ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 485 ฉีเจาถึงแก่ความตาย!
บทที่ 485 ฉีเจาถึงแก่ความตาย!
บทที่ 485 ฉีเจาถึงแก่ความตาย!
หลังจากสิ้นเสียง ‘ฉัวะ’ ง้าวยาวก็ตรงเข้ามาตัดหนวดที่พันฉีเจาเอาไว้ทันที
จากนั้นเจตจำนงหอกเคลื่อนตามก่อนจะตรึงอีกฝ่ายไว้กับพื้น
สัตว์ประหลาดถูกโจมตีจนแผดเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด แล้วหนวดนับไม่ถ้วนก็กวัดแกว่งอย่างคลุ้มคลั่งขณะพุ่งเข้าหาผู้รุกราน
ฉีเจาถูกตรึงเอาไว้ที่ฝั่งตรงข้ามจากการโจมตี เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นใบหน้าของลู่หยวนอย่างชัดเจน
เขาจำลู่หยวนได้
ชายผู้นี้พานาคาทะยานเข้าสู่ค่ายกลราวกับกำลังตามหาเขา!
ฉีเจามองลู่หยวนที่กำลังต่อสู้กับสัตว์ประหลาดขณะครุ่นคิดหลายสิ่งหลายอย่างอยู่ภายใน
ความคิดไม่ดีผุดขึ้นในใจ!
มีเพียงเขาที่ทราบวิธีเปิดสถานที่แห่งนี้
แม้แต่ฉีเจ๋อก็ไม่ทราบเช่นกัน!
ตามหลักแล้วควรมีเพียงฉีเจากับฉีเจ๋อเท่านั้นที่อยู่ในพื้นที่นี้!
แต่ลู่หยวนผู้นี้มาปรากฏตัวที่นี่ได้!
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้ตามพวกเขามาพักใหญ่แล้ว!
ฉีเจาพลันรู้สึกว่าไร้สาระ ทุกวันนี้ทั้งสองเหมือนกับหนูที่ซ่อนตัวอย่างระมัดระวัง แต่คาดไม่ถึงว่าตำแหน่งของพวกเขาจะถูกเพ่งเล็งมานานแล้ว!
เขาย่อมไม่ต่างจากตัวตลกในสายตาของลู่หยวน!
สัตว์ประหลาดตัวนี้ไม่แข็งแกร่ง ลู่หยวนจึงกำราบได้อย่างรวดเร็ว!
ลู่หยวนขว้างสัตว์ประหลาดไปทางเถี่ยนิว เพียงพริบตา เขาก็ลงมาอยู่ต่อหน้าฉีเจา
ตอนนี้ฉีเจาครุ่นคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ขณะมองร่างของลู่หยวน รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏในดวงตาของตนเอง
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ การรอคอยไม่กี่วันมานี้ช่างยากลำบากนัก!”
ลู่หยวนไม่คิดจะกดดันอีกฝ่ายมากเกินไปก่อนจะกดง้าวลงบนร่างอีกฝ่าย
“โลหิตกำเนิดสรรพสิ่งกับกระบี่มารแปดแดนร้างอยู่ไหน?”
ฉีเจาคาดอยู่แล้วว่าลู่หยวนจะต้องสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ “เหอะ… บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ หลังจากข้าพยายามอย่างหนักเพื่อเข้ามาที่นี่แล้ว ท่านคิดว่าข้าจะยอมบอกแต่โดยดีงั้นหรือ?”
สีหน้าของลู่หยวนเฉยชาขณะขยับง้าวในมือ จากนั้นแทงมันเข้าใส่ไหล่ของฉีเจาทันที!
สิ้นเสียง ‘พรวด’ ง้าวก็ทะลุเนื้อจนโลหิตทะลักออกมา
แม้ฉีเจาจะเผยสีหน้าเจ็บปวดแต่ก็ไม่ยอมประนีประนอมแต่อย่างใด กลับกัน เขากัดฟันอดทนเพื่อชีวิตอันเป็นที่รัก
ลู่หยวนยิ้มเย้ยหยันขณะพลิกง้าวในมือ ซึ่งปลายอันคมปลาบทำให้เนื้อถูกบิดขยี้ขณะเสียดสีกับกระดูก เสียงของมันน่าสะพรึงยิ่งนัก!
เส้นโลหิตบนหน้าผากของฉีเจาปูดโปน แล้วเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดก็เล็ดลอดออกมาอย่างแผ่วเบา ถึงกระนั้นสายตาก็ยังคงมุ่งมั่น!
“ลู่หยวน!”
ฉีเจาตะโกน “ฆ่าข้าถ้าเจ้ากล้าพอ! แต่เจ้าคงไม่กล้าทำหรอก!”
“ฮ่า ๆ ๆ หากไม่มีข้า เจ้าก็ไม่สามารถตามหาโลหิตกำเนิดสรรพสิ่งกับกระบี่มารแปดแดนร้างได้หรอก!”
“จริงหรือ?”
ลู่หยวนพลันยกยิ้ม จากนั้นก็ออกแรงที่มืออีกครั้ง
ฉีเจาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดเหมือนก่อนหน้า แต่กลิ่นอายมารที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายกลับถูกกลืนกินอย่างต่อเนื่อง!
กลิ่นอายมารไหลหลั่งออกมาในบริเวณที่ฉีเจาถูกแทง จากนั้นง้าวก็ทะยานออกมาอยู่ในมือของลู่หยวนก่อนจะหายไป!
“ปะ… เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?!”
ฉีเจาไม่อยากเชื่อสิ่งที่สัมผัสได้ กลิ่นอายมารทั้งหลายที่ถูกโลกปฏิเสธและรังเกียจถึงกับถูกลู่หยวนผู้นี้ดูดกลืนได้!
ก่อนฉีเจาจะทันคิดจบ กลิ่นอายมารภายในร่างกายก็เริ่มสูญสลายราวกับกำลังออกจากร่างไปพร้อมกับง้าว!
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
ลู่หยวนผู้นี้เป็นใคร เหตุใดจึงมีความสามารถมากเพียงนี้?!
ฉีเจาจะกังวลก็ไม่แปลก เขาถูกจองจำมานาน อีกทั้งร่างกายยังพิกลพิการ
สิ่งเดียวที่ทำให้เขาสามารถกลับมาได้ก็คือร่างเมล็ดพันธุ์มาร!
ขอเพียงร่างเมล็ดพันธุ์มารยังคงอยู่ เขาก็สามารถหยิบยืมพลังอื่นมาพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็วจนกลับสู่จุดสูงสุดได้!
ถ้าแม้แต่ร่างนี้ยังสูญสิ้น แล้วเขาจะต่างอะไรกับคนธรรมดา?!
ถึงตอนนั้น ต่อให้โลหิตกำเนิดสรรพสิ่งกับกระบี่มารแปดแดนร้างจะมาอยู่ในการครอบครอง แล้วพวกมันจะมีประโยชน์อันใด?!
เพียงพริบตา กลิ่นอายที่เป็นของร่างเมล็ดพันธุ์มารถูกดึงออกจากทะเลลมปราณก่อนจะไปติดอยู่กับง้าว
ลู่หยวนกระตุกง้าวเพื่อพยายามดึงกลิ่นอายมารที่อยู่ภายในออกมา
“ไม่นะ!”
ฉีเจาตะโกนขณะจับง้าวด้วยสองมือแล้วแทงตัวเองอย่างรุนแรง จากนั้นก็ตรึงมันไว้กับร่าง
เขาทราบดีว่าหากกลิ่นอายมารหายไป ตนเองก็จะไม่มีโอกาสพลิกชีวิตได้อีกครั้ง!
เมื่อเห็นฉีเจามีสภาพเช่นนี้ ลู่หยวนก็ยิ่งยิ้มกว้าง “ฉีเจา เจ้าคิดว่าจะสามารถขู่ข้าได้งั้นหรือ? ตอนนี้ใครกันแน่ที่ต้องร้องขอความช่วยเหลือ?!”
ฉีเจากุมง้าวไว้มั่นขณะครุ่นคิดมากมายในพริบตา
ผ่านไปหลายอึดใจ เขาก็เงยหน้าขึ้น “ขะ… ข้ายอมบอกก็ได้ แต่อย่าฆ่าข้า!”
ลู่หยวนเอ่ยอย่างสงบ “ว่ามา”
ฉีเจามีท่าทีลังเลเมื่อเห็นลู่หยวนไม่ยินยอม
ลู่หยวนพ่นลมออกจมูกอย่างเย็นชาขณะยกง้าวในมือขึ้นอีกครั้ง
ฉีเจาเอ่ยทันที “โลหิตกำเนิดสรรพสิ่งกับกระบี่มารแปดแดนร้างอยู่ทางมุมหนึ่งของตะวันออกเฉียงใต้ แต่ที่นั่นมีผนึกอยู่ มีเพียงข้าที่รู้วิธีเปิดมัน!”
“หากเจ้าฆ่าข้า… เจ้าก็จะไม่ได้โลหิตกำเนิดสรรพสิ่งหรือกระบี่มารแปดแดนร้าง!”
ลู่หยวนใช้พลังมหาศาลเพื่อยกง้าวพร้อมกับฉีเจา
ร่างของเขาขยับอย่างรวดเร็วขณะพาฉีเจาไปทางมุมหนึ่งของตะวันออกเฉียงใต้
ไม่ช้า เขาก็เห็นผนึกของค่ายกลอยู่ในบริเวณดังกล่าว
ลู่หยวนลดมือขวาขณะยกฉีเจาขึ้นจากพื้น “คลายมัน”
ฉีเจาลุกขึ้นด้วยอาการสั่นสะท้านขณะเดินไปหาผนึกค่ายกล แม้ร่างยังคงถูกง้าวแทง แต่เขาก็เมินเฉยต่อความเจ็บปวดก่อนจะเริ่มคลายผนึก
อักขระเริ่มโคจรและกระจายตัว จากนั้นจึงเคลื่อนไปทุกทิศทางในทันที
อักขระที่เดิมทำการจองจำเริ่มหมุนวน มันเป็นการบ่งบอกว่าผนึกถูกคลายออก!
เพียงพริบตา กลิ่นอายโบราณก็ถูกเผยให้เห็น!
ลู่หยวนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของกระบี่มารที่หลับใหลอยู่ท่ามกลางกลิ่นอายโบราณทันที!
เดิมทีแล้วหากยึดตามบันทึกของสำนักมายาศักดิ์สิทธิ์ กระบี่มารแปดแดนร้างน่าจะถูกผนึกอยู่ในตระกูลชิวร่วมกับอาวุธแม่ทัพมารชิ้นอื่น
แต่ลู่หยวนได้รับอาวุธแม่ทัพมารที่อยู่ภายใต้ตระกูลชิวมาแล้ว แต่กลับไม่มีกระบี่มารแปดแดนร้างอยู่ในนั้น
หากสิ่งที่อยู่ตรงนี้คือกระบี่มารแปดแดนร้างจริง พวกเขาก็ไม่ทราบได้ว่ากระบี่ดังกล่าวอยู่ที่นี่มาโดยตลอดหรือว่าหลบหนีออกจากตระกูลชิวมากันแน่
ขณะลู่หยวนครุ่นคิด ฉีเจาก็ยกยิ้ม
ตอนนี้คือโอกาสเหมาะสมที่สุด!
ฉีเจาพลันก้าวไปข้างหน้าก่อนจะพบว่าทั่วร่างกำลังหลอมรวมเข้ากับผนึกค่ายกลดังกล่าว
ลู่หยวนเงยหน้าขึ้นขณะเอียงง้าวในมือ จากนั้นก็ออกแรงดึงให้อีกฝ่ายกลับมา!
ง้าวหลุดออกจากร่างของฉีเจาจนโลหิตไหลอาบ
ในสายตาของลู่หยวน ฉีเจาไม่มีค่าอีกต่อไปแล้ว
ลู่หยวนกวัดแกว่งง้าวไปมาเพื่อกระแทกให้ฉีเจาอยู่กับพื้น จากนั้นก็ทิ่มลงไปอย่างรุนแรง เมื่ออาวุธคมปลาบเข้าสู่ร่างกาย โลหิตก็สาดกระเซ็นทุกแห่งหน!
กลิ่นอายมารที่หลงเหลืออยู่ในร่างของฉีเจาพรั่งพรูออกมาก่อนจะเข้าสู่ร่างของลู่หยวน จากนั้นก็ถูกกลืนกินโดยกลิ่นอายมารที่มีรูปร่างคล้ายกับทะเลอันกว้างใหญ่
แววตาของฉีเจาจางหายอย่างรวดเร็วก่อนทั่วร่างจะสูญสิ้นชีวิต