ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 435 ชิวสิงถูกกลืนกิน
บทที่ 435 ชิวสิงถูกกลืนกิน
บทที่ 435 ชิวสิงถูกกลืนกิน
ร่างของ ‘ชิวเสวียน’ สั่นไหว ก่อนที่น้ำเสียงอันแปลกประหลาดจะดังมาจากร่างของ ‘ชิวเสวียน’
“เป็นไปไม่ได้ ข้าหลอมวิญญาณของเจ้าไปแล้ว! เจ้าจะยังมีเศษเสี้ยววิญญาณได้อย่างไร?!”
“เศษเสี้ยววิญญาณหรือ?”
เสียงของชิวเสวียนดังมาจากร่างนั้นเช่นกัน “เหอะ ๆ ข้าบอกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ว่านี่คือเศษเสี้ยววิญญาณ?!”
ทันทีที่สิ้นคำ กลิ่นอายลึกลับก็เริ่มพลุ่งพล่านจากร่างของ ‘ชิวเสวียน’!
“สุนัขเฒ่า นี่เขาเรียกว่าดาบคืนสนอง!”
ร่างของ ‘ชิวเสวียน’ สั่นไหว เพียงชั่วพริบตา กลิ่นอายอันทรงพลังก็พุ่งออกไปทั่วทุกทิศทาง!
ชิวสิงไม่อาจควบคุมกลิ่นอายในร่างกายได้ มันเริ่มพลุ่งพล่านขณะปะทะเข้าใส่วิญญาณอย่างต่อเนื่อง!
วิญญาณชิวสิงอยากระดมกำลัง แต่พบว่าร่างนี้ไม่อยู่ในการควบคุมแล้ว!
พลังที่เขาสั่งสมมาคล้ายกับถูกผู้อื่นยึดครองไป!
ชิวสิงในตอนนี้จึงตระหนักได้ถึงบางอย่างทันที
เขามัวแต่ป้องกันการโจมตีของลู่หยวน จนลืมเจ้าสารเลวชิวเสวียนผู้นี้ไปเลย!
เพราะเขาคิดว่าการแทรกแซงเข้าร่างของชิวเสวียนเป็นเรื่องง่าย และวิญญาณซึ่งอยู่ในร่างอีกฝ่ายจะต้องถูกวิญญาณของเขายึดครองอย่างแน่นอน!
จากนั้นก็จะขับไล่วิญญาณอีกฝ่ายออกจากร่างไปได้!
แต่คาดไม่ถึงว่าในเวลานี้จะเป็นชิวเสวียนที่หลอกเขา!
เหตุการณ์นี้ไม่เหมือนตอนเผชิญหน้ากับลู่หยวน ที่เขายังมีโอกาสสู้กลับ ทว่าบัดนี้วิญญาณของชิวสิงอยู่ในร่างของชิวเสวียน ไม่ต่างอะไรกับการอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับอีกฝ่าย
เพราะต้องผสานกับร่างของชิวเสวียน ชิวสิงจึงผนึกพลังส่วนใหญ่หลังจากเข้าไป
ซึ่งพลังทั้งหมดที่สามารถใช้ได้ถูกนำไปผนึกในร่างของชิวเสวียน ราวกับถ้าไม่ใช่วิญญาณของชิวสิงก็จะไม่สามารถระดมพลังได้!
ซึ่งชิวเสวียนได้วางแผนด้วยการเหลือพื้นที่ว่างเอาไว้ ทำให้ชิวสิงเข้ามาได้อย่างง่ายดาย!
ดังนั้นเขาจึงได้คิดหาหนทางปราบชิวสิงไว้แล้ว!
“อ๊าก!”
สีหน้าของ ‘ชิวเสวียน’ เริ่มเกรี้ยวกราด แล้วพลังก็แทรกซึมเข้าสู่ร่างของ ‘ชิวเสวียน’ จากทั่วทุกทิศทาง!
เพียงหนึ่งถ้วยชาผ่านไป ทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบ!
ร่างของชิวเสวียนสงบลงอย่างสมบูรณ์!
กลิ่นอายของชิวสิงสูญสลายไปสิ้น!
ชิวเสวียนมองมือของตัวเอง ก่อนหัวใจจะสงบลง
เมื่อครู่เขาเดิมพันหมดหน้าตัก แต่สุดท้ายตนก็เป็นผู้ชนะ!
พลังในร่างกายยามนี้ได้เกิดความผันผวนอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งพลังนี้ล้วนแต่เป็นสิ่งที่ชิวสิงหลงเหลือไว้ให้!
ชิวเสวียนสามารถสัมผัสได้ว่าพวกมันทรงพลังมากแค่ไหน!
เขาเริ่มสัมผัสถึงผนึกที่เหลืออยู่ก่อนจะคิดคำนวณในใจ
ขอเพียงคลายผนึกอย่างราบรื่น จนปลดปล่อยพลังเหล่านี้ทั้งหมดออกมา เขาก็น่าจะมีสิทธิ์เข้าสู่ขั้นอมตยุทธ์!
อมตยุทธ์…
ชิวเสวียนมองไกลออกไปด้วยสายตาอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวจนดูไม่สมกับวัยในตอนนี้
ถึงแม้จะได้พลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้นมา แต่เขาก็ต้องอยู่เพียงลำพัง
ตระกูลชิว
ชิวเสวียนมีพลังอันแข็งแกร่งเพียงนี้ ชิวเซี่ยวเทียนจะต้องไม่กล้าเอ่ยคำใดก่อนจะปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน หากเขายังคงดื้อดึงก็สามารถบังคับให้อีกฝ่ายปฏิบัติต่อตนในฐานะชิวสิงก็ยังได้
แต่ชิวเสวียนไม่ต้องการ สถานที่แห่งนี้หาได้เหมาะกับเขาไม่!
เขาถูกจองจำอยู่ที่นี่มานานกว่ายี่สิบปี ทำให้วางแผนต่อต้านมาตั้งแต่จำความได้
จากนั้นพ่อผู้เป็นที่รักก็ถึงแก่ความตาย ส่วนบรรพชนที่เขาเคยคิดว่าเป็นคนอ่อนโยนกลับวางแผนตลบหลังตน
สำหรับชิวเสวียน ตระกูลชิวคือสถานที่อันน่าเศร้าโศก
เขาไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแล้ว
ส่วนตระกูลชิวที่เหลือจะไปอยู่ที่ไหน เขาไม่อยากเก็บมาใส่ใจ
ชิวเสวียนเงยหน้ามองอากาศ ลำแสงสาดส่องลอดผ่านชั้นหมู่เมฆ
แดนเซียน
ตอนนี้ชิวเสวียนพอจะมีเป้าหมายอยู่ในใจแล้ว
ชิวสิงมีอายุยืนยาว ไม่สนใจข้อพิพาทบนแผ่นดิน เขาเพียงพุ่งเป้าไปที่แดนเซียน
สิ่งที่พบได้ในแดนเซียนแห่งนั้นคืออะไร?
ต้องไปดูด้วยตาตัวเอง!
เมื่อชิวเสวียนตัดสินใจได้แล้ว เขาก็เตรียมไปจากตระกูลชิว
ทันใดนั้น น้ำเสียงอันเกียจคร้านก็ดังมาจากด้านข้าง
“อย่าเพิ่งไป!”
ชิวเสวียนหันไปมองด้านข้างก่อนจะพบกับลู่หยวน
เขาคิ้วขมวด ในอดีตพวกเขาก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางร้ายแรงระหว่างกัน
เขาในยามนี้เริ่มคิดถึงทุกสิ่งที่เกิดในตระกูลชิว
ต่อให้ลู่หยวนฆ่าคนอื่นในตระกูลชิว ก็หาได้เกี่ยวกับเขาไม่
หากต้องการยึดครองอาณาเขตของตระกูลชิวก็เชิญตามสบาย
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่”
ชิวเสวียนขมวดคิ้ว “เรื่องบาดหมางระหว่างเจ้ากับข้า พวกเราเพียงยิ้มรับแล้วลืมมันไปจะดีกว่า ข้ามีเป้าหมายอยู่ในใจแล้ว เจ้ากับข้าก็อย่าได้ก้าวก่ายกันอีก หากภายภาคหน้ามีโอกาสได้พบกัน ถึงตอนนั้นค่อยกลับมาเป็นสหายก็ยังไม่สาย”
ลู่หยวนเผยรอยยิ้มเย้ยหยัน “สหายหรือ? ข้าไม่มีสหายเช่นเจ้าหรอก!”
ชิวเสวียนทราบดีว่าแม้จะสืบทอดพลังของชิวสิงมาแล้ว แต่พลังส่วนใหญ่ก็ยังถูกผนึกเอาไว้
ลู่หยวนผู้มีพลังเต็มเปี่ยมย่อมสามารถสู่ทัดเทียมกับชิวสิงได้ ถ้าเปิดฉากสู้กันตอนนี้ เขาจะกลายเป็นฝ่ายโดนไล่ต้อนเพียงฝ่ายเดียว!
ชิวเสวียนไม่อยากเป็นศัตรูกับคนแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอดทน
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ เจ้าต้องการจะทำอะไรกันแน่?”
“ทำอะไรงั้นหรือ?”
ลู่หยวนยกกระบี่ขึ้นแล้วชี้ออกไป “ช่วงชิง!”
“ข้าต้องการทุกสิ่งที่อยู่ในตัวเจ้า!”
ชิวเสวียนคิดว่าลู่หยวนกำลังพูดถึงอาวุธ แต่เมื่อกำลังจะหยิบออกมา เขาก็เห็นอีกฝ่ายพุ่งตรงเข้ามาแล้ว!
ชายหนุ่มเองก็ลงมือทันที แล้วพลังมารกับพลังวิถีคุณธรรมรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกระบี่ใหญ่
กระบี่เล่มใหญ่ปรากฏขึ้น ก่อนจะรับการโจมตีจากลู่หยวน
ลู่หยวนระดมพลังทั้งหมดก่อนจะโจมตีด้วยคลื่นอันบ้าคลั่ง!
“ระบบ ข้าต้องการฆ่าชิวเสวียน!”
ลู่หยวนอธิบายให้ระบบซึ่งอยู่ในก้นบึ้งของหัวใจทราบ
[แจ้งเตือนจากระบบ: ไม่แนะนำให้ท่านใช้กำลังในการฆ่า! แม้ชิวเสวียนผู้เป็นบุตรแห่งโชคชะตาจะไม่ทรงพลังเท่าท่าน แต่เขามีค่าชะตามากเกินไป หากใช้กำลังในการฆ่าก็มีโอกาสสูงที่จะเกิดทัณฑ์จากวิถีสวรรค์!]
“ใครสั่งสอนให้มาแนะนำ! ข้าเพียงบอกให้เจ้าทราบว่าจงเตรียมแลกของให้พร้อมทุกเมื่อ!”
[รับทราบ!]
ลู่หยวนพลิกง้าวในมือเพื่อปัดป้องกระบี่ใหญ่เล่มนั้น
ค่าชะตาแปดหมื่นแปดพันแต้ม!
เห็นขนาดนี้แล้ว ใครเล่าจะไม่อิจฉาตาร้อน
ลู่หยวนไม่คิดจะเล่นสนุกกับชิวเสวียนอีก เพราะอย่างนั้นอีกฝ่ายจะต้องตายในวันนี้!
ส่วนทัณฑ์จากวิถีสวรรค์น่ะหรือ?!
ลู่หยวนเตรียมพร้อมมานานแล้ว!
เขาอยากรู้นักว่าทัณฑ์จากวิถีสวรรค์ที่เกิดจากการใช้กำลังฆ่าผู้ที่มีค่าชะตาแปดหมื่นแปดพันแต้มมันจะสักแค่ไหนกันเชียว!
ลู่หยวนเต็มไปด้วยจิตสังหาร ส่วนชิวเสวียนก็เข้าใจความหมายของอีกฝ่ายเช่นกัน ว่าวันนี้มีเพียงคนเดียวที่จะสามารถรอดชีวิตกลับไปได้!
ถึงแม้ชิวเสวียนจะไม่ทราบว่าเหตุใดลู่หยวนถึงมีจิตสังหารเช่นนั้นต่อเขา
เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าก็ไม่อาจหาเหตุผลมารองรับได้
กรณีเลวร้ายที่สุด ชิวเสวียนจะต้องยอมยกอาวุธมารเหล่านั้นให้แก่ลู่หยวนเพียงเพื่อจะสานสัมพันธ์กับอีกฝ่าย
แต่ลู่หยวนกลับไม่ตอบตกลง
“ลู่หยวน ในเมื่อเจ้าอยากสู้นัก! เช่นนั้นก็มาสู้กัน ถึงเวลาแสดงให้เห็นแล้วว่าข้าสามารถใช้พลังที่อยู่ในร่างนี้ได้มากน้อยแค่ไหน!”