ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 480 เทียนเม่ยเอ๋อร์เดินทางกลับ
บทที่ 480 เทียนเม่ยเอ๋อร์เดินทางกลับ
บทที่ 480 เทียนเม่ยเอ๋อร์เดินทางกลับ
หลังจากรักษาอาการบาดเจ็บให้คงที่แล้ว ฉีเจ๋อก็นำคนออกจากค่ายกล
ยามนี้เผ่าพยัคฆ์เมฆาปราศจากสิ่งมีชีวิตอื่น
ฉีเจาอดไม่ได้ที่จะยิ้มเย้ยหยันเมื่อมองดูซากปรักหักพังรอบข้าง
“เดรัจฉานก็คือเดรัจฉาน หากข้าบุกดินแดนพยัคฆ์เมฆาก็คงใช้เวลายึดครองในเวลาอันสั้นก่อนจะปล้นของแล้วจากไป หากข้าเป็นจักรพรรดิจิ้งจอกสวรรค์ผู้นั้น ทั่วทั้งดินแดนจะต้องตกอยู่ในกำมืออย่างแน่นอน!”
ฉีเจ๋อไม่ได้เอ่ยอะไรหลังจากได้ฟังคำพูดของฉีเจา
ถึงอย่างไรความคิดของเขาในตอนนี้ยังคงจดจ่ออยู่กับอนาคต
ฉีเจาคือเมล็ดพันธุ์มาร ไม่ว่าเขาพยายามจะปกปิดอย่างไรก็ยังคงมีกลิ่นอายมารปรากฏในทุกหนแห่งที่เดินผ่าน
การปกปิดตัวตนของอีกฝ่ายจึงเป็นไปได้ยาก!
“แค่ก… แค่ก… แค่ก…”
ฉีเจ๋อไอสองสามครั้งก่อนจะรู้สึกอ่อนแรง เขารีบหยิบยาที่พบก่อนหน้านี้ออกมาแล้วดื่มเข้าไปเพื่อทำให้ร่างกายฟื้นตัวก่อนจะสงบสติลงได้
“พวกเราจะไปไหนต่อ?”
ฉีเจ๋อเอ่ยถาม ตอนนี้เขาเพียงคาดเดาได้ว่าดินแดนพยัคฆ์เมฆาปลอดภัย ถึงกระนั้นก็ยังไม่อาจรู้ว่าคนจากเผ่าจิ้งจอกสวรรค์เหล่านั้นออกไปแล้วหรือว่ายังอยู่ที่อื่น
ฉีเจ๋อไม่อาจตัดสินได้ว่าจะไปที่ใดชั่วขณะจนอยากถามฉีเจาถึงความหมายของคำพูดเมื่อครู่
ฉีเจามีความคิดอยู่ก่อนแล้ว “ไม่จำเป็นต้องไป พวกเราจะรออยู่ที่นี่! รอให้โลหิตกำเนิดสรรพสิ่งปรากฏขึ้นมา! รวมถึงกระบี่มารแปดแดนร้าง!”
ถึงอย่างไรตอนนี้เขาก็แทบไม่ต่างจากคนพิการ แม้กลิ่นอายมารจะยังคงอยู่ แต่หลังจากถูกกักขังมาหลายปี การบ่มเพาะก็ลดลงไปมาก ซึ่งสิ่งที่เขาปรารถนาที่สุดในตอนนี้คือวัตถุฟ้าสมบัติดิน!
และโลหิตกำเนิดสรรพสิ่งคือสิ่งที่เหมาะสมที่สุด!
โลหิตกำเนิดสรรพสิ่งสามารถเสริมกำลังสายเลือดทั้งหลายได้ ไม่เว้นแม้กระทั่งกับเผ่ามาร!
หากรวมกับกระบี่มารแปดแดนร้าง ฉีเจาย่อมสามารถกลับสู่ความรุ่งโรจน์ได้อีกครั้ง!
หลังจากทราบการตัดสินใจของฉีเจา ฉีเจ๋อก็ครุ่นคิดสักพัก เมื่อพบว่าไม่เสียหายอะไรก็ตอบตกลง
ฉีเจ๋อแบกฉีเจาไว้บนหลังขณะเดินกลับห้องโถงใหญ่ของหู่เซียว
สถานที่แห่งนี้ปลอดภัยที่สุดสำหรับพวกเขา
หากใครบางคนมาที่นี่ พวกเขาสามารถเข้าค่ายกลเพื่อให้มันปกปิดกลิ่นอายจนไม่ถูกค้นพบได้!
แต่พวกเขาไม่ทราบว่าทันทีที่ย่างก้าวออกจากค่ายกลก็ตกอยู่ในกำมือของลู่หยวนแล้ว ซึ่งทุกการเคลื่อนไหวตกอยู่ภายใต้การสังเกตการณ์ของอีกฝ่าย!
…
ผู้คนจากเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ล้วนทำตามคำสั่งของลู่หยวน หลังจากปล้นของทั้งหมดมา พวกเขาล้วนถอยกลับดินแดนนาคาทะยาน
ดินแดนนาคาทะยานตั้งอยู่ในป่าซึ่งรายล้อมไปด้วยหมอกสีขาว ทำให้ยากที่จะแยกแยะเส้นทางได้
ในส่วนลึกของหมอกสีขาว ห้องโถงสีขาวจำนวนมากตั้งตระหง่านขณะสายลมเย็นเยือกพัดผ่าน หากเฝ้ามองยามวิกาลย่อมชวยให้ขนลุกไม่น้อย
ลู่หยวนนั่งเอนกายอยู่บนบัลลังก์ผู้นำในห้องโถงใหญ่
แม้ภายนอกดินแดนเผ่านาคาทะยานจะดูแออัด แต่ภายในห้องโถงใหญ่กลับค่อนข้างสะดวกสบาย
เทียนเม่ยเอ๋อร์ออกไปข้างนอกเพื่อวางกำลังสมาชิกเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ ส่วนนาคาทะยานยังคงคุกเข่าอยู่ข้างลู่หยวนโดยไม่กล้าเอ่ยคำใด
ไป๋ชิวเอ๋อร์กับฉินอี่หานนั่งแยกกันด้วยท่วงท่าสำรวม
หากเป็นยามปกติ พวกนางจะอยู่ข้างกายลู่หยวน แต่ตอนนี้ไม่มีใครกล้าทำเช่นนั้น
ลู่หยวนเอนกายไปด้านหลัง ไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้ยินเสียงประตูห้องโถงใหญ่ค่อย ๆ ถูกเปิดออก
ร่างสีขาวค่อย ๆ เดินเข้ามา
ผู้มาเยือนสวมปิ่นหยกและมงกุฎทองคำ นางไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกู้ชิงหรัน!
นางลากจูอั้นเข้าห้องโถงใหญ่ก่อนจะโยนอีกฝ่ายไปไว้ตรงกลาง
สิ้นเสียงดังกึกก้อง ห้องโถงใหญ่ก็สั่นสะเทือนสามครั้ง
ดวงตาของกู้ชิงหรันเต็มไปด้วยความเฉยชาขณะย่างก้าวอย่างมั่นคง นางเดินตรงมาหาลู่หยวนแล้วคุกเข่าด้วยความรู้สึกวางใจยิ่งราวกับเป็นสิ่งที่ควรทำ
ไป๋ชิวเอ๋อร์และฉินอี่หานมองหน้ากันก่อนจะตกอยู่ในความเงียบ
ด้วยเหตุนี้พวกนางถึงไม่กล้าเคลื่อนไหว
กู้ชิงหรันยกมือขึ้นดันแผนที่บนโต๊ะออกไป จากนั้นหยิบชุดแก้วชาออกมาแล้วรินชาสองจอก นางดันจอกหนึ่งไปด้านหน้าลู่หยวนขณะดื่มอีกจอกซึ่งเป็นของตนเอง
“การตระเตรียมไม่กี่วันหลังจากนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
กู้ชิงหรันถามด้วยเสียงแผ่วเบา
ลู่หยวนยกปลายนิ้วขึ้น แล้วกลุ่มหมอกก็รวมตัวเป็นรูปร่างคล้ายแผนที่บริเวณใจกลางห้องโถงใหญ่!
แผนที่ครอบคลุมพื้นที่เป็นวงกว้าง!
สิ่งที่โดดเด่นที่สุดคือจุดแสงสองจุดซึ่งรวมตัวกันอยู่ในที่เดียว
กู้ชิงหรันหลุบตามองแผนที่ที่เพิ่งดันออกไป สิ่งที่เกิดจากม่านหมอกถึงกับเหมือนอันที่อยู่บนโต๊ะตัวนี้!
บริเวณที่มีจุดแสงสองจุดอยู่คือดินแดนพยัคฆ์เมฆา!
“ใครอยู่ตรงนั้น?”
กู้ชิงหรันถาม
“ฉีเจ๋อกับฉีเจา”
ลู่หยวนหลับตาขณะพักจิตใจ “คนหนึ่งคือเมล็ดพันธุ์มาร อีกคนคือผู้ปกป้องเมล็ดพันธุ์มาร”
เมื่อกู้ชิงหรันได้ยินเช่นนี้ นางก็เหลือบมองลู่หยวนก่อนจะหันกลับไป “เจ้าต้องการให้ตระเตรียมอย่างอื่นอีกหรือไม่? หากไม่มีแล้ว ข้าต้องการเก็บตัวสักพักเพื่อปรับปราณกระบี่เสียหน่อย”
ลู่หยวนพยักหน้า “ไม่ต้องตระเตรียมอะไรแล้ว เจ้าทำตามสบายได้เลย”
กู้ชิงหรันลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากห้องโถง
ไม่นานมานี้ นางติดตามลู่หยวนอยู่ตลอด ทำให้เจตจำนงกระบี่ที่ถ่ายทอดไปยังกระบี่หักยิ่งผันผวน ถึงกระนั้นนางก็ไม่มีเวลาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งนี้!
ในเมื่อตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว นางก็สามารถจดจ่อกับเรื่องนี้ได้
หลังจากกู้ชิงหรันไปแล้ว ทั่วห้องโถงก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
คนที่ลุกลี้ลุกลนมากที่สุดคือนาคาทะยาน
เขาสามารถนำลู่หยวนไปหาฉีเจาได้ แต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากไปถึงแล้ว คนผู้นั้นจะหายตัวไป สุดท้ายอีกฝ่ายต้องใช้วิธีของตนเองเพื่อตามหาเป้าหมาย!
ยิ่งไปกว่านั้น นับตั้งแต่กลับมา ลู่หยวนก็ทิ้งเขาไว้ที่นี่โดยไม่สนใจแม้แต่น้อย ตนเองจึงไม่มั่นใจว่าการทำแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร!
จูอั้นยังคงคุกเข่าข้างนาคาทะยาน เขาในตอนนี้ยังพอหาทางเอาตัวรอดได้ ถึงอย่างไรสมรภูมิหลักโบราณยังไม่เปิดออก ลู่หยวนจึงยังต้องฝากฝังตนให้เป็นผู้นำทาง
หลังจากเวลาผ่านไป ประตูห้องโถงใหญ่ก็เปิดออกอีกครั้ง แล้วเทียนเม่ยเอ๋อร์ก็ก้าวเข้ามาในสภาพสวมชุดเกราะสงคราม นางยืนอยู่กลางห้องโถงก่อนจะประสานมือทำความเคารพ
“นายท่าน! ทุกอย่างที่สั่งมาถูกตระเตรียมหมดแล้ว! เพียงแต่…”
เทียนเม่ยเอ๋อร์หยุดพูดกลางคัน
ลู่หยวนจึงเอ่ยเค้น “พูดมา”
“นายท่าน ข้าอยากนำกลุ่มคนกลับดินแดน!”
ลู่หยวนทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
เทียนเม่ยเอ๋อร์อยากทราบว่าเหลิ่งเหยียนจะก่อกบฏหรือไม่!
ลู่หยวนลืมตาขึ้นแล้วมองไปด้านข้าง โดยจิตสังหารก่อตัวขึ้นในดวงตาของเขา “พาพวกโฉวโยว รวมถึงแม่ทัพที่มีความสามารถบางส่วนไปด้วย อย่าทิ้งใครไว้ข้างหลัง พาพวกเขาทั้งหมดกลับมา!”
เทียนเม่ยเอ๋อร์ตกตะลึงในตอนแรก ถึงต่อให้มีการก่อกบฏจริง แต่พวกนางไม่ได้ต้องการคนมากขนาดนี้!
เมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของลู่หยวน นางก็เข้าใจ!
ใช่แล้ว! ต่อให้อยากฆ่าอีกฝ่าย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้คนจำนวนมาก
ทว่าครั้งนี้หากมีการกบฏจริง การสังหารกบฏต่อหน้าฝูงชนย่อมเป็นการป้องปรามที่ดีที่สุด!
ถึงอย่างไร ตามความปรารถนาของลู่หยวน หลังจบเรื่องในครั้งนี้ เผ่าจิ้งจอกสวรรค์จะควบคุมทั่วทั้งหุบเขาบูรพาในไม่ช้า!
นับจากนี้ไป หุบเขาบูรพาจะมีจักรพรรดิเพียงผู้เดียว… จักรพรรดิจิ้งจอกสวรรค์!
เทียนเม่ยเอ๋อร์ประสานมือทำความเคารพ “น้อมรับ! ข้าจะปฏิบัติตามคำชี้แนะของนายท่าน!”
หลังจากนั้น นางก็หันหลังจากไป!