ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 53 ยันต์สาปวิญญาณ (ปลาย)
บทที่ 53 ยันต์สาปวิญญาณ (ปลาย)
บทที่ 53 ยันต์สาปวิญญาณ (ปลาย)
ไป๋อู๋อีหันหลัง พบว่าผู้ที่คุกเข่าตรงหน้าคือกุ่ยเหยียน จึงเอ่ยทันที “เทียนเม่ยเอ๋อร์อยู่ไหน?”
กุ่ยเหยียนตอบทันทีว่า “ตอนนี้หมดสติอยู่ ถูกมัดอยู่ในถ้ำ”
“ดีมาก ในเมื่อจิ้งจอกน้อยตัวนี้ไม่เชื่อฟังแต่โดยดี เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าที่ต้องใช้วิธีนี้!”
ไป๋อู๋อีก้าวเข้าไปในถ้ำ กุ่ยเหยียนลุกขึ้นทันทีพร้อมสีหน้าเรียบเฉย เผยจุดสีแดงเข้มในดวงตา เขาเดินไปข้างหน้า ทุกฝีก้าวดูราวกับหุ่นเชิดก็ไม่ปาน
ภายในถ้ำ บุตรแห่งโชคชะตาพบเทียนเม่ยเอ๋อร์ถูกมัดมือมัดเท้า นั่งกองอยู่ที่มุมหนึ่ง
ตอนนี้องค์หญิงหางจิ้งจอกยังคงอยู่ในรูปลักษณ์ของลู่หยวน เมื่อไป๋อู๋อีเห็นใบหน้าดังกล่าวเข้า เขาก็กัดฟันด้วยความชิงชัง
เขากลั้นหายใจ ตอนนี้เทียนเม่ยเอ๋อร์ยังมีประโยชน์อยู่ ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้ทรงอำนาจในอนาคต หากมาถูกฆ่าเอาตอนนี้ คงเสียของไม่ใช่น้อย ในเมื่อนางไม่เต็มใจร่วมมือกับเขา เช่นนั้นก็ต้องทำให้ยอมเชื่อฟังคำสั่งให้จงได้!
เมื่อไป๋อู๋อีขยับมือ ที่ปลายนิ้วเกิดกลิ่นอายสีแดงเข้มแผ่ออกมา เขาใช้มือแทนพู่กันวาดยันต์คาถาลงไป
หลังจากยันต์คาถาสมบูรณ์ บุตรแห่งโชคชะตาถอนหายใจเล็กน้อย ยันต์คาถานี้มีชื่อว่ายันต์สาปวิญญาณ มันคือคำสาปต้องห้าม เขาได้รับมาตอนที่กลายเป็นตัวตนสูงสุดโดยบังเอิญ
วิชาคำสาปนี้ ใช้ในการควบคุมจิตใจของผู้คนได้ชะงัด ถึงแม้จะใช้วิธีนี้ในการควบคุมผู้คนให้ปราศจากความคิดที่จะขัดขืน แต่ผู้ที่อยู่ภายใต้ยันต์สาปวิญญาณนั้นอายุขัยก็จะสั้นลงมากเช่นกัน
เผ่าจิ้งจอกสวรรค์มักมีอายุขัยยืนยาว หากโดนคำสาปนี้เข้าไป ต่อให้เทียนเม่ยเอ๋อร์จะมีรากฐานการบ่มเพาะสูงส่ง แต่อายุขัยจะลดลงเป็นอย่างมาก ทว่าเทียบกับกุ่ยเหยียนผู้อยู่ด้านหลังเขาซึ่งโดนยันต์สาปวิญญาณเข้าไปแล้ว ถือว่าดีกว่าเป็นไหน ๆ
ไป๋อู๋อีพบกุ่ยเหยียนเมื่อไม่กี่วันก่อน เห็นอีกฝ่ายอยู่กับองค์หญิงหางจิ้งจอก มุ่งหน้าไปทางวิหารโบราณ เขาจึงตัดสินใจใช้ยันต์สาปวิญญาณ
ถึงแม้กุ่ยเหยียนผู้นี้จะมีรากฐานการบ่มเพาะสูงกว่า แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ตอนที่เผชิญหน้ากับบุตรแห่งโชคชะตาเขากลับแสดงท่าทีตกตะลึง ไม่สามารถสวนกลับได้ในทันที ทำให้อีกฝ่ายเข้าใกล้ได้โดยง่าย ก่อนทำการร่ายคำสาป
ไป๋อู๋อีเผยรอยยิ้มออกมาขณะมองเทียนเม่ยเอ๋อร์ผู้หมดสติอยู่ตรงหน้า อย่างดีกุ่ยเหยียนคงมีชีวิตได้ไม่ถึงสิบปี แต่องค์หญิงหางจิ้งจอกสามารถมีชีวิตอยู่ได้นับร้อยปี ระยะเวลาเท่านี้มากพอจะให้เทียนเม่ยเอ๋อร์ทำความเข้าใจในพลังของเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ได้ ทำให้เผ่าจิ้งจอกสวรรค์กลายเป็นผู้ช่วยเหลือสำหรับเขา ถึงตอนนั้น ความเป็นความตายของเทียนเม่ยเอ๋อร์จะไปสำคัญอะไร?!
ไป๋อู๋อีขยับมือขวา ยันต์คาถาซับซ้อนถูกสลักบนคิ้วของเทียนเม่ยเอ๋อร์
วิ้ง!
หลังจากสิ้นเสียงอันแผ่วเบา ยันต์คาถาหลอมรวมเข้าไปในหน้าผากขององค์หญิงหางจิ้งจอก
นางลืมตาขึ้น จิตสังหารพลันสั่นสะเทือนท้องนภา ดวงตาที่เดิมเป็นสีชมพูค่อย ๆ ถูกแทนที่ด้วยสีแดงเข้ม สีหน้าหมองหม่น ใบหน้าราวกับหยกแข็งทื่อเป็นอย่างยิ่ง
ไป๋อู๋อีปล่อยมือ พลางถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก ด้วยรากฐานการบ่มเพาะในตอนนี้ การใช้วิชาต้องห้ามถึงสองครั้งในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน นับว่าหนักหนาเอาการ
เขาก้าวถอยหลังสองก้าว จึงเห็นว่าจิตสังหารบนร่างของเทียนเม่ยเอ๋อร์ค่อย ๆ กลับเป็นปกติ ทั่วร่างเกิดการเปลี่ยนแปลงมหาศาล
เทียนเม่ยเอ๋อร์ยืนขึ้นด้วยอาการสั่นสะท้าน ดวงตางดงามเผยแววประหลาดใจ สีหน้าว่างเปล่า
นางเงยหน้ามองไป๋อู๋อี จากนั้นคุกเข่าลง “นายท่าน”
คำสาปได้ผล!
ราชินีแห่งเผ่าจิ้งจอกสวรรค์ในอนาคตตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!
ไป๋อู๋อีหัวเราะอย่างบ้าคลั่งหลายครั้ง “โธ่ เทียนเม่ยเอ๋อร์ ถ้าเจ้าจงรักภักดีต่อข้าตั้งแต่แรก จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร? เจ้าบังคับให้ข้าใช้วิธีนี้กับเจ้าเองนะ!”
เทียนเม่ยเอ๋อร์ผู้กำลังคุกเข่ากับพื้นยังคงไม่ขยับ ราวกับไม่ได้ยินว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร
“พวกเจ้าสองคนอยู่นอกถ้ำ ข้าจะทำการฝึกฝนต่อ หากมีปัญหาอะไร ให้มารายงานทันที!”
“รับทราบ!”
ทั้งสองตอบรับ จากนั้นจึงเดินออกไป
ไป๋อู๋อีกลับมาที่แท่นหิน ชำเลืองมองหญ้าวิญญาณที่ล่องลอยอยู่ไม่ไกลนักในสายลม หญ้าวิญญาณถูกห้อมล้อมโดยพลังวิญญาณเข้มข้น แค่เพียงเข้าไปใกล้ เขาก็สัมผัสได้ว่าพลังในร่างกายหมุนเวียนมากขึ้น
เขารู้สึกโล่งอก ในช่วงที่ไป๋เจ๋อเก็บตัวเพื่อคลอดลูก เขาก็ทำได้เพียงฝึกฝนอย่างหนักเท่านั้น
เมื่อไป๋เจ๋อออกมา โชคชะตาที่ปรารถนาก็จะกลายเป็นจริง!
ลู่หยวน รอก่อนเถอะ!
ระหว่างที่ราบกว้างใหญ่ ลู่หยวนและกุ่ยซู่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่สูงยิ่ง!
ผ่านไปสักพัก พวกเขามาถึงหุบเขาลึก ชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นเพื่อนรวมแสงสว่างสองดวงไว้ในมือ
ลู่หยวนถามกุ่ยซู่ ทำให้ทราบว่าช่วงที่เกิดการระเบิดในวันนั้น เป็นกุ่ยเหยียนที่ช่วยไป๋อู๋อีเอาไว้ ดังนั้นผู้ที่อยู่ในตำแหน่งแสงสว่างสองจุดนี้คือไป๋อู๋อี อีกคนคือกุ่ยเหยียน
ในสถานที่ที่แสงสว่างสองจุดทั้งสองอยู่ในตอนนี้ ตั้งอยู่ในหุบเขาลึก ที่บังเอิญก็คือตราประทับทาสของเทียนเม่ยเอ๋อร์แสดงผลอยู่ด้านล่างเช่นกัน
มุมปากของชายหนุ่มยกขึ้น “น่าสนใจ”
บุตรศักดิ์สิทธิ์กระโดดลงไป ในขณะที่มีกุ่ยซู่ตามไปติด ๆ
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ทั้งสองก็มาถึงถ้ำ
ยังไม่ทันเข้าไปใกล้ ลู่หยวนก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันแรงกล้า
พลังบนยอดเขาเมฆาม่วงอุดสมบูรณ์กว่าโลกภายนอก แถมที่นี่ยังเข้มข้นกว่าที่อื่นอีกหลายเท่า
ราวกับว่ามีโชคชะตาบางอย่างอยู่ที่นี่!
เมื่อลู่หยวนกำลังจะก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง เงาสีดำก็ได้เข้ามาใกล้ กลิ่นอายสังหารพุ่งขึ้นสู่ท้องนภาในทันที คว้าเข้าที่ศีรษะของชายหนุ่ม
ตู้ม!
กุ่ยซู่ซัดหมัดออกไป ทำให้สามารถหยุดอีกฝ่ายได้
“กุ่ยเหยียน เจ้าช่างอาจหาญนัก! กล้าโจมตีนายท่านได้อย่างไร?”
ใบหน้าขนาดเล็กของประมุขเผ่าภูติผีเต็มไปด้วยโทสะ ขณะแค่นเสียงอย่างเกรี้ยวกราด “รีบถอยไปเดี๋ยวนี้!”
สิ้นเสียงต่อว่า กุ่ยเหยียนคล้ายกับไม่ได้ยิน และปราศจากร่องรอยความตกตะลึงบนใบหน้าโดยสิ้นเชิง มีเพียงดวงตาที่ค่อย ๆ กลายเป็นสีแดง เขายกมืออีกข้างขึ้น กำฝ่ามือและส่งพลังมืดแผ่ซ่านไปยังนิ้วทั้งห้า ในขณะที่ริมฝีปากพึมพำบางอย่างตลอดเวลา
เปรี้ยง!
กุ่ยเหยียนโจมตีด้วยฝ่ามืออีกครั้ง เป้าหมายยังเป็นการสังหารลู่หยวน
กุ่ยซู่ซัดหมัดออกไป กระแทกเข้าที่แขนของกุ่ยเหยียนทันที สิ้นเสียง ‘ตู้ม!’ กุ่ยเหยียนก็กระเด็นออกไปไกลสามจั้ง จนกระแทกติดกับผนังถ้ำอย่างรุนแรง ร่างนั้นกระอักโลหิตออกมา ก่อนร่วงลงไปกองกับพื้น
กุ่ยซู่รีบคุกเข่าเพื่อกล่าวขอโทษ “ลูกน้องของข้าอ่อนแอเอง โปรดอภัยให้ข้าด้วย!”
นางไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับกุ่ยเหยียน เหตุใดเขาถึงกับโจมตีลู่หยวนเช่นนี้ นี่มันเป็นการรนหาที่ตายไม่ใช่หรือ?!
กุ่ยเหยียนมีจิตสังหารแรงกล้า จนประมุขเผ่าภูติผีไม่กล้าขอความเมตตาจากชายหนุ่ม ทำให้ต้องคุกเข่าสารภาพผิดต่อเจ้านายอยู่เช่นนั้น
บุตรศักดิ์สิทธิ์ยกมุมปาก “ลุกขึ้นได้แล้ว มันไม่ใช่เรื่องของเจ้าหรอก กุ่ยเหยียนผู้นี้โดนยันต์สาปวิญญาณเข้าให้แล้ว”
“ยันต์สาปวิญญาณหรือ?”
กุ่ยซู่เคยได้ยินชื่อคำสาปนี้มาบ้าง คนที่ถูกร่ายยันต์สาปวิญญาณใส่จะกลายเป็นหุ่นเชิด จิตสำนึกจะถูกยึดครองโดยผู้อื่น และไม่มีจิตสำนึกของตัวเอง อีกทั้งอายุขัยจะลดลงเป็นอย่างมาก
เพราะความชั่วร้ายของมัน ทำให้ถูกจัดอยู่ในฐานะวิชาต้องห้ามในแผ่นดินหยวนหง!
คาดไม่ถึงว่ากุ่ยเหยียนจะถูกใครบางคนร่ายคำสาปใส่ ช่างน่ารังเกียจนัก!
“ลู่หยวน เจ้ามีความรู้ไม่เลว”
จากในถ้ำ ไป๋อู๋อีก้าวออกมาช้า ๆ ด้วยรอยยิ้ม แววตาเผยความมั่นใจ
ด้านหลังของเขาคือเทียนเม่ยเอ๋อร์ ตอนนี้ดวงตาของนางหมองหม่น สีหน้าย่ำแย่ ไม่มีอาการไหวติงเมื่อเห็นบุตรศักดิ์สิทธิ์
“ข้ารอเจ้าตั้งหลายวัน ทำไมถึงพึ่งมา?”
ไป๋อู๋อียืนเอามือไพล่หลัง ราวกับคาดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายจะมาตามหาเขา
ลู่หยวนเย้ยหยัน “อะไร? สุนัขเช่นเจ้ากระวนกระวายที่ต้องรอให้ข้ามาพรากชีวิตอย่างนั้นหรือ?”