ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 540 ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอม
บทที่ 540 ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอม
บทที่ 540 ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอม
กู้ชิงหรันผู้อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยเคลื่อนลงมาอยู่ข้างกายลู่หยวนแบบไหล่ชนไหล่ สายตาของนางมองไปทางผู้มาเยือน
ซวี่รั่วหลิงอ้างว่าเป็นสาวใช้ของลู่หยวน ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่นางจะไม่ยืนเคียงข้างเขา ก่อนจะก้าวถอยหลังครึ่งก้าวไปอยู่ด้านหลังและหลุบตาลง
แม้ผู้มาเยือนจะเผยรอยยิ้ม แต่ดวงตากลับสงบนิ่ง สีหน้าจับจ้องไปทางลู่หยวน
เมื่อคนผู้นี้เข้ามาใกล้ เสียงของระบบก็ดังขึ้นในใจของลู่หยวน
[แจ้งเตือนจากระบบ : บุตรแห่งโชคชะตาเฉินจงปรากฏตัว! ค่าโชคชะตา 15000]
บุตรแห่งโชคชะตาที่มีค่าโชคชะตาหนึ่งหมื่นห้าพันแต้ม…
มุมปากของลู่หยวนยกยิ้มเล็กน้อย อีกฝ่ายถึงขั้นเข้ามาถวายหัวให้ถึงที่
แค่เติมเต็มค่าโชคชะตาที่เพิ่งใช้ในการสังหารรูปลักษณ์เซียนได้ก็เกินพอแล้ว!
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่!”
เฉินจงเอ่ยคำอย่างสุภาพขณะประสานมือให้ลู่หยวน จากนั้นแย้มยิ้ม “ข้าได้ยินมานานแล้วว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่มีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมกับสหายเก่งกาจมากความสามารถ พอข้าได้มาพบท่านในวันนี้ มันช่างสมคำร่ำลือยิ่งนัก!”
มุมปากของลู่หยวนยิ่งยกยิ้ม
เมื่อเฉินจงเห็นเช่นนี้ ความเหยียดหยันก็ก่อตัวขึ้นในใจ
เหอะ… อายุเท่านี้ แต่สุดท้ายก็เป็นเพียงบุตรจากตระกูลชั้นสูงผู้ไม่รู้จักฟ้าสูงดินต่ำ
ต่อให้พรสวรรค์จะยอดเยี่ยมถึงเพียงใด แต่มันก็เป็นเพียงเชื้อเพลิงให้กับอัตตาเท่านั้น
เฉินจงเพียงชื่นชมอีกไม่กี่คำ เด็กคนนี้ก็เริ่มประมาทเลินเล่อก่อนจะเผยรอยยิ้มสดใส
เหอะ! โง่เขลาเสียจริง
ทว่าแบบนั้นก็ดี คนผู้นี้เรียบง่ายนัก เกรงว่าคงจะหลอกได้ไม่ยาก
จากนั้นก็ทำให้เด็กคนนี้มีความสุขชั่วขณะจนยอมคายอะไรออกมา เมื่อนั้นเขา เฉินจง ก็จะหยิบยื่นความช่วยเหลือให้
เมื่อแข็งแกร่งในภายภาคหน้า ด้วยภูมิหลังกับพละกำลังของตระกูลลู่หยวน เขาจะต้องมีค่ามากพอที่เป็นน้องชายผู้คอยตามหลังเฉินจงได้อย่างแน่นอน
เฉินจงมีความคิดมากมายผุดขึ้นในใจ ในเวลาอันสั้น เขาก็ตัดสินใจตระเตรียมอนาคตของลู่หยวนอย่างเหมาะสมให้เสร็จสรรพ
ลู่หยวนผู้อยู่ตรงหน้ายิ่งเผยรอยยิ้มกว้างขณะเอ่ยกับเฉินจงอย่างเนิบช้า “สุนัขตัวนี้มาจากแห่งใด? พวกมันมาที่นี่เพียงเพื่อจะหาเรื่องข้าอย่างนั้นหรือ?”
ขณะที่เฉินจงกำลังครุ่นคิดอย่างเพลิดเพลิน แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ลู่หยวนพูด รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็หุบลงชั่วขณะ
“ท่าน?!”
แม้เฉินจงจะเต็มไปด้วยความเดือดดาล แต่ก็รีบสะกดมันเอาไว้ เขาทราบดีว่าด้วยพละกำลังในตอนนี้ย่อมไม่สามารถเอาชนะลู่หยวนได้!
ยิ่งไปกว่านั้น เฉินจงก็เห็นเต็มสองตาว่ารูปลักษณ์เซียนพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับลู่หยวน
เขามาที่นี่เพื่อเข้าใกล้ลู่หยวน เพราะต้องการใช้อีกฝ่ายเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างรวดเร็ว!
หากไปมีเรื่องกับลู่หยวนขึ้นมา เกรงว่าไม่เพียงแต่จะไม่สามารถหยิบยืมพละกำลังได้เท่านั้น แต่ชะตากรรมของตนเองจะตกอยู่ในอันตรายด้วยเช่นกัน!
เฉินจงสะกดโทสะเอาไว้ขณะเอ่ย “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ข้ามีนามว่าเฉินจง ข้ามาจากแดนเหนือเช่นกัน ช่วงที่ข้าเคยอยู่ที่นั่นก็ได้ยินตำนานเกี่ยวกับท่านมามากมาย พอได้มาพบในวันนี้ ข้าก็เกิดความเลื่อมใสจนอยากมาสนทนากับท่าน”
หลังจากสิ้นคำ เฉินจงก็มองเห็นความเหยียดหยันในดวงตาของลู่หยวนซึ่งไม่ต่างกับกำลังมองสิ่งที่น่าขยะแขยง
แม้กระทั่งในสายตาของลู่หยวน เฉินจงก็มองเห็นเพียงคำว่า “จุ๊จุ๊จุ๊”
ลู่หยวนแสดงท่าทีดูถูกจริง หากผู้อื่นมาประจบสอพลอก็แล้วไป แต่นี่บุตรแห่งโชคชะตาถึงกับเป็นฝ่ายทำเสียเอง!
เฉินจงผู้นี้มีเส้นทางแบบไหนกัน?
เขาจะมองด้วยสายตาดูถูกหรือต่อยให้ตายก็ย่อมได้อย่างนั้นหรือ?
เฉินจงไม่ทราบว่าเหตุใดลู่หยวนถึงมองเขาด้วยสายตาเช่นนั้น
แต่เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับลู่หยวนมาบ้าง อีกฝ่ายคือคนที่ไม่มีวันยอมเสียเปรียบ หากไม่มีผลประโยชน์ก็ไม่มีทางจริงใจกับผู้อื่น
หากต้องการเข้าใกล้ลู่หยวนก็ต้องแสดงความจริงใจออกมา!
เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินจงก็หยิบแผนที่เก่าออกมาแล้วนำเสนอให้กับลู่หยวน “บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้าได้รับแผนที่นี้ระหว่างเดินทางโดยบังเอิญ สิ่งที่ถูกบันทึกอยู่ข้างในคือสมบัติทรงพลังที่สุดซึ่งอยู่ในซากปรักหักพังแห่งนี้!”
“ข้าทราบดีว่าตัวเองไม่มีกำลังพอจะไปเอาของพวกนี้ด้วยตัวเอง ดังนั้นข้าจึงขออุทิศมันให้กับบุตรศักดิ์สิทธิ์ ขอเพียงแค่ให้ท่านพาข้าไปสั่งสมประสบการณ์ด้วยก็พอแล้ว”
“โห? แผนที่หรือ?”
ลู่หยวนยิ้มขณะหยิบแผนที่มาอย่างไม่ใส่ใจ พวกอู๋เต้ามารวมตัวกันเพื่อดูแผนที่พร้อมกับเขา
ในบรรดาคนเหล่านี้ มีเพียงกู้ชิงหรันที่สามารถมองเห็นเศษเสี้ยววิญญาณของพวกอู๋เต้าได้
ฝูงชนที่เหลือมีระดับการบ่มเพาะไม่เพียงพอ ที่จะสังเกตเห็นว่ายังมีเศษเสี้ยววิญญาณจำนวนมากรายล้อมลู่หยวน
ดังนั้น เฉินจงจึงไม่ทราบว่าลู่หยวนไม่ใช่เพียงคนเดียวที่กำลังดูแผนที่
หลังจากพวกอู๋เต้าตรวจสอบดูแล้ว เจิ้งชิงเทียนก็เป็นคนแรกที่เอ่ย “สิ่งที่แผนที่นี้อธิบายคือ ‘ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอม’ จริงหรือ?”
“มันคืออะไรหรือ?”
ลู่หยวนถาม
เจิ้งชิงเทียนอธิบาย “มีข่าวลือว่าผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมนี้คือทักษะลับในแดนเซียน มันมีความคล้ายกับผนึกบนแผ่นดินหลัก แต่ก็มีความแตกต่างค่อนข้างมาก ว่ากันว่าหากเรียนรู้ผนึกนี้และทำการฝึกฝนจนประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ ท่านจะสามารถครอบครองพลังที่จะพลิกภูผาธารา!”
ลู่หยวนคิ้วขมวด “พลิกภูผาธารา? มันเป็นไปได้ด้วยหรือ?”
ตี้อู่เหอซั่นพยักหน้า “ถูกต้อง ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมอยู่ในซากปรักหักพังแห่งนี้จริง!”
นางค่อนข้างมั่นใจ นั่นเพราะหลังจากติดตามฟั่นโจวจนมาถึงที่นี่ นางก็สามารถสัมผัสได้ว่าในโลกใบนี้มีเศษชิ้นส่วนความผันผวนของผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมอยู่
ทว่าด้วยรูปลักษณ์เศษเสี้ยววิญญาณในตอนนี้ของตี้อู่เหอซั่น มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะระบุตำแหน่งของผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมได้อย่างแม่นยำ!
“แต่ว่า แผนที่นี้เชื่อถือไม่ได้”
ตี้อู่เหอซั่นเอ่ยอีกครั้ง “ทุกสิ่งบนแผนที่นี้ได้รับการแก้ไข มันไม่ใช่แผนที่ดั้งเดิม หากเป็นแผนที่ที่บันทึกทักษะพิเศษอย่างผนึกพันดาราเก้าเตาหลอม มันก็ไม่มีทางถูกดัดแปลงได้”
“ยิ่งกว่านั้น การดัดแปลงแผนที่นี้คล้ายกับเสร็จสิ้นได้ด้วยพลังมหาศาลของจิตเทวะ แม้กระทั่งตอนที่ข้าอยู่ในแดนเซียน พลังจิตเทวะก็ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ ซึ่งคนที่ดัดแปลงแผนที่จะต้องน่าสะพรึงไม่น้อย!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลู่หยวนก็เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย แล้วความคิดอันอาจหาญก็ผุดขึ้นมา
พลังมหาศาลของจิตเทวะ…
แสดงว่า เฉินจงผู้นี้เกิดใหม่ในอีกโลก ยึดครองร่าง หรือไม่ก็… กลับชาติมาเกิดงั้นหรือ?
ความเป็นไปได้มีเพียงเท่านี้
ลู่หยวนยิ้มหยันอยู่ในใจ
ทันทีที่เฉินจงเสนอแผนที่นี้ ลู่หยวนก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่มีอะไรดีสักอย่าง
แต่เฉินจงเป็นบุตรแห่งโชคชะตา!
ยิ่งกว่านั้น ยังมีผู้คนที่จับตาดูมากกว่าหลายพันคนไม่ใช่หรือ?
ช่วงเวลานี้ ผู้คนทั้งหลายรวมตัวห่างออกไปสามหมื่นลี้ ซึ่งคาดไม่ถึงว่าเฉินจงจะมาที่นี่เพื่อเสนอบางสิ่งให้
ลู่หยวนเข้าใจดีว่าเฉินจงกำลังคิดอะไร ผนึกพันดาราเก้าเตาหลอมนี้เป็นของดี เขาจะไม่ไปตามหาหลังจากได้เห็นแล้วได้อย่างไร?
หากลู่หยวนตกลงที่จะพาเฉินจงไปด้วย แต่แผนที่ที่ให้มาไร้ซึ่งความแม่นยำ เช่นนั้นเขาอาจจะเผชิญกับปัญหา ขอเพียงเข้าไปพัวพันกับบางอย่าง อีกฝ่ายก็สามารถฉวยโอกาสเพื่อไปตามหาเองได้!
ถึงตอนนั้น เฉินจงจะกลายเป็นผู้ได้ประโยชน์มากที่สุดในหมู่ผู้คนทั้งหลายที่เข้าสู่แดนเซียน!
เหอะ… การดีดลูกคิดรางแก้ว*[1] ของเจ้าช่างส่งเสียงดังชัดเจนนัก!
ลู่หยวนลอบจดจำแผนที่ จากนั้นจึงระดมพลังบนฝ่ามือ แล้วเพลิงขุนพลสวรรค์ก็สั่นไหวก่อนจะทำการกลืนกินมันเข้าไป!
แผนที่หายไปแล้ว!
เฉินจงในตอนนี้มีสีหน้าแข็งทื่อ แล้วเสียงของลู่หยวนก็ลอยเข้าหูเขา “เจ้าขยะชิ้นนี้คืออะไร ข้าไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อน ถึงอย่างนั้นเจ้ากลับกล้านำมาเสนอให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”
[1] ดีดลูกคิดรางแก้ว ตรงกับสำนวนจีนที่ว่า คิดคำนวณทุกอย่างไว้อย่างรอบคอบโดยให้ตนเองได้ประโยชน์สูงสุด