ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 531 ตี้อู่เหอซั่น
บทที่ 531 ตี้อู่เหอซั่น
บทที่ 531 ตี้อู่เหอซั่น
หากเป็นความสามารถอื่นก็ว่าไปอย่าง แต่มันคือเคล็ดกายา!
ลู่หยวนต้องการพลังนี้มากยิ่งนัก!
แผ่นดินหยวนหงแห่งนี้เจริญรุ่งเรืองมาได้สักระยะเพราะปราณวิญญาณ แต่มันถูกพันธนาการแน่นหนาอันเนื่องมาจากปราณวิญญาณเช่นกัน!
เพราะตัวตนของปราณวิญญาณที่เผ่าพันธุ์มนุษย์สามารถฝึกฝนได้ ซึ่งเผ่าพันธุ์ทั้งหมดสามารถอยู่รอดและฝึกฝนได้เพราะสิ่งนี้
แต่เป็นเพราะปราณวิญญาณเบาบางเกินไปจนทำให้ไม่มีใครสามารถออกจากดินแดนดังกล่าวได้!
ไม่ว่าจะฝึกฝนแค่ไหนก็ทำได้เพียงอยู่ในสถานที่แห่งนี้เท่านั้น!
แต่เคล็ดกายานี้ทำให้ลู่หยวนมองเห็นเส้นทางที่ต่างออกไป
โดยเฉพาะการสั่นสะเทือนครั้งสุดท้าย เมื่อครู่พลังที่ระเบิดออกมาถึงกับบดบังทุกสิ่งในมิติ!
ลู่หยวนบอกกับตัวเองว่าแม้แต่เขาในตอนนี้ก็ทำสิ่งนั้นไม่ได้!
แต่ด้วยการบ่มเพาะของฟั่นโจว เขากลับสามารถทำได้!
มันแสดงให้เห็นว่าพลังสามสั่นสะเทือนแข็งแกร่งมากแค่ไหน!
ลู่หยวนยิ้มหยัน ของดีเช่นนี้ควรเป็นเขาที่ได้รับ!
เขานั่งอยู่เบื้องหน้าฟั่นโจว ง้าวมังกรครามแปดแดนร้างก็ปรากฏ
ดวงตาของฟั่นโจวทอประกายด้วยความตกตะลึง
เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดลู่หยวนถึงเผยจิตสังหารเช่นนั้น!
นับตั้งแต่ที่ได้พบกับลู่หยวน อีกฝ่ายก็ติดตามเขามาตลอดโดยไม่มีเจตนาสังหารแต่อย่างใด แต่ตอนนี้กลับคิดจะลงมือฆ่าแกงอย่างนั้นหรือ?!
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?!
ฟั่นโจวไม่เข้าใจว่าลู่หยวนทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร ดังนั้นเขาจึงสงบสติก่อนจะเอ่ยถามออกไป “บุตรศักดิ์สิทธิ์ทำแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? ข้าไม่ได้ทำให้ท่านขุ่นเคืองเลยสักครั้ง!”
ลู่หยวนไม่คิดพูดจาเหลวไหลก่อนจะแทงไปที่หัวใจของฟั่นโจวอย่างรุนแรง!
พรวด!
ง้าวทะลวงเนื้อจนโลหิตทะลักออกมา
ความเจ็บปวดพลันแผ่ซ่านไปทั่วร่างของฟั่นโจว แล้วเส้นโลหิตก็ปูดโปน!
แม้จะกระอักโลหิตออกมา ทว่าเขายังไม่ตาย!
ใบหน้าแย้มยิ้มของลู่หยวนหายไปทันที อู๋เต้ากับเจิ้งชิงเทียน รวมถึงสือจิ่วก็วูบไหวออกมา พวกเขามีสีหน้าหนักอึ้งขณะเคลื่อนมาอยู่ข้างกายเขา ในมือถืออาวุธเอาไว้พร้อมที่จะต่อสู้ทุกเมื่อ!
เงาร่างหนึ่งซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของลู่หยวนก็ผันผวนไปมา แล้วเสียงผู้หญิงอันลุ่มลึกและหาญกล้าก็ดังขึ้น
“เจ้าหนู เด็กน้อยผู้นี้รอดก็เพราะข้า เจ้าไปฆ่าคนอื่นเสียเถอะ”
แม้น้ำเสียงจะเนิบช้า แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่น!
ลู่หยวนเงยหน้าก่อนจะพบว่าเงาดังกล่าวรวมตัวกันแล้ว มันจับง้าวมังกรครามแปดแดนร้างไว้ด้วยมือข้างหนึ่งขณะออกแรงยก ทำให้ปลายง้าวอยู่ห่างจากหัวใจเพียงสามฉุ่นเท่านั้น
เขาไม่ทราบว่าเงาดังกล่าวมีพลังอะไร แต่มันเต็มไปด้วยปราณวิญญาณที่ตนเองถ่ายทอดเข้าไปในง้าว!
ทั้งที่ห่างออกไปเพียงสามฉุ่น แต่มันกลับป้องกันไม่ให้ลู่หยวนขยับไปข้างหน้าได้แม้แต่นิดเดียว!
แม้เงานี้จะสั่นไหวเป็นระลอกคลื่น ถึงกระนั้นก็สามารถมองเห็นสีหน้าอันอาจหาญได้อย่างชัดเจน
มันแตกต่างจากวิญญาณวีรชนของหลิวอวิ๋น ทุกการเคลื่อนไหวของเงานี้เต็มไปด้วยท่าทีคุกคามราวกับดูแคลนโลก!
ลู่หยวนไม่ปล่อยมือขณะจ้องมองไปทางเงาดังกล่าว แม้น้ำเสียงของเขาสงบ แต่จิตสังหารกลับยิ่งรุนแรง “เจ้าปกป้องเขาไม่ได้หรอก”
เงานั้นไม่ได้โกรธเมื่อได้ยินเช่นนี้ แต่กลับพลันหัวเราะออกมา “พรืด..ฮ่าฮ่า เจ้าหนูสมัยนี้อวดดีกันหมดหรืออย่างไรกัน?!”
ลู่หยวนไม่เอ่ยคำใด ส่วนอู๋เต้ากับเจิ้งชิงเทียนรอคอยอยู่อย่างแน่นหนา
พวกเขาล้วนสัมผัสได้ว่าเงานี้จัดการได้ไม่ง่าย!
แม้เงาของคนผู้นี้จะได้รับการสนับสนุนจากเศษเสี้ยววิญญาณสุดท้าย แต่พลังที่อยู่ภายในกลับทรงพลังหาใดเปรียบ!
เห็นได้ว่าตอนที่คนผู้นี้ยังมีชีวิตทรงพลังมากแค่ไหน!
เงานั้นหัวเราะร่วนจนนิ่งงัน จากนั้นจึงมองลู่หยวน “เจ้าหนู เจ้าฆ่าคนผู้นี้ไม่ได้หรอก”
มันยกมืออีกข้างแล้วชี้ไปที่ท้องนภา “นั่นเพราะข้าได้ทำข้อตกลงกับวิถีสวรรค์แล้ว เพราะอย่างนั้นทายาทคนหนึ่งของข้าจึงสามารถก้าวออกจากดินแดนนี้ได้”
“ฟั่นโจวผู้นี้คือคนที่วิถีสวรรค์เลือก หากเจ้าฆ่าเขาก็เท่ากับเป็นการละเมิดพันธสัญญากับวิถีสวรรค์ ถ้าเป็นเช่นนี้ เจ้าก็คงรู้ผลลัพธ์ที่ต้องแบกรับเอาไว้ใช่หรือไม่”
ลู่หยวนยิ้มหยัน “เจ้าข้องเกี่ยวกับวิถีสวรรค์หรือไม่ ข้าหาได้สนใจไม่”
“ข้าสนใจเพียงแค่ว่าวันนี้ข้าอยากให้ฟั่นโจวตาย!”
สิ้นคำ ลู่หยวนพลันรู้สึกถึงแรงกดดันจากรอบข้าง!
เงานั่นไม่คาดคิดว่าแรงกดดันของลู่หยวนจะแข็งแกร่ง มันจึงถูกกำราบในพริบตา แต่มันก็ตอบสนองอย่างรวดเร็วจนทำให้กลิ่นอายรอบข้างสั่นสะเทือน
ลู่หยวนกดมือลงไปบนง้าวมังกรครามแปดแดนร้างก่อนจะออกแรงมหาศาล!
เงาดังกล่าวโจมตีกลับด้วยพลังอันร้ายกาจเพื่อยันง้าวดังกล่าวเอาไว้ ทำให้มันไม่สามารถเคลื่อนลงมาได้!
“โห เจ้าหนูทรงพลังไม่น้อย! แต่น่าเสียดายร่างกายยังไม่ค่อยดีนัก!”
เงานั้นหัวเราะคิกคัก จากนั้นไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ปราณวิญญาณรอบข้างลู่หยวนเริ่มเบาบาง!
อุบายเหล่านั้นที่ต้องใช้ปราณวิญญาณในการรักษาเริ่มใช้งานไม่ได้!
เงายกง้าวมังกรครามแปดแดนร้างของลู่หยวนทีละน้อย ภายในไม่กี่อึดใจ มันก็ออกแรงดึงง้าวออกจากร่างของฟั่นโจว!
โลหิตทะลักออกจากหน้าอกของฟั่นโจว ดูน่าสยดสยองนัก
ในตอนนี้ ฟั่นโจวหมดสติไปนานแล้ว
ด้วยเกรงว่าการต่อสู้ที่ใกล้อุบัติจะลุกลามมาถึงฟั่นโจว เงาดังกล่าวจึงเตะร่างของฟั่นโจวทันที
จากนั้นร่างของฟั่นโจวก็กระเด็นออกไปด้วยความเร็วสูงก่อนจะวาดวิถีโค้งในอากาศธาตุ จากนั้นจึงกระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง!
ปัก!
ทันทีที่ฟั่นโจวกระแทกลงมา ลู่หยวนก็ได้ยินเสียงกระดูกแตกร้าวเล็กน้อย
[แจ้งเตือนจากระบบ : ชีวิตของบุตรแห่งโชคชะตาฟั่นโจวตกอยู่ในความเสี่ยง หากท่านใช้กำลังในการสังหารเขาก็จะถูกวิถีสวรรค์ลงทัณฑ์!]
ลู่หยวนหลั่งเหงื่อด้วยความเดือดดาล
ตอนที่ง้าวถูกแทงเข้าไป ฟั่นโจวยังไม่เข้าใกล้ความตายเลยด้วยซ้ำ แต่ลูกเตะของเงาเมื่อครู่ถึงกับทำให้อีกฝ่ายปางตาย
เงาดังกล่าวเป็นนักแสดงหญิงหรืออย่างไร?!
มันเพียงเหลือบมองไปทางที่ฟั่นโจวตกลงมาก่อนจะเดาะลิ้น “เด็กคนนี้ทำอะไรไม่ได้แล้ว ข้าเลยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเตะออกไป แต่มันดีแล้วหรือที่วิถีสวรรค์เลือกคนอ่อนแอเช่นนี้ให้ ข้าว่าควรไปหาคนใหม่ตามท้องถนนเสียยังดีกว่า”
หากฟั่นโจวได้ยินคำพูดเหล่านี้เข้า เขาอาจจะเสียใจเป็นอย่างยิ่งก็เป็นได้
ขนาดลู่หยวนยังถูกเงานี้กำราบไว้ชั่วคราว แล้วระดับการบ่มเพาะของฟั่นโจวอยู่ขั้นไหน?
เขายังคงเหนื่อยล้าและระดับการบ่มเพาะถูกใช้จนสิ้น การถูกเตะแบบนี้เท่ากับมีชะตาถึงฆาต!
สีหน้าของลู่หยวนเฉยชา แล้วเสียงของอู๋เต้ากับเจิ้งชิงเทียนก็ดังมาจากด้านหลัง
“ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่านางอาจจะเป็น…”
“ข้าก็รู้สึกแบบเดียวกัน! นิสัยแบบนี้น่าจะเป็นตี้อู่เหอซั่น”
เมื่อสิ้นเสียงของเจิ้งชิงเทียน เงานั้นก็หันศีรษะทันที “ใคร? ใครเอ่ยนามของข้า?”
เจิ้งชิงเทียนกับอู๋เต้าพูดไม่ออกชั่วขณะ
ตอนนี้ได้รับการยืนยันแล้วว่ามันเป็นความจริง
“ตี้อู่เหอซั่นหรือ?”
ลู่หยวนพึมพำ
เงาดังกล่าวมองลู่หยวน แล้วใบหน้าที่อาจหาญของนางก็เผยรอยยิ้มสดใสขณะแสดงความอ่อนโยนออกมา
หากไม่ใช่เพราะมัดกล้ามที่ขยับบนร่างของเงา กลิ่นอายรอบข้างที่กดขี่ลู่หยวน อีกทั้งยังเตะบุตรแห่งโชคชะตาจนเกือบปางตายเมื่อครู่นี้
ลู่หยวนก็คงยอมรับว่าชื่อนี้เข้ากับรอยยิ้มของอีกฝ่ายค่อนข้างมาก
แต่ตอนนี้ดูท่าว่ามันยังมี ‘แก่น’ ที่ดีอยู่!
อู๋เต้าก้าวมาข้างหน้าจนมายืนเคียงข้างลู่หยวนแบบไหล่ชนไหล่ จากนั้นประสานมือคำนับเล็กน้อย “ตี้อู่เหอซั่น ข้าคืออู๋เต้า มหาจักรพรรดิของเผ่าพันธุ์มนุษย์”
เจิ้งชิงเทียนก้าวมาข้างหน้าแล้วประสานมือเช่นกัน “เผ่าพันธุ์มนุษย์ วิถีคุณธรรม เจิ้งชิงเทียน”
แม้ตี้อู่เหอซั่นจะไม่ได้เข้าร่วมในสงครามครั้งใหญ่เมื่อสามแสนปีก่อน แต่อีกฝ่ายก็ยังเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ปลุกปั่นทั่วแผ่นดิน
รอยยิ้มของตี้อู่เหอซั่นยิ่งอ่อนโยนเมื่อได้ยินเช่นนี้
“โห ทุกคนช่างตายไวกันเหลือเกิน”
———————————