ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 47 เผ่าภูตผียอมจำนน (ต้น)
บทที่ 47 เผ่าภูตผียอมจำนน (ต้น)
บทที่ 47 เผ่าภูตผียอมจำนน (ต้น)
ความไม่เต็มใจอัดแน่นในดวงตาของบุตรแห่งโชคชะตา สัตว์เทพไป๋เจ๋ออยู่ตรงหน้าไม่ไกลนัก โชคลาภสูงสุด… อยู่เพียงแค่เอื้อม เช่นนั้นทำไมต้องส่งทั้งหมดนี้ให้กับชายตรงหน้าผู้อยู่ที่นี่ด้วย?!
ไม่มีทาง!
ไป๋อู๋อีลอบขยี้ยันต์ในมือ ร่างที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วของเผ่าภูติผีที่ห่างออกไปนับหมื่นลี้พลันหยุดนิ่ง
กุ่ยเหยียนกล่าวว่า “นายท่านกำลังเรียกพวกเรา”
กุ่ยซู่มอง ‘ลู่หยวน’ คนที่ตนกำลังไล่ตามจนใกล้จะทัน
ดวงตาลุกโชนค่อย ๆ เย็นชาขึ้นมาราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง นางเดาะลิ้น ก่อนหันหลังอย่างไม่สนใจ “ไปกันเถอะ”
ทั้งสองออกเดินทางทันที มุ่งสู่ทางที่เจ้านายอยู่
ทรายสีอำพันล่องลอยอยู่ในอากาศ เทียนเม่ยเอ๋อร์วิ่งอย่างบ้าคลั่งอยู่บนดินแดนแห้งแล้งในรูปลักษณ์ของลู่หยวน
นางไม่สังเกตเห็นแม้แต่น้อยว่ากลุ่มคนที่กำลังไล่ตามมาอย่างเอาเป็นเอาตายเมื่อครู่ได้จากไปแล้ว
องค์หญิงหางจิ้งจอกวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง ขณะก่นด่าเจ้านายอยู่ในใจ
เจ้าลู่หยวนตัวเหม็น! เจ้าสารเลวลู่หยวน! ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดแย่ ๆ อย่างการให้ข้าปลอมเป็นเจ้า ข้าคงไม่ถูกล่าโดยผู้คนมากขนาดนี้หรอก!
หากข้าตายที่นี่ขึ้นมา ข้าจะกลายเป็นผีจิ้งจอก เพื่อมาหลอกหลอนเจ้าทุกวันเลย!
เทียนเม่ยเอ๋อร์รู้สึกว่าขามนุษย์ช้าเกินไป แต่เพราะอยู่ในร่างมนุษย์ จึงทำให้วิ่งด้วยขาสองข้างไม่ถนัดนัก
แต่ไม่ว่าในใจจะก่นด่าแค่ไหน ยันต์ในมือที่ถืออยู่ก็ยังไม่ถูกขยี้
ในเวลาเดียวกัน ลู่หยวนผู้ยืนอยู่ตรงหน้าไป๋อู๋อีเชิดหน้า มองอีกฝ่ายจากมุมสูง เมื่อพบว่าอีกฝ่ายขยี้ยันต์ทิ้งไป ชายหนุ่มจึงชูนิ้วขึ้น อักขระสวรรค์จำนวนมากพลันปรากฏขึ้นจากอากาศธาตุ กักขังบุตรแห่งโชคชะตาเอาไว้
ตอนชายชุดขาวขยี้ยันต์ เขาต้องกำลังเรียกใครให้มาช่วย ซึ่งลู่หยวนย่อมรู้ดีกว่าใครว่าต้องเป็นเผ่าภูติผีอย่างแน่นอน
เขาอยากพบคนเหล่านั้นเช่นกัน…
ลู่หยวนเคยถามเฉาหงเกี่ยวกับเรื่องของเผ่าภูติผี ทำให้ทราบบางสิ่ง
เผ่าภูติผีนี้โหดเหี้ยมโดยธรรมชาติ ให้ความเคารพผู้แข็งแกร่ง ฉะนั้นจะด้อยกว่าไป๋อู๋อีผู้อยู่เพียงขั้นครึ่งก้าวสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์ได้อย่างไร?
จะต้องมีเงื่อนงำบางอย่างอยู่เป็นแน่!
ยิ่งกว่านั้น พลังที่ถูกโลกดูแคลนอย่างเผ่าภูติผี ก็คือพลังที่เขาอยากบ่มเพาะมาตลอดไม่ใช่หรือ?
หากมองในมุมหนึ่ง เผ่าภูติผีก็เหมือนกับเขา เป็นตัวตนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับโลกใบนี้
ขอเพียงกำราบคนเหล่านี้จนหมดสภาพได้ ก็จะกลายเป็นกองกำลังที่จงรักภักดีต่อเขาอย่างแน่นอน!
ไป๋อู๋อีผู้ถูกกักขังดิ้นรนอยู่พักใหญ่ แต่ไม่สามารถเป็นอิสระจากตัวอักขระสวรรค์ได้
เขาไม่เข้าใจว่าการที่ลู่หยวนกักขังเช่นนี้แทนที่จะฆ่ามีความหมายอย่างไร ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ไม่มีประโยชน์ที่จะทำอะไรแบบนี้
ผ่านไปหลายอึดใจ เขาจึงหยุดดิ้นรน นั่งขัดสมาธิ พยายามสุดความสามารถเพื่อฟื้นคืนพลังในร่างกายที่สูญเสียไปกลับมา
ผ่านไปสักพัก คนจากเผ่าภูติผีก็มาถึง…
เมื่อพวกกุ่ยซู่มาถึง พวกเขาพบว่าเจ้านายถูกขังเอาไว้ โดยมีลู่หยวนยืนอยู่ตรงหน้าด้วยท่าทีสงบนิ่งไม่ทุกข์ร้อนใด ๆ
ทุกคนตกตะลึง เมื่อครู่พวกเขายังคงไล่ตาม ‘ลู่หยวน’ อยู่ แล้วทำไมคนผู้นี้จึงมาถึงที่นี่ก่อนได้?
บุตรแห่งโชคชะตามองคนเหล่านั้น พลางยืนเอามือไพล่หลัง และถามเข้าประเด็นว่า “ข้าต้องการรับพวกเจ้ามาอยู่ใต้อาณัติ ไม่ทราบว่าคิดเห็นอย่างไร?”
เผ่าภูติผีได้ยินดังนั้นต่องก็พากันตกตะลึง เมื่อครู่พวกเขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่หรือไม่ ลู่หยวนอยากรับพวกเขางั้นหรือ?!
กุ่ยซู่เป็นคนแรกที่ตอบสนอง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน คิ้วขมวดขึ้น “แค่เจ้าคนเดียวน่ะหรือ?”
หลังได้ยินน้ำเสียงเหยียดหยามของเผ่าภูตผี ลู่หยวนยกมุมปากก่อนจะเรียกระบบในใจ
“ระบบ ตรวจสอบผู้นำ”
[เริ่มการตรวจสอบ]
[การตรวจสอบสำเร็จ!]
[นาม : กุ่ยซู่
ฐานการบ่มเพาะ : ขั้นเทียมเทพ ระดับสูง
สายเลือด : ภูตผี
สถานะ : ถูกประทับตราทาส!]
ถูกประทับตราทาส?!
ดวงตาของลู่หยวนหลุบลง ไม่แปลกใจเลยที่คนเหล่านี้เชื่อฟังไป๋อู๋อีมากนัก
“ระบบ มีวิธีลบตราทาสบนร่างกายพวกมันหรือไม่?”
[การลบตราทาสต้องการค่าชะตาวายร้าย 6,000 แต้ม!]
[แต้มปัจจุบันของท่านคือ 1,000 แต้ม!]
ดูเหมือนจะไม่พอ…
ลู่หยวนจำได้ว่าเขายังสามารถเพิ่มค่าชะตาวายร้ายได้ถึง 10,000 แต้ม หลังจากหยิบมาใช้ล่วงหน้า เขาจะมีแต้มมากพอที่จะปลดเครื่องหมายทาสของเผ่าภูตผีนี้ได้
“ระบบ แล้วหากข้าต้องการประทับตราทาสในเผ่าภูตผีทั้งหมด ต้องใช้ค่าชะตาวายร้ายเท่าใด?”
[ระบบแจ้งกลับมาว่าไม่แนะนำให้ใช้ค่าชะตาวายร้ายเพื่อประทับตราทาสเผ่าภูตผีทั้งหมด เพราะจะใช้ค่าชะตาวายร้ายมากเกินไป หากให้คำนวณแล้วเบื้องต้นคือ 30,000 แต้ม!]
เมื่อเห็นลู่หยวนไม่พูดอะไรต่อ กุ่ยซู่จึงไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร ส่วนไป๋อู๋อีที่อยู่ด้านข้างก็ขยิบตาให้กับพวกเขาเพื่อส่งสัญญาณให้บุกเข้าช่วยเหลือ
กุ่ยเหยียนชำเลืองมองบุตรศักดิ์สิทธิ์พร้อมหลบเลี่ยงใครบางคน แต่ขณะนั้นเอง ชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นสิบวิถีอักขระสวรรค์ สะบั้นจักรพรรดิปรากฏขึ้นบนพื้นเพื่อขัดขวางการเคลื่อนไหวของกุ่ยเหยียน
ชั่วเวลานี้ เขาเห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง แววตาเผยความมั่นใจราวกับทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของตนเองหมดสิ้นแล้ว
“แล้วจะเป็นอย่างไรหากข้าผู้นี้มีวิธีปลดตราทาสของเจ้า?”
ทันทีที่เขากล่าวออกมาเช่นนี้ ทุกคนในเผ่าภูตผีถึงกับมองลู่หยวนด้วยแววตาประหลาดใจ
ความตื่นเต้นยินดีฉายชัดในสายตาของพวกเขา
หากตราทาสถูกปลดออก พวกเขาจะกลายเป็นอิสระ และไม่ต้องเชื่อฟังมนุษย์อีกต่อไป!
ในเวลานั้น พวกเขาไม่จำเป็นต้องอาศัยอยู่ในที่มืดและอับชื้น แต่สามารถอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์เจิดจ้า และเข่นฆ่าได้อย่างอิสระ!
เมื่อนึกถึงชีวิตที่สดใสเหล่านั้น โลหิตในกายพลันพลุ่งพล่าน ความปรารถนาปรากฏในแววตา
เมื่อไป๋อู๋อีเห็นอย่างนั้น เขาจะไม่ทราบได้อย่างไรว่าเผ่าภูตผีพวกนี้กำลังถูกล่อลวง?
เขาตะโกนด้วยความโกรธ “พวกเจ้าคิดหักหลังข้างั้นหรือ?!”
ทันทีที่กล่าวจบ ความเจ็บปวดล้นหลามปะทุขึ้นในจิตใจของเผ่าภูตผีหลายคน ใบหน้าของพวกเขาซีดขาว เจ็บปวดจากส่วนลึกของร่างกาย มือใหญ่ไร้รูปร่างกำลังบีบรัดหัวใจของพวกเขาไว้แน่น ราวกับจะฉีกขาดมันได้ตามใจนึก
ลู่หยวนเคลื่อนไหวในใจ ลำแสงสีแดงปรากฏขึ้นจากทุกทิศทาง ห่อหุ้มใครหลายคนเอาไว้ แล้วก่อตัวเป็นพื้นที่ปิดทันที
เวลานั้นเองความเจ็บปวดที่ทำร้ายพวกเขาก็ค่อย ๆ จางหายไป และกลับมามีลมหายใจผ่อนคลายได้อีกครั้ง
กุ่ยซู่สูดลมหายใจลึก มองลำแสงสีแดงรอบกายและมีเส้นสีเข้มปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของชายหนุ่ม เขาจึงตระหนักได้ว่าสิ่งนี้คือพลังของอีกฝ่าย
ขั้นการบ่มเพาะของลู่หยวนสูงกว่าไป๋อู๋อี ดังนั้นการขยายอาณาเขตของบุตรศักดิ์สิทธิ์จึงช่วยเหลือพวกเขาให้หลุดพ้นจากพันธนาการทาสจากบุตรแห่งโชคชะตาได้ชั่วคราว
คุณชายผู้นี้ยังหนุ่ม แต่เขาก็สามารถทะลวงผ่านขอบเขตได้ นับว่าอนาคตของคนผู้นี้ไร้ขีดจำกัดอย่างแท้จริง!
กุ่ยซู่ระงับความประหลาดใจในแววตา ก่อนจะกล่าวคำอย่างใจเย็น “ไม่ต้องพูดถึงว่าตราประทับทาสเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลที่พวกเราเคารพนับถือ และมันคือตราประทับทาสทางสายเลือดจากรุ่นสู่รุ่น เท่าที่ข้าทราบ ตราประทับทาสลักษณะนี้ภายในแผ่นดินหยวงหงเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแก้ไขได้”
กุ่ยซู่เงยหน้าขึ้น แววตาเผยความเย็นชา “แต่ถึงแม้เจ้าจะแก้ไขมันได้ แต่เจ้าก็คงต้องการจะให้ข้าภักดีต่อเจ้าใช่หรือไม่? สุดท้ายพวกเราก็ยังเป็นทาสของมนุษย์เช่นเดิม!?”
“เจ้าพูดถูก”
ลู่หยวนตอบกลับตามตรง “เจ้าเป็นของข้าแล้ว และข้าจะหาทางกดข่มพวกเจ้าให้เชื่อฟัง”
เผ่าภูตผีเผยจิตเป็นปรปักษ์พร้อมสายตาดุร้าย
แน่นอนว่ามนุษย์ไม่มีทางทำดีเพื่อเผ่าภูติผี สุดท้ายคนเหล่านั้นก็เพียงต้องการให้พวกเขาเป็นทาสรับใช้!