ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 551 ระบบกลยุทธ์
บทที่ 551 ระบบกลยุทธ์
ดวงตาของซ่งชิงเผยความตกตะลึงชั่วขณะ ทันใดนั้นหมัดของลู่หยวนก็เคลื่อนลงมากระแทกเข้าที่ใบหน้าของเขาโดยตรง!
หมัดเคลื่อนมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ห้วงอากาศรอบข้างถูกบีบอัดจนเสียรูปก่อนจะแตกสลายทีละชั้น!
ซ่งชิงทราบเช่นกันว่าต่อให้จะใช้พลังของระบบก็คงไม่สามารถกำจัดลู่หยวนจนสิ้นได้ ดังนั้นเขาจึงรีบสร้างผนึกด้วยมือทั้งสองอย่างรวดเร็ว!
อักขระสีขาวแปลกประหลาดปรากฏบนหน้าผากของซ่งชิง พวกมันกระจายออกไปขณะปกคลุมทั่วร่างของเขา!
หมัดของลู่หยวนที่ใกล้เข้ามาพลันหยุดนิ่งด้วยพลังของอักขระนี้ แล้วกลิ่นอายของเขาก็ถูกแช่แข็งไปชั่วขณะ!
“ระบบ! ทำลายพันธนาการ! พลังสามสั่นสะเทือนจนไปถึงระดับสูงสุดแล้ว!”
ลู่หยวนโพล่งออกไป!
[ระบบรับทราบ!]
เส้นสีทองแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนหมัดของลู่หยวน โดยพลังอันไร้ที่มาปรากฏจากอากาศธาตุภายในทะเลลมปราณของเขา ก่อนจะปกคลุมกลิ่นอายทั้งหมดเอาไว้!
พลังในมือของลู่หยวนเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่า!
หลุมดำรอบข้างที่ปกคลุมห้วงอากาศจากการแตกสลายก็ปรากฏ แต่มันกลับถูกสะกดเอาไว้โดยพลังที่เพิ่มขึ้นของลู่หยวน!
ชิ้ง!
ทำให้พลังที่จองจำลู่หยวนเอาไว้สลายไปโดยพลัน!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
พลังในมือของลู่หยวนเกินกว่าแผ่นดินหยวนหงจะแบกรับได้!
ขณะหมัดของลู่หยวนเคลื่อนลงมา โลกรอบข้างเกิดการบิดเบี้ยว สิ่งรอบข้างล้วนพลันทลาย!
“ลู่หยวน ข้าแค่ควบคุมเจ้าได้หนึ่งอึดใจก็เกินพอแล้ว!”
ซ่งชิงตะโกนออกมา “ระบบ พัฒนารูปลักษณ์ธรรมให้ถึงระดับสูงสุด!”
[ระบบรับทราบ!]
ในตอนนี้ หมัดของลู่หยวนห่างจากใบหน้าของซ่งชิงเพียงสามชุ่น!
พลังหมัดอันร้ายกาจนั่นทำให้โลกรอบข้างบิดเบี้ยวและแตกสลาย!
ซ่งชิงไม่กลัวเกรงแต่อย่างใด อักขระสีขาวบนหน้าผากและนัยน์ตาถูกย้อมจนกลายเป็นสีทอง แล้วเส้นโลหิตก็ปูดโปนขึ้นมา!
“รูปลักษณ์ธรรม! ฟ้าดิน!”
ตู้ม!
เงาใหญ่โตประหนึ่งทวยเทพพลันปรากฏจากร่างของซ่งชิง โดยหมัดสีทองขนาดใหญ่เข้ากระทบกับหมัดของลู่หยวน!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ทั้งสองจู่โจมเข้าใส่อย่างดุเดือด ทั่วหล้าที่อยู่ภายใต้ความผันผวนของพวกเขาบิดเบี้ยวจนสิ้น ก่อนจะเริ่มพังทลายจากสุดขอบของซากปรักหักพังทีละน้อย!
นอกจากหมู่เมฆสีทองที่เคลื่อนตัวอยู่เหนือท้องนภา หลุมดำไร้ก้นบึ้งก็ปรากฏขึ้นเช่นกัน แล้วสายลมแรงกล้าก็พัดผ่านขณะกลืนกินโลกที่แตกสลายเหล่านี้ทีละน้อย!
ผู้คนทั้งหลายที่มีระดับการบ่มเพาะต่ำไม่มีเวลาให้หลบหนี ก่อนจะถูกดูดเข้าไปในหลุมดำไร้ก้นบนท้องนภา โดยไม่มีใครได้พบเห็นพวกเขาอีก!
ชิ้ง!
กลิ่นอายของทั้งสองที่เข้าปะทะกันพลันหายไป แล้วร่างพวกเขาก็กระเด็นถอยหลังไปคนละทิศละทาง!
ลู่หยวนเพิ่งประคองร่างกายอย่างมั่นคงและกำลังจะไล่ตามอีกครั้ง แต่เขาพบว่าซ่งชิงหายไปไกลลิบเสียแล้ว!
เสียงของซ่งชิงดังก้องในโลกนี้ “ลู่หยวน เมื่อเจ้ากับข้าพบกันอีกครั้งบนเกาะสังหารเซียน นั่นคือวันที่พวกเราจะได้ตัดสินกันว่าใครจะอยู่หรือตาย! ข้าจะเหยียบร่างของเจ้าแล้วถามกับวิถีสวรรค์ว่ากล้าดีอย่างไรถึงมาใช้พวกเราเป็นตัวหมากแบบนี้!”
ในตอนนี้ ร่างของชางเหล่าที่ถูกพวกอู๋เต้าต้อนจนมุมก็หายไปเช่นกัน!
โลกของซากปรักหักพังถูกทำลายสิ้น มันบิดเบี้ยวเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะถูกทำลายไม่เหลือซากในไม่ช้า!
สายลมแรงกล้ากวาดผ่านลู่หยวนที่ยืนอยู่ในห้วงอากาศ ชุดคลุมสีขาวพลิ้วไหวไปมาพร้อมกับอำนาจยิ่งใหญ่ ฝ่ามือของเขากำหมัดมั่นขณะกลิ่นอายของอักขระรอบข้างก็ถูกทำลายไม่มีชิ้นดี!
“ตี้อู่เหอซ่าน เจ้าเห็นโลกรูปลักษณ์ธรรมเมื่อครู่หรือไม่?”
ลู่หยวนเอ่ยอย่างเนิบช้า
เสียงของตี้อู่เหอซ่านดังขึ้น “นายท่าน ข้าเคยเห็นมาก่อน โลกรูปลักษณ์ธรรมนี้สามารถรับหมัดสุดกำลังจากพลังสามสั่นสะเทือนของท่านได้! ยิ่งกว่านั้น ปราณวิญญาณในโลกรอบข้างยังไม่มีความผันผวน อุบายเช่นนี้ถือเป็นเคล็ดวิชาลับในแดนเซียนที่ไม่ได้รับการแพร่งพราย!”
เสียงของนางหยุดลงชั่วขณะ จากนั้นก็เอ่ยคำอีกครั้ง “หากซ่งชิงมีเคล็ดกายาที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังสามสั่นสะเทือนขึ้นมา…”
พอพูดถึงตรงนี้ ตี้อู่เหอซ่านก็เงียบไป
แม้จะไม่กล่าวจนจบประโยค ลู่หยวนก็เข้าใจความหมายที่นางจะสื่อเช่นกัน
โลกรูปลักษณ์ธรรมนี้มีความสัมพันธ์กับผู้ใช้ค่อนข้างมาก แต่ซ่งชิงสามารถปลดปล่อยพลังดังกล่าวในพื้นที่ที่ถูกควบคุมได้
หากซ่งชิงเชี่ยวชาญเคล็ดกายาได้จริงหรือถึงขั้นทัดเทียมกับเคล็ดกายาของลู่หยวนได้ เช่นนั้นโลกรูปลักษณ์ธรรมนี้จะต้องทรงพลังมากอย่างแน่นอน
ถึงตอนนั้น ลู่หยวนอาจจะไม่สามารถจัดการซ่งชิงได้เหมือนอย่างที่ทำในวันนี้!
“เหอะ…”
ลู่หยวนพลันยิ้มหยัน “เป้าหมายในวันนี้บรรลุแล้ว ข้าพอจะทราบภูมิหลังของเขาขึ้นมาบ้าง หากออกไปเมื่อไหร่ ข้าจะดึงทุกสิ่งที่เขาพึ่งพิงออกมาเอง!”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์!”
ซวี่รั่วหลิงปรากฏตัวมาแต่ไกลโดยแบกเฉินจงเอาไว้ด้านหลังในสภาพเร่งรีบ!
ขณะลู่หยวนมองไปด้านข้าง ตี้อู่เหอซ่านก็กลับสู่จิตเทวะของเขา!
ซวี่รั่วหลิงเข้ามาใกล้ ก่อนทำการคารวะลู่หยวน นางก็เอ่ย “บุตรศักดิ์สิทธิ์ ดูเหมือนพลังจากท้องฟ้ากำราบศิษย์พี่กู่ไว้!”
ลู่หยวนไม่รีบร้อน หมู่เมฆสีทองที่ปรากฏเหนือท้องนภาม้วนตัว เขาทราบดีว่าพวกมันกำลังมุ่งหน้าไปทางกู้ชิงหรัน!
เขาอยากทราบว่ายังมีใครอื่นบ้างที่จะปรากฏตัวในวันนี้!
ดวงตาของเขาเหลือบมองไปทางเฉินจงผู้อยู่บนหลังของซวี่รั่วหลิง
เมื่อเฉินจงได้สติก็พลันแสดงสีหน้าเคร่งขรึม พละกำลังในร่างของเขาแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก แม้จะพยายามดิ้นรนเพื่อให้เป็นอิสระ แต่มันก็เปล่าประโยชน์!
ลู่หยวนคิ้วขมวดเมื่อเห็นเช่นนี้ “ตาเฒ่านั่นถ่ายทอดพลังให้เขาหรือ?”
ตาเฒ่าที่เขาพูดถึงคือชายชราที่เคยอยู่ในบ้านร้างมาก่อน!
ซวี่รั่วหลิงพยักหน้า ขณะลู่หยวนและซ่งชิงหายไป ชายชราก็หันมาจับจ้องเฉินจง เขาถึงขั้นบอกว่าจะรับเป็นศิษย์ ทั้งยังบอกอีกว่าเรื่องนี้ได้ตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ชึ่งเฉินจงจะพูดอะไรได้อีก หลังจากไปถึงแดนเซียนเมื่อไหร่ เขาจะให้เด็กคนนี้หาร่างที่เหมาะสมให้กับตนเอง
จากนั้นพลังแปลกประหลาดก็ถูกถ่ายทอดไปยังเฉินจงเพื่อฟื้นฟูสติ แล้วเขาก็เริ่มขัดขืนอีกครั้ง
กู้ชิงหรันลงมือกำราบเฉินจงอีกครั้ง จากนั้นก็เคลื่อนไหวอีกหนเพื่อทำการจองจำชายชราก่อนจะไล่ตามลู่หยวนมา!
ไม่นานหลังจากนั้น หมู่เมฆกลับหัวสีทองก็ปรากฏในท้องนภา แล้วกู้ชิงหรันก็กลับมาขณะนั่งอยู่ในห้วงอากาศพร้อมกับชายชราที่ถูกมัดเอาไว้อยู่ข้างกาย
ไม่ว่าซวี่รั่วหลิงจะโง่แค่ไหนก็มองออกว่าพลังดังกล่าวกำลังไปหากู้ชิงหรัน ดังนั้นนางจึงมาหาลู่หยวนพร้อมกับเฉินจงที่ถูกกำราบเอาไว้!
เมื่อลู่หยวนก้มมองลงไป เฉินจงก็รู้สึกเย็นสันหลังวาบ เขาเผยรอยยิ้มเก้กังก่อนจะเริ่มแสดงท่าทีอ่อนแอออกมา
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ ข้าไม่ได้คิดที่จะทำมิดีมิร้ายกับท่านอยู่แล้ว เดิมทีข้าก็เป็นเพียงครึ่งจักรพรรดิในแดนเซียนก่อนจะโดนครึ่งจักรพรรดิผู้อื่นโจมตีจนถึงแก่ความตาย!”
“หากวันนี้ท่านยอมปล่อยไปสักครั้ง ข้า เฉินจง จะเป็นหนี้บุญคุณต่อท่าน นับจากนี้ไปท่านกับข้าก็นับเป็นพี่น้อง เมื่อใดที่ท่านต้องการ ข้าจะต้องให้การช่วยเหลืออย่างสุดกำลังอย่างแน่นอน!”