ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 442 ปะทะอัสนีสวรรค์จากวิถีสวรรค์
บทที่ 442 ปะทะอัสนีสวรรค์จากวิถีสวรรค์
บทที่ 442 ปะทะอัสนีสวรรค์จากวิถีสวรรค์
พวกคนจากแดนมัชฌิมถูกชิวชิงหลีหยุดไว้ ทำให้ผู้คนทั้งหลายที่ข้องเกี่ยวกับค่ายกลยันต์ของลู่หยวนทราบว่านางได้ติดต่อกับอีกฝ่ายเช่นกัน
พวกเขาในตอนนั้นต่างร่วมมือกันคลี่คลายเรื่องราวในแดนมัชฌิม จึงนับว่าคุ้นหน้าค่าตากันเป็นอย่างดี
สายตาของพวกเขาในยามนี้สบกันอย่างเข้าใจความหมาย อารมณ์ของทุกคนจึงสงบลงจนไม่หลงเหลือความวิตกอีกต่อไป
กู่จินเจาขมวดคิ้ว นางไม่ได้มีการเชื่อมโยงกับลู่หยวนเช่นนั้น แต่ถูกอีกฝ่ายควบคุมด้วยผลจากเส้นชีพจรจักรพรรดิ!
นางในตอนนี้ยังไม่เชื่อคำพูดของชิวชิงหลี แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่กังวลของพวกฉินอี่หาน นางจึงรู้สึกสงบลง
ฮ่วนซิงไป๋สับสน ยามมองออกไปไกลลิบ ในเวลาเดียวกันนั้นหมู่เมฆกำลังเคลื่อนตัว มาพร้อมกับชั้นม่านหมอกนับไม่ถ้วน ราวกับสายฟ้าจะฟาดลงมาทุกเมื่อ!
บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่… เพิ่งผ่านการทะลวงมาไม่ใช่หรือ?!
เหตุใดตอนนี้จึงยังทำการทะลวงอีก?!
ชิวชิงหลีไม่ขยับแม้แต่นิดเดียว ขณะขวางทางกลุ่มคนไว้ ทำให้คนทั้งหลายเกิดความสงสัย
ทันใดนั้น ชิวชิงหลีก็กังวลขึ้นมา ก่อนจะกางเขตอาคมออก ทำให้ทิวทัศน์ซึ่งอยู่ไกลออกไปดูเลือนราง
ผู้คนจากสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ขมวดคิ้ว ยิ่งทำแบบนี้ ก็ยิ่งดูน่าสงสัย
แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยอะไร!
และในตอนนี้เองที่พวกซ่งชิงก็ตามมาทัน!
ก่อนชิวชิงหลีจะทันได้ห้ามปราม พวกเขาก็มาหยุดยืนอยู่ข้างกายพวกแดนมัชฌิม!
ซ่งชิงซึ่งเป็นผู้นำยืนเอามือไพล่หลัง เขาหรี่ตามองไกลออกไปซึ่งถูกเขตอาคมผนึกเอาไว้!
คนที่เหลือซึ่งติดตามซ่งชิงต่างมีสีหน้ามั่นใจ
พลังที่ถูกสะกดไว้กำลังบอกผู้อื่นว่าพวกเขาไม่ใช่คนที่จะหาเรื่องได้!
ชายร่างสูงในสภาพเปลือยเปล่าท่อนบนยืนกอดอกอยู่ด้านหลังซ่งชิง เขาชำเลืองมองเขตอาคม ก่อนจะสูดหายใจแล้วพ่นลมอย่างเย็นชา “เหอะ… ปากบอกว่ากำลังทะลวง แต่ถึงขั้นกางอาณาเขตเพื่อทำให้กลิ่นอายคลุมเครือ คงไม่ใช่กำลังทำเรื่องน่าอับอายใช่หรือไม่!”
ผู้ชายในชุดสีขาวยกยิ้มแล้วเอ่ย “พี่จ้าวเยี่ยน สิ่งที่ท่านพูดมามีเหตุผล!”
ทั้งสองคนไม่ลดเสียงขณะสนทนา ทำให้พวกแดนมัชฌิมได้ยินทุกคำพูด!
ส่วนคนของเสวียนเทียนชวนมีท่าทีสงบขณะเมินเฉยเสียงสุนัขเห่า
ถึงแม้จะไม่ทราบสถานการณ์ของลู่หยวนในตอนนี้ แต่ในเมื่อชิวชิงหลีห้ามไว้ แสดงว่าเรื่องนี้ต้องข้องเกี่ยวกับตัวตนเมล็ดพันธุ์มารของนายท่านไม่ผิดแน่!
พวกเขาจะมาก่อปัญหาในเวลาแบบนี้ไม่ได้!
สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือรอให้ลู่หยวนผ่านช่วงเวลานี้ไปก่อน เมื่อทุกอย่างผ่านพ้นไปอย่างปลอดภัย ก็ไม่สายเกินไปที่จะมากังวลเรื่องอื่น!
ฮ่วนซิงไป๋กลับไม่มีความคิดเช่นนี้ เขาหันไปมองทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น!
รากฐานของทวยเทพผู้ถูกเนรเทศระเบิดออกมาก่อนจะถูกกำราบทันที!
ทันทีที่กลิ่นอายระเบิดออกมา ผู้คนทั้งหลายซึ่งอยู่ด้านหลังซ่งชิงก็สัมผัสได้ ผู้ชายที่ชื่อจ้าวเยี่ยนก็ไม่ยอมแพ้ ก้าวมาข้างหน้าพร้อมลวดลายเพลิงแปลกประหลาดเริ่มปรากฏบนร่างเปลือยเปล่าท่อนบน
พลังที่ระเบิดออกมาในชั่วพริบตาได้สะกดกลิ่นอายทั้งหมดที่มาจากฮ่วนซิงไป๋ได้ในบัดดล!
ฮ่วนซิงไป๋ขมวดคิ้ว พร้อมกับจิตวิญญาณต่อสู้ปะทุขึ้น!
ตอนนี้เองที่กู่จินเจาส่งเสียงตะโกน “ฮ่วนซิงไป๋!”
เสวียนเทียนชวนผู้อยู่ใกล้ฮ่วนซิงไป๋ที่สุดคว้าชายเสื้อของอีกฝ่ายเอาไว้ขณะเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ “พวกเราต้องรอจนกว่านายท่านจะออกมา!”
จากนั้นฮ่วนซิงไป๋จึงสงบสติลง แต่สายตาของเขายังคงเหลือบมองจ้าวเยี่ยนด้วยความไม่พอใจ
เมื่อเห็นฮ่วนซิงไป๋ไม่มีกำลังใจจะสู้ต่อ จ้าวเยี่ยนจึงเย้ยหยัน “อย่าทำมาเป็นอวดเก่ง…”
ก่อนจะทันได้เอ่ยจบ เขาก็รู้สึกถึงพลังมหาศาลของวิถีหอกที่เคลื่อนผ่านอากาศ พลันกดลงบนบ่า!
พรวด!
โลหิตของจ้าวเยี่ยนเดือดพล่านจนกระอักออกมา
กระดูกไหล่สั่นสะท้าน!
น้ำเสียงเย็นชาซึ่งเป็นของหลิงอวิ๋นดังขึ้น “ดูแลสุนัขของตัวเองหน่อย”
ประโยคนี้เป็นการบอกกล่าวกับซ่งชิง
ซ่งชิงยิ้มเจื่อน เพียงเขาขยับนิ้วก็ยกวิถีหอกทั้งหมดที่หลิงอวิ๋นสำแดงออกมาได้!
หลังจากจ้าวเยี่ยนพ้นเคราะห์ เขาก็ฝืนทนต่อความเจ็บปวดก่อนจะคารวะซ่งชิง “ข้าทำให้ท่านประมุขน้อยต้องอับอายแล้ว”
ซ่งชิงไม่ตอบ แต่ประสานนิ้วเข้าด้วยกันก่อนจะพลิก แล้วเจตจำนงกระบี่ซึ่งอยู่ในอากาศก็ทะยานผ่านวิถีสวรรค์เพื่อกำราบเจตจำนงหอกของหลิงอวิ๋น!
ซ่งชิงเงยหน้ามองหลิงอวิ๋น “เรื่องในวันนี้”
ก่อนจะทันได้เอ่ยจบ เขาพลันเห็นสายฟ้าพาดผ่านทั่วท้องนภา!
สายฟ้าสีม่วงทะลวงผ่านเขตอาคม ความหนาของมันเทียบเท่ากับมนุษย์ผู้หนึ่ง!
ความคิดของทุกคนจดจ่อไปที่เขตอาคม ฉากของวิถีสวรรค์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!
นอกตระกูลชิว!
ลู่หยวนกับอูโจ้วยืนอยู่ในอากาศ ส่วนสายฟ้าที่อยู่ในหมู่เมฆสีดำคล้ายกับจะสำแดงเดช!
ครืน!
สายฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งวิถีสวรรค์ไร้ที่สิ้นสุดพลันฟาดตรงเข้ามาที่ลู่หยวน!
ลู่หยวนในตอนนี้เองสัมผัสได้เช่นกันว่ามีบางอย่างเพ่งเล็งตนอยู่ แล้วความรู้สึกสิ้นหวังซึ่งเกิดจากโชคชะตาก็ก่อตัวขึ้น!
เมื่อสายฟ้ากำลังจะข้ามผ่านหมู่เมฆ ชุ่ยฮวาก็ฉวยโอกาสพุ่งออกไป มันอ้าปากขนาดยักษ์แล้วกัดส่วนหนึ่งของสายฟ้า!
สายฟ้าที่เหลือเคลื่อนลงมาพร้อมแรงกดดัน!
พลังมารทะยานสู่จุดสูงสุด ทำให้หอคอยอสูรสวรรค์มีขนาดใหญ่ขึ้น ก่อนจะกระจายไปทุกทิศทาง!
เมื่อสายฟ้าฟาดลงมา พลังมารก็รวมตัวกันก่อนจะฟาดฟันออกไปประหนึ่งกระบี่ใหญ่!
ชิ้ง!
เสียงแผ่วเบายิ่งดังขึ้นยามกระบี่ใหญ่ตัดผ่านสายฟ้า จากนั้นกลิ่นอายมารก็กระจายปกคลุมอัสนีส่วนหนึ่งไว้ แล้วดึงกลับเข้าไปในหอคอย!
หอคอยอสูรสวรรค์หดลงในพริบตา จากนั้นจึงลอยกลับมาหาลู่หยวน
[แจ้งเตือนจากระบบ: พลังที่หอคอยอสูรสวรรค์ได้รับแข็งแกร่งเกินไป ทำให้มันตกอยู่ในห้วงนิทรา!]
[คาดการณ์ห้วงเวลานิทรา: ไม่ทราบ!]
การกลืนกินของหอคอยอสูรสวรรค์ในตอนนี้ไม่สามารถทำให้สายฟ้าสวรรค์หายไปได้ถึงหนึ่งในสิบส่วนด้วยซ้ำ!
มังกรสายฟ้าที่เดิมมีขนาดใหญ่ถูกชุ่ยฮวากับหอคอยอสูรสวรรค์ลดทอนกำลัง ทำให้มันหดเหลือขนาดเท่าอสรพิษสายฟ้าเท่านั้น!
อสรพิษตัวใหญ่ยังคงอ้าปากกว้าง ก่อนจะพุ่งเข้าหาลู่หยวน!
อูโจ้วก้าวไปอยู่หน้าลู่หยวนก่อนจะร่ายวิชาในมืออย่างรวดเร็ว!
ค่ายกลซึ่งเป็นของโลกปรภพถูกเปิดออก แล้วหลุมดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้น!
สายฟ้าสวรรค์ฟาดลงมาในตอนนี้!
ตู้ม!
สายฟ้าสวรรค์พลันหายไป ยามพลังส่วนใหญ่ของมันถูกโลกปรภพกลืนกินเข้าไป!
อูโจ้วรีบผนึกโลกปรภพเพื่อป้องกันไม่ให้สายฟ้าที่เพิ่งถูกกลืนกินเข้าไปหลุดรอดไปได้!
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ เขาจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะถอยออกมาไกล
เขาไม่อาจขัดขืนสายฟ้าที่กำลังจะเคลื่อนเข้ามาหลังจากนี้ได้!
ลู่หยวนยืนอยู่เพียงลำพังบนอากาศขณะเผชิญหน้ากับหมู่เมฆที่เคลื่อนตัวไปมา แล้วง้าวมังกรครามแปดแดนร้างในมือก็สั่นไหว!
สิ้นการกระทำดังกล่าว สายฟ้าสวรรค์ก็อ่อนกำลังลงมาก!
การโจมตีครั้งต่อไปจะไม่มีใครมาช่วยรับแทน ซึ่งลู่หยวนต้องเผชิญหน้ากับมันเอง!
——————————-