ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 500 กลุ่มชาติพันธุ์จิ้งจอกโลหิต
บทที่ 500 กลุ่มชาติพันธุ์จิ้งจอกโลหิต
บทที่ 500 กลุ่มชาติพันธุ์จิ้งจอกโลหิต
เสียงนั้นมีอำนาจเล็กน้อยที่แผ่ซ่านออกมา
จิ้งจอกโลหิตมองตามเสียงก่อนจะพบมนุษย์สองร่างเดินมาจากด้านข้าง
ทั้งสองล้วนสวมชุดสีขาว ผู้ชายมีคิ้วตาคมสง่างามขณะอำนาจมังกรปรากฏทั่วร่างกายอย่างเลือนราง
ส่วนผู้หญิงสวมมงกุฎทองคำและปิ่นปักผมหยก ข้างกายเหน็บกระบี่หักเอาไว้ แม้กระทั่งกลิ่นอายรอบร่างกายก็ดูรุนแรงเล็กน้อย
“เหอะ…”
จิ้งจอกโลหิตยิ้มหยัน “แล้วถ้าข้าไม่ปล่อยนางไปเล่า?!”
สิ้นคำ จิ้งจอกโลหิตพลันออกแรงกดเทียนเม่ยเอ๋อร์ที่อยู่ด้านล่างลงไป นางรู้สึกถึงพลังหนักอึ้งที่กดทับลงมา ทำให้ใจหายไปชั่วขณะ
เป็นการยากที่นางจะรอดชีวิตจากภายใต้การโจมตีของมัน
ในที่สุดเทียนเม่ยเอ๋อร์ก็หันไปมองลู่หยวนผู้อยู่ด้านข้าง แล้วโลหิตที่อยู่ภายในอกก็ทะลักขึ้นมาจนออกทางปาก
ร่างของลู่หยวนซึ่งอยู่ไม่ไกลยิ่งดูเลือนราง ระหว่างที่คิด นางก็ค่อย ๆ หลับตา
แต่หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ความเจ็บปวดกลับไม่แล่นเข้ามา
เมื่อเทียนเม่ยเอ๋อร์กำลังสับสนเล็กน้อย เสียงอันคุ้นเคยก็ดังจากบริเวณใกล้เคียง “ยังจะนอนอีกหรือ? คิดว่าเป็นวันหยุดหรืออย่างไร?”
นางพลันลืมตาก่อนจะพบร่างของลู่หยวนอยู่ตรงหน้า ซึ่งง้าวที่อยู่ในมือของเขาขัดกับกรงเล็บยักษ์ของจิ้งจอกโลหิตที่กำลังบดขยี้ลงมา
ลู่หยวนเอียงศีรษะเล็กน้อยขณะใบหน้าปรากฏรอยยิ้มบาง
“บุตรศักดิ์สิทธิ์!”
เทียนเม่ยเอ๋อร์บังเกิดความยินดีเล็กน้อย
ในตอนนี้ ชุดสีขาวกระพือขณะลงมาอยู่ข้างกายลู่หยวน โดยอีกฝ่ายหันมามองนาง
คนผู้นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกู้ชิงหรัน
“ข้าจะพานางไปเอง”
กู้ชิงหรันมองข้างกายขณะเอ่ยอย่างสงบกับลู่หยวน
ลู่หยวนพยักหน้า
จากนั้นเขาก็เห็นกู้ชิงหรันยื่นมือออกไปจับสายรัดเกราะของเทียนเม่ยเอ๋อร์ จากนั้นนางจึงใช้แรงมหาศาลเพื่อยกอีกฝ่ายขึ้น
เทียนเม่ยเอ๋อร์สัมผัสได้ว่าโลกตรงหน้ากำลังหมุน ก่อนที่จะได้ทันตอบสนอง นางก็สัมผัสได้ว่าสายลมรอบข้างกำลังหมุนวนอย่างต่อเนื่องขณะพื้นดินร่นถอยออกไปไม่หยุด
หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ นางก็ลงสู่พื้นดินอย่างมั่นคง จากนั้นแรงรั้งของสายรัดก็ถูกคลายออก ก่อนร่างจะกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง
แรงกระแทกกับพื้นที่เทียนเม่ยเอ๋อร์ได้รับทำให้โลหิตที่คั่งค้างอยู่ภายในพุ่งขึ้นมาจนทะลักออกจากปาก
สีหน้าของกู้ชิงหรันเฉยชาขณะสายตาเพียงจับจ้องลู่หยวน
จิ้งจอกโลหิตเหลือบมองกู้ชิงหรัน จากนั้นก็เผยรอยยิ้มเย็นชา “เจ้าหนู ฮ่า ๆ เจ้ามีความสามารถไม่เบา เจ้าถึงกับสามารถพุ่งเข้ามาหากลิ่นอายจิ้งจอกโลหิตของข้าเพื่อช่วยคนได้! แต่ว่า… คิดหรือว่าการทำตัวเป็นวีรชนช่วยสาวงามจะทำให้เจ้าได้มีชีวิตรอดกลับไป?”
ลู่หยวนถือง้าวไว้ในมือข้างหนึ่งขณะคิ้วขมวดโดยไม่เอ่ยคำใด
จิ้งจอกโลหิตเสตาออกข้าง ก่อนจะต้องหลุบตามองด้วยความตกตะลึงเล็กน้อยชั่วขณะ
เพราะดวงตาของบางสิ่ง กำลังจับจ้องไปทาง… กรงเล็บที่หักของมัน!
ดวงตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความปรารถนา
แล้วศีรษะที่มีขนยาวก็ยื่นออกมาจากอ้อมแขนของลู่หยวน
เจ้าตัวน้อยดึงชุดของลู่หยวนด้วยอุ้งเท้าหน้าขณะมองมาทางมัน แถมท่าทาง… กำลังน้ำลายไหลงั้นหรือ?!
เจ้าสิ่งมีชีวิตตนนี้ไม่มีความหวาดกลัวเมื่อจับจ้องมัน แต่กลับมองราวกับตัวมันต่างหากที่เป็นเหยื่อ!
“เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
จิ้งจอกโลหิตคำรามอย่างเกรี้ยวกราดขณะร่างกายปกคลุมไปด้วยชั้นหมอกแสงสีแดง
เมื่อหมอกแสงปกคลุมวิญญาณชั่วร้ายบนร่างของจิ้งจอกโลหิตก็เพิ่มขึ้นอีกครั้ง ปราณวิญญาณรอบข้างเริ่มหดลงราวกับเผชิญหน้ากับบางอย่างที่ยากจะอธิบาย
“โฮก!”
จิ้งจอกเลือดคำรามอย่างเกรี้ยวกราดขณะกรงเล็บที่กดลงไปหาลู่หยวนก็มีแรงเพิ่มขึ้น หมอกแสงสีแดงโลหิตปกคลุมกรงเล็บทั้งห้าก่อนจะเผยความคมไร้ใครเทียบทันที!
“ตาย!”
กรงเล็บยักษ์ของจิ้งจอกโลหิตถอยออกมาเล็กน้อย จากนั้นมันตั้งท่าจะกดลงมาอีกครั้งด้วยพลังมหาศาล!
ลู่หยวนขยับมือขวาขณะง้าวร่ายรำอย่างไหลลื่น จากนั้นมันกวาดไปตามพื้นดินก่อนจะปักลงไปอย่างมั่นคง โดยที่ส่วนปลายง้าวหันไปข้างหน้า
ลู่หยวนยืนเอามือไพล่หลังขณะเผยสายตามั่นใจ
จิ้งจอกโลหิตมองปลายง้าวที่ชี้ขึ้นมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยโทสะเล็กน้อย
เจ้าเด็กคนนี้คิดว่ากำลังดูถูกใคร?!
ถึงกระนั้นจิ้งจอกโลหิตก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนธรรมดา
ถึงอย่างไรเด็กคนนี้ก็สามารถทะลวงกลิ่นอายจิ้งจอกโลหิตเพื่อขัดขืนกรงเล็บที่เคลื่อนลงมาได้
ทว่ามันคือวิญญาณชั่วร้าย!
ยิ่งกว่านั้น จิ้งจอกโลหิตหมายถึงกลุ่มชาติพันธุ์ ไม่ใช่เพียงหนึ่งตัวตนเท่านั้น!
จิ้งจอกโลหิตพลันออกแรงกด แล้วกรงเล็บยักษ์ก็เคลื่อนลงไปที่ปลายง้าวอย่างรุนแรง โดยง้าวดังกล่าวก็ได้เกิดเสียงมังกรคำรามออกมา ขณะอำนาจมังกรเจินหลงกลายเป็นร่างมังกรเจินหลงเพื่อทำการขัดขืน
พลังทั้งสองปะทะกันขณะบดขยี้พื้นที่รอบข้างในบัดดล!
คลื่นอากาศกระจายออกไปขณะสั่นสะท้านรอบข้างราวกับคลื่นพายุ แล้วชั้นห้วงอากาศก็แตกสลายทีละน้อย
พลังทั้งสองเผชิญหน้ากันด้วยความสามารถอันทัดเทียม
ลู่หยวนยืนเอามือไพล่หลังด้วยสีหน้าสงบ ต่อให้สายลมแรงกล้าที่เกิดจากคลื่นอากาศจะทำให้ชุดคลุมปลิวไสวประหนึ่งเซียน แต่สีหน้าของเขากลับไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
สายตาของลู่หยวนไม่ได้อยู่ที่จิ้งจอกโลหิตอีกต่อไป แต่กลับเป็นประตูโบราณที่ยังคงเปิดอยู่
แม้กลิ่นอายทั้งหลายจะถูกตัดขาดหลังจากเข้าใกล้ประตูดังกล่าวจนลู่หยวนไม่สามารถตรวจจับสิ่งที่อยู่ข้างในได้
ส่วนบันทึกเกี่ยวกับจิ้งจอกโลหิตในตอนนั้น มันไม่มีบันทึกถึงสาเหตุของการสร้างหายนะ
แต่ลู่หยวนก็พอจะคาดเดาได้ว่าอาจมีจิ้งจอกโลหิตอยู่ในประตูโบราณที่ปิดสนิทนั่นอีก!
เรื่องนี้ เห็นทีคงต้องลองไปสำรวจเสียแล้ว!
หากคนอื่นคาดเดาเช่นนี้ พวกเขาอาจจะหวาดกลัวเล็กน้อย
ถึงอย่างไรจิ้งจอกโลหิตก็ทรงพลังมากแล้ว หากจำนวนของมันมากเกินไป ย่อมเป็นการยากที่จะสังหารพวกมันจนสิ้นในวันนี้ได้!
แต่สายตาของลู่หยวนกลับไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย เขาถึงขั้นเต็มไปด้วยความละโมบขณะพึมพำกับตัวเอง
“สามอันเพื่อระบายโลหิตและใช้เป็นโอสถ ส่วนอีกสามอันเตรียมเผื่อเอาไว้ ส่วนอันอื่นมีประโยชน์อะไร? แล้วสิ่งนี้กินได้หรือไม่?”
เมื่อเฝยเฝยชุ่ยฮวาผู้อยู่ในอ้อมแขนของลู่หยวนได้ยินแผนการดังกล่าว มันก็กระโดดออกมาอย่างกระตือรือร้น
ดวงตาของมันทอประกาย
ข้าด้วย!
ขอข้า! ขอข้าสักสองสามอันด้วย!
มันอร่อย! ข้าอยากกิน!
ลู่หยวนไม่พอใจกับท่าทีของชุ่ยฮวา ดังนั้นเขาจึงยกมือขึ้นแล้วกดมันลงไปอีกครั้ง
เมื่อเห็นท่าทีไม่พอใจของลู่หยวน จิ้งจอกโลหิตก็ยิ้มหยันอยู่ภายใน
เจ้าหนูนี่ช่างหยิ่งผยองเสียจริง!
ถูกต้อง ด้วยพลังในตอนนี้ มันไม่สามารถสังหารหรือแม้แต่ทำร้ายเด็กคนนี้ได้
แต่มันไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียว!
“โฮก!”
จิ้งจอกโลหิตเงยหน้าแล้วแผดเสียงคำราม เสียงของมันคมปลาบยิ่ง
จากนั้นกลิ่นอายในประตูโบราณเริ่มกระเพื่อมราวกับบางสิ่งกำลังจะออกมา!
หลังจากผ่านไปหนึ่งอึดใจ สิ่งมีชีวิตชั่วร้ายนับสิบที่เหมือนกับจิ้งจอกโลหิตก็ปรากฏขึ้นภายใต้ควันสีดำดังกล่าว
แม้รูปลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตชั่วร้ายนี้เหมือนกับจิ้งจอกโลหิต แต่กลิ่นอายกลับเข้มข้นและแข็งแกร่งยิ่งกว่า!
หลังจากพวกมันออกมาก็พากันเรียงแถวแล้วก้มศีรษะราวกับกำลังต้อนรับบางสิ่ง
ไม่กี่อึดใจ จิ้งจอกขนาดเล็กที่ปกคลุมไปด้วยหมอกโลหิตก็เดินออกมาจากประตูภายใต้หมอกหนา
จิ้งจอกตัวนี้มีขนาดเพียงครึ่งเดียวของจิ้งจอกโลหิต แต่ทันทีที่ปรากฏ มันก็สำแดงพลังอันไร้เทียมทานออกมา!