งที่เป็นของข้าจะเป็นของเจ้า และจะยอมทำทุกอย่างตามที่เจ้าต้องการ!”
ลู่หยวนลดแขนลงราวกับตอบสนองต่อข้อเสนอของทั้งสองฝ่าย
ความเกียจคร้านบนใบหน้าเลือนหายไป
ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าของเขา คนหนึ่งจะต้องถูกสังเวยเพื่อให้ได้เส้นชีพจรแห่งสวรรค์คุณธรรม ส่วนอีกคนคือบุตรแห่งโชคชะตา
ชิ… ถึงอย่างไรพวกเขาก็ต้องตายอยู่แล้ว!
ลู่หยวนครุ่นคิดอย่างละเอียดว่าใครสมควรตายก่อนกัน
“เจิ้งชิงเทียน ค่ายกลสังเวยพร้อมแล้วหรือยัง?”
“นายท่าน ข้ายังไม่พร้อม!”
ถ้าอย่างนั้น…
สายตาของลู่หยวนจับจ้องไปทางชิวเสวียน “ข้าขอตัดสินใจฆ่าเจ้าก่อนก็แล้วกัน”