ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 492 อำนาจกระบี่
บทที่ 492 อำนาจกระบี่
บทที่ 492 อำนาจกระบี่
ลู่หยวนพอจะทราบว่ากระบี่ที่อู๋เต้าพูดถึงอาจเป็นกระบี่หักในมือของกู้ชิงหรัน!
กระบี่เล่มนี้วิเศษยิ่งนัก!
ความรู้สึกที่อยู่ภายในใจ เสียงที่เป็นของฉินอี่หานยิ่งอึดอัดและร้อนรนราวกับกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดที่เกินต้านเอาไว้
ลู่หยวนขยับเพียงหนึ่งเท้าก็ทะยานไปสู่ดินแดนนาคาทะยานที่พวกนางอยู่!
…
ในขณะนี้ ดินแดนนาคาทะยาน ณ ดินแดนงูมังกร
หมอกที่เดิมกระจายตัวคล้ายกับถูกผลักไสโดยพลังแก่กล้าบางอย่างจนไม่อาจรวมตัวกันได้
จากใจกลางดินแดนนาคาทะยาน แสงสีขาวเจิดจ้าทะยานสู่ท้องนภา!
ภายใต้แสงดังกล่าวคืออำนาจกระบี่สูงสุด!
ผู้อยู่ใจกลางของอำนาจดังกล่าวคือกู้ชิงหรันที่กำลังนั่งขัดสมาธิกับพื้น!
ทั่วร่างของนางเต็มไปด้วยความยำเกรง ด้วยลำแสงที่เจิดจ้าประหนึ่งดวงอาทิตย์สุกสกาว!
กลุ่มจิ้งจอกสวรรค์ พวกฉินอี่หาน รวมถึงนาคาทะยานกับจูอั้นล้วนถูกกำราบด้วยพลังนี้!
ต่อให้พวกเขาใช้พละกำลังทั้งหมดขัดขืนก็ไม่ต่างจากตีหินด้วยไข่!
ฉินอี่หานและพวกไป๋ชิวเอ๋อร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้ากู้ชิงหรันถูกบังคับให้คุกเข่าด้วยพลังนี้!
ในที่สุดไป๋ชิวเอ๋อร์ก็หายใจไม่ออกขณะมองไปด้านข้าง “ตะ… ติดต่อนายท่านได้หรือยัง?!”
ฉินอี่หานกัดฟันขณะหลั่งเหงื่อเย็น นางพยักหน้าให้ขณะอยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาล
พวกไป๋ชิวเอ๋อร์เบาใจขึ้นเล็กน้อยเมื่อรับสารดังกล่าว
ตราบใดที่ลู่หยวนกลับมา เรื่องนี้จะต้องพลิกผันอย่างแน่นอน!
ตอนนี้พวกนางเพียงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้ไม่ตายและมีชีวิตรอดจนกว่านายท่านจะกลับมา!
ผู้คนทั้งหลายผ่อนคลาย
กลิ่นอายหนึ่งพลันกระจายออกมาพร้อมแรงกดดันอันน่าตกตะลึงอีกครั้ง ทำให้หัวใจของผู้คนทั้งหลายรู้สึกเจ็บปวดสุดแสน แล้วกลิ่นโลหิตก็ฟุ้งไปทั่ว!
กู้ชิงหรันผู้กำลังนั่งขัดสมาธิใต้อำนาจกระบี่ค่อยลืมตาอันงดงาม ยามเงยหน้าขึ้น อำนาจของมันก็ยิ่งกล้าแกร่ง
พวกฉินอี่หานบ่นซ้ำไปมาเมื่ออยู่ภายใต้อำนาจกระบี่ ตอนนี้พวกนางทำได้เพียงหวังว่าลู่หยวนจะกลับมาช่วยโดยไว!
ขืนช้าไปกว่านี้ พวกนางจะต้องกลายเป็นก้อนเนื้ออย่างแน่นอน!
หลังจากกู้ชิงหรันยืนขึ้นก็ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ดวงตาของนางทอประกายด้วยแสงสีขาวโดยปราศจากสีดำ ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก
กระบี่หักเวียนวนรอบกู้ชิงหรันขณะส่งเสียงก้องกังวาลไปมาราวกับกำลังจะบอกบางอย่าง
ไม่อาจทราบได้ว่าเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไหร่ แต่ร่างของพวกฉินอี่หานไม่สามารถทานทนไปมากกว่านี้ได้
เหล่าจิ้งจอกสวรรค์ต่างล้มลงด้วยอำนาจกระบี่มาสักครู่ใหญ่แล้ว!
ขณะนั้นเอง กู้ชิงหรันยกมือขึ้น แล้วกระบี่หักที่หมุนเวียนวนไปมาก็หยุดนิ่ง จากนั้นมันหันปลายมุ่งไปที่ฉินอี่หาน!
กู้ชิงหรันหยุดพลังงานนั้นเพียงปลายนิ้ว ขณะคลื่นอากาศแผ่วเบาทำให้บรรยากาศรอบข้างสั่นสะเทือน
พวกฉินอี่หานรู้สึกได้ถึงความเบาหวิวในร่างกาย แล้วพลังมหาศาลที่เพิ่งกดทับลงมาก็หายไป!
พวกนางรู้สึกโล่งใจขึ้นเล็กน้อย โดยคิดว่าในที่สุดกู้ชิงหรันก็กลับมามีสติอีกครั้ง
แต่เพิ่งลุกขึ้นได้เพียงครู่เดียว
กระบี่หักที่อยู่ข้างกายกู้ชิงหรันพลันสั่นไหว แล้วพลังมหาศาลก็กดทับลงมาในทันที!
“ตูม!”
แม้กระทั่งห้วงอากาศก็ไม่อาจตอบสนองได้ทันท่วงที ก่อนจะถูกกดทับอย่างรุนแรง!
พื้นดินแยกออกเป็นรอยร้าวภายในพริบตา จากนั้นก็พังทลายอย่างรวดเร็ว!
บัดนี้แผ่นดินทั่วทั้งดินแดนนาคาทะยานตกลงไปในหุบเหวลึก!
ฟ้าถล่มดินทลาย แม้กระทั่งเศษธุลีก็ไม่ปรากฏ!
สรรพสิ่งถูกบดขยี้โดยอำนาจกระบี่ราวกับพลังขุนเขานับหมื่น โดยไม่มีทีท่าว่าสิ่งใดจะเคลื่อนที่ออกเลยแม้แต่น้อย!
โลหิตภายในร่างของผู้คนที่อยู่ในหุบเหวลึกหลั่งไหลออกมาจนพื้นหนองไปด้วยสีของโลหิต บางคนถึงขั้นกระอักออกมาเป็นเลือด!
พวกฉินอี่หานรู้สึกถึงทัศนวิสัยอันมืดบอด ขณะจิตใจก็เต็มไปด้วยความสับสน
ทันใดนั้นเอง ร่างหนึ่งปรากฏตรงหน้าพวกนาง โดยอำนาจมังกรอันคุ้นเคยผสานเข้ากับกลิ่นอายอันสง่างามก่อนจะปกคลุมพื้นที่รอบข้างอย่างรวดเร็ว
แรงกดดันจากอำนาจกระบี่หายไปในทันที ทุกคนถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะล้มพับไป
ผู้มาเยือนไม่ใช่ใครอื่นนอกจากลู่หยวน!
เขาจับจ้องไปทางกู้ชิงหรันซึ่งอยู่ไม่ไกล
เมื่อเห็นนางอยู่ในสภาพเช่นนี้ ลู่หยวนจึงทราบว่าตอนนี้อีกฝ่ายถูกควบคุมโดยอำนาจกระบี่หักจนไร้ซึ่งความคิดเป็นของตัวเองไปแล้ว
ตอนนี้เองที่อู๋เต้าเอ่ยขึ้น
“กระบี่หักเล่มนี้… ถ้าข้าจำไม่ผิดกลิ่นอายนี้ มันคือเล่มเดียวกับที่เทพธิดาใช้ในตอนนั้น! แต่มันมีบางอย่างที่ขาดหายไป”
สายตาของอู๋เต้ายังคงจับจ้องไปที่กู้ชิงหรันขณะเอ่ยต่อ “ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นทาสกระบี่กาฝากของกระบี่หักเล่มนี้!”
“หมายความว่าอย่างไร?” ลู่หยวนเอ่ยถามหลังจากได้ยิน
“กระบี่หักเล่มนี้น่าจะมีความคิดเป็นของตัวเอง แต่ตอนนี้มันอยู่ในภาวะเงียบงัน ส่วนพลังของมันมากแค่ไหนน่ะหรือ?! แค่อำนาจกระบี่อย่างเดียวก็ทำให้ผู้คนเหล่านี้คุกเข่าได้แล้ว”
“แล้วเหตุใดถึงยอมจำนนต่อคนในแผ่นดินหยวนหงงั้นหรือ?! ที่มันติดตามนางผู้นี้เพราะสนใจในวาสนาที่ไม่ธรรมดา จึงต้องการดูดกลืนวาสนานี้เพื่อให้สามารถกลับสู่จุดสูงสุดได้โดยเร็ว!”
ทันทีที่อู๋เต้าเห็นกู้ชิงหรัน เขาก็สัมผัสได้ว่าผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
นอกจากปราณกระบี่ที่ทะยานสู่ท้องนภาแล้ว นางยังมีร่องรอยของโชคลาภที่ถูกซ่อนเร้นอีกด้วย!
หากโชคลาภเช่นนี้เข้าตาผู้อื่น เกรงว่ามันจะกลายเป็นโชคร้าย
แต่อู๋เต้าเป็นใคร?!
ถึงอย่างไรเศษเสี้ยววิญญาณของเขาก็อยู่มานานสามแสนปี อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสามจักรพรรดิของเผ่ามนุษย์ วิสัยทัศน์ย่อมต่างออกไป!
เพียงปราดเดียวเขาก็มองออกว่าโชคลาภอันมหาศาลของหญิงนางนี้ก่อให้เกิดโชคร้าย!
ไม่มีสิ่งใดในแผ่นดินหยวนหงที่คู่ควรกับโชคลาภเช่นนี้!
ซึ่งโชคลาภยิ่งใหญ่นี้เป็นสารอาหารชั้นเลิศสำหรับกระบี่หักในตอนนี้!
“กระบี่เล่มนี้คงเพิ่มความสามารถในการฝึกฝนวิถีกระบี่ให้กับนาง แต่ทุกครั้งที่นางใช้งานกระบี่เล่มนี้ มันจะลดทอนโชคลาภของนาง รวมถึง… ชีวิต!”
“เท่าที่ข้าทราบเกี่ยวกับกระบี่เล่มนี้ นางจะเป็นเพียงทาสกระบี่เท่านั้น! สักวันโชคลาภและชีวิตของนางจะตกอยู่ในกำมือของมัน!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ อู๋เต้าก็ถอนหายใจก่อนจะปิดปากสนิท
“ดูจากรูปลักษณ์ของนางแล้ว หากบอกว่าเป็นเซียนที่ถูกเนรเทศมายังโลกก็ไม่ใช่การกล่าวเกินจริง แต่สุดท้ายผลลัพธ์มันก็เป็นเช่นนี้ น่าเสียดาย น่าเสียดาย”
ลู่หยวนคิ้วขมวด “กระบี่เล่มนี้ยอมรับเจ้าของชั่วคราวได้หรือ?”
อู๋เต้าพยักหน้า “ใกล้เคียง ทว่าความจริงหากยอมรับให้เป็นนายท่าน หญิงนางนี้ยังคงสามารถควบคุมกระบี่ได้ ข้าไม่ทราบว่าทั้งสองทำสัญญากันแบบใด นางถึงกับเป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นนี้”
หลังจากสิ้นคำ อู๋เต้าก็เอียงศีรษะราวกับกำลังรับชมการแสดง “นายท่าน หญิงอายุสั้นนางนี้คือใครหรือ?”
ลู่หยวนเหลือบมองด้านข้างพลางคิ้วขมวด “คู่หมั้นของข้า”
สายตาของอู๋เต้านิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นก็เปลี่ยนสีหน้าพร้อมกับยกยิ้ม “…. นายท่าน ข้าไม่ได้หมายความตามที่พูดหรอกนะ แม่นางจะต้องมีอายุยืนยาวและมากด้วยบารมีวาสนา!”
ลู่หยวนกลอกตา “หยุดประจบข้าเสียที มีวิธีใดช่วยนางได้หรือไม่?”
มุมปากของอู๋เต้ากระตุกก่อนจะเอ่ย “ตอนนี้… ไม่มี”
“แต่นายท่านหยุดการสำแดงอำนาจกระบี่นี้ก่อนได้ เพราะการกระทำดังกล่าวเป็นการหยิบยืมโชคลาภของแม่นางผู้นั้น”
หลังจากอู๋เต้าเอ่ยจบ เขาก็เห็นง้าวของลู่หยวนพุ่งออกไปพร้อมกับพลังมหาศาลประหนึ่งมังกรที่ทะยานออกไป!
————————————-