ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 575 แผนรุกรับและการสร้างร่างใหม่
บทที่ 575 แผนรุกรับและการสร้างร่างใหม่
บทที่ 575 แผนรุกรับและการสร้างร่างใหม่
แม้จะเป็นการตัดสินใจเอง แต่เรื่องนี้ก็ยังต้องส่งไปให้เสวียนเทียนชวนและคณะตรวจสอบ
เรื่องนี้จัดการง่ายนัก เพราะก่อนลู่หยวนจากไปก็ได้สั่งการเอาไว้แล้ว
เสวียนเทียนชวนยกมือแล้วเขียนคำว่า “ตกลง” จากนั้นจึงส่งกลับไป
ขณะนั้นเอง กู้ชิงหรันเงยหน้าขึ้นมา น้ำเสียงอันเย็นชาก็ค่อย ๆ ดังขึ้น “เรื่องนี้ พวกท่านคิดเห็นอย่างไร”
เสวียนเทียนชวนเอ่ยก่อน “ตามความเห็นของข้า เราไม่ควรตอบโต้กลับไปก่อน เพียงถอนกำลังพวกที่อยู่ข้างนอกให้กลับมาป้องกันความสูญเสียที่ไม่จำเป็น จากนั้นก็ยื้อเวลาไว้จนกว่าท่านแม่ทัพจะกลับมา จึงค่อยตัดสินใจต่อไป”
กู้ชิงหรันพยักหน้าเบา ๆ เขาก้มลงครุ่นคิดแล้วมองไปทางไป๋ชิวเอ๋อร์ “แล้วเล่าท่านคิดอย่างไร”
เสวียนเทียนชวนกับไป๋ชิวเอ๋อร์ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันก่อนแล้ว และทั้งสองคนมีความเห็นไม่ตรงกัน
ไป๋ชิวเอ๋อร์เอ่ยว่า “ข้าจะสู้! ตอนนี้ได้สืบฐานทัพของซ่งชิงมาแล้ว อย่าว่าอย่างอื่นเลย แค่กองกำลังที่ซ่งชิงจัดวางไว้ภายนอก แค่นี้ก็จัดการจนหมดสิ้นแล้ว!”
“ตอนนี้กำลังที่ซ่งชิงใช้ได้ก็เหลือแค่ตำหนักประตูสวรรค์เท่านั้น”
“ส่วนกองกำลังของท่านผู้นำก็มีมากมายนัก แม้จะบุกตำหนักประตูสวรรค์ตรง ๆ ก็สามารถเอาชนะได้!”
“หากยังคงอดทนต่อไป เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะยิ่งรู้สึกว่าพวกเราหวาดกลัว ยามนี้ท่านผู้นำไม่อยู่ ไม่มีผู้ใดที่ยิ่งใหญ่เปรียบเสมือนเทพเจ้าในใจที่คอยควบคุมและปลอบโยนพวกเขา สถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้พวกเขาสูญเสียขวัญกำลังใจเอาได้!”
ทั้งสองคนเอ่ยอย่างมีเหตุผล
กู้ชิงหรันก็เข้าใจมุมมองของแต่ละคนเป็นอย่างดี และเขายังตระหนักอีกด้วย ว่าการตัดสินใจใด ๆ ในวันนี้ย่อมส่งผลต่อทิศทางที่ไม่อาจย้อนกลับได้ของลู่หยวน
หลังจากครุ่นคิด กู้ชิงหรันจึงตัดสินใจเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังคนทั้งสอง
เมื่อกู้ชิงหรันเผยดวงตา ความมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวฉายแววบนใบหน้า สร้างความเกรงขามให้กับคนทั้งสองคน
“ออกคำสั่งไป ประกาศรางวัลไปยังกองกำลังทั้งหมด สำหรับกองกำลังของเราผู้ที่สามารถสร้างบาดแผลสาหัสหรือสังหารฝ่ายตรงข้ามได้ จะมีรางวัลตอบแทนให้อย่างงาม!”
“รางวัลมิได้จำกัดเฉพาะอาวุธระดับสูงหรือคัมภีร์ แต่ยังรวมถึงสมุนไพรหายาก แม้แต่สัตว์เทวะก็เช่นกัน! สังหารคนของฝ่ายตรงข้ามได้มากเท่าใด รางวัลก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น หากสังหารได้ถึงจำนวนหนึ่ง ทั้งตระกูลจะได้รับการคุ้มครองโดยแดนมัชฌิม นักรบ และจอมยุทธ์จะได้รับการสืบทอดไปชั่วกาล!”
เงื่อนไขแต่ละข้อที่กู้ชิงหรันเอ่ยมานั้น ล้วนเป็นสิ่งยั่วยวนใจอย่างมากสำหรับผู้ที่อยู่ในกองกำลังของลู่หยวน
ในแผ่นดินหยวนหงนี้ ผู้คนส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่เพื่อสิ่งเดียว นั่นคือการฝึกตน
หนทางแห่งการฝึกตนนั้นยาวนาน บางคนมีโอกาสดี บางคนกลับโชคร้าย
สมุนไพรหายากหรืออาวุธดี ๆ อาจทำให้พวกเขาเปลี่ยนจากการเป็นคนธรรมดา กลายเป็นผู้แข็งแกร่งขึ้นมาได้!
ทุกคนรู้ดีว่ารากฐานของลู่หยวนนั้นแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อมีคำสั่งประกาศรางวัลเช่นนี้ ก็ถือเป็นการล่อลวงอันยิ่งใหญ่สำหรับคนส่วนมากในกองกำลัง
เสวียนเทียนชวนและไป๋ชิวเอ๋อร์ คาดการณ์ได้เลยว่า หากส่งคำสั่งนี้ไปอาจจะทำให้คนในกองกำลังหายไปเกือบครึ่ง
กู้ชิงหรันยังเอ่ยต่อ “สำหรับผู้ที่อยู่แนวรับ จะได้รับรางวัลตอบแทนในทันที หากศัตรูกล้าเข้ามาโจมตี ผู้ที่ต่อสู้ปกป้องกองกำลังก็จะได้รับรางวัลตอบแทนอย่างงามเช่นกัน”
เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ แม้แต่เสวียนเทียนชวนยังรู้สึกว่าการจัดการของท่านหญิงนั้นเหมาะสมยิ่ง
เมื่อคำสั่งก่อนหน้านี้ถูกส่งออกไปแล้ว ย่อมเป็นกลยุทธ์โต้กลับที่ดี เพราะเมื่อมีผลประโยชน์อันเป็นรูปธรรมผู้คนย่อมยอมต่อสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลก
ดังนั้นความแข็งแกร่งจึงไม่ใช่ประเด็นหลัก แต่เป็นเรื่องที่ว่าจะสามารถสังหารคนได้มากน้อยเพียงใด
และหากไม่ไหวจริง ๆ ก็รวมกำลังกัน ต่างคนต่างสังหารไปคนละนิด แล้วค่อยนำรางวัลมาแบ่งกันย่อมได้!
แต่หากเป็นเช่นนี้ ทุกคนก็อยากออกไปทั้งสิ้น ไม่มีผู้ใดอยากหมกตัวอยู่ในค่ายทหาร เพราะมันไม่มีอะไรดีเลย!
หากออกไปข้างนอกอาจจะฆ่าได้สักคนสองคน แต่หากยังคงอยู่ในค่าย ก็จงอย่าได้คิดจะฆ่าผู้ใดเลย!
ดังนั้นจึงมีคำสั่งการที่สองลงมาเพื่อประคองจิตใจผู้คนเอาไว้ และมอบมันให้กับผู้ที่ยังมิอาจหยั่งรู้ถึงขีดจำกัดของตน มิให้มีความคิดที่จะออกไปข้างนอก
อีกทั้งหากมีผู้ใดคิดรนหาที่ตาย พลันถูกสังหารกลับก็ยังถือว่าโชคดีนัก!
เพราะอย่างไรก็ตาม อยู่ในค่ายย่อมปลอดภัยที่สุดและปราศจากอันตราย อีกทั้งยังมีของรางวัล แล้วเหตุใดจะอยากไม่ทำกันเล่า?!
เมื่อมีคำสั่งทั้งสองข้อนี้ลงมา ทั้งแผนแนวรุกและแนวรับก็ได้ถูกวางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว!
เสวียนเทียนชวนกับไป๋ชิวเอ๋อร์รับคำสั่งในทันที ก่อนจะหารือในรายละเอียดอื่น ๆ กับกู้ชิงหรัน
เมื่อได้ข้อสรุปเรื่องนี้แน่ชัด เสวียนเทียนชวนจึงได้รายงานเรื่องราวของเซียวเทียนที่ได้รับมาเมื่อครู่ให้ทราบต่อ
กู้ชิงหรันเปล่งเสียงออกมาเป็นนัยว่ารับรู้แล้ว
เรื่องของเซียวเทียนนางมิได้คิดจะจัดการ เพียงปล่อยให้เป็นไปตามโชคชะตาก็พอแล้ว ส่วนรายละเอียดทั้งมวลจะต้องรอให้ลู่หยวนกลับมาจึงจะทราบ
เมื่อเรื่องราวเหล่านี้คลี่คลายลง กู้ชิงหรันจึงเอ่ยถามขึ้นมาว่า “เตรียมของกับสถานที่สำหรับการสร้างกายเนื้อใหม่เสร็จหรือยัง?”
เสวียนเทียนชวนยื่นแหวนเก็บของมาหนึ่งวง “ของทั้งหมดอยู่ในนี้แล้ว และที่ตั้งก็ได้เลือกไว้แล้ว คือแดนมัชฌิม!”
“นับตั้งแต่ได้ปลูกเมล็ดพันธุ์เทพโกลาหล ก็ได้มีสถานที่ซึ่งมีลักษณะคล้ายสระน้ำแห่งเซียนถือกำเนิดตามมา ปราณวิญญาณบริเวณนั้นเข้มข้นไม่ขาดสาย มีสัตว์เทวะและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อาศัยอยู่โดยรอบ นับว่าเป็นสถานที่ที่ดียิ่ง”
กู้ชิงหรันรับแหวนเก็บของมา ก่อนจะเดินออกไป “เช่นนั้น ข้าจะไปนำพวกเขามาสร้างกายเนื้อใหม่เสียเลย”
กล่าวจบกู้ชิงหรัน ก็หายวับไปจากตรงหน้า!
เสวียนเทียนชวนกับไป๋ชิวเอ๋อร์โค้งคำนับลงพร้อมกัน
หลังจากที่กู้ชิงหรันจากไป เสวียนเทียนชวนกับไป๋ชิวเอ๋อร์ก็ไปประกาศบัญชา และจัดสรรกองกำลัง เพียงในพริบตากองกำลังทั้งหมดของลู่หยวนก็ถูกเกณฑ์มาได้
คำสั่งที่หนึ่งได้แพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง ผู้คนจำนวนมากต่างมีความคิดที่จะเสี่ยงโชค ทว่าเสวียนเทียนชวนเข้าใจถึงความคิดของมนุษย์ดี จึงได้ตั้งใจกำหนดเวลาลงทะเบียนเอาไว้ในวันถัดไป เพื่อเป็นการระงับความคึกคะนองชั่ววูบของผู้คนเหล่านี้
ความสงบในยามค่ำคืนย่อมเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนคิดทบทวนให้รอบคอบว่าพวกตนควรจะอยู่หรือไป!
…
ณ สระน้ำแห่งเซียนในแดนมัชฌิม
กู้ชิงหรันพร้อมด้วยดวงวิญญาณทั้งหลายได้เดินทางมาถึงที่แห่งนี้แล้ว
สระน้ำแห่งเซียนนั้นกว้างใหญ่ไพศาล กลางเวหาปรากฏแสงสีรุ้งเจิดจ้า สาดส่องลงมาบนน้ำ ด้านล่างนั้นเป็นสีสันรุ้งกินน้ำอันศักดิ์สิทธิ์ เปรียบดั่งดินแดนแห่งเซียน
ปราณวิญญาณมหาศาลมีหญ้าศักดิ์สิทธิ์หายากมากมายงอกงามอยู่โดยรอบ!
ช่างเป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การฟื้นฟูดวงวิญญาณและกายเนื้อร่างใหม่
อู๋เต้าและผองเพื่อนต่างก็เกิดความเร่าร้อนในใจ พวกเขาล้วนไร้กายหยาบมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว บัดนี้ในที่สุดก็จะได้ร่างมีชีวิตอยู่ในแผ่นดินแห่งนี้เสียที!
ดวงวิญญาณหลายดวงล่องลอยออกมา อู๋เต้ายกมือขึ้นทำความเคารพกู้ชิงหรัน “ต้องลำบากท่านแล้ว”
กู้ชิงหรันยังเยาว์นัก อู๋เต้าจึงมิอาจเรียกนางว่า “นายหญิง” ได้
ผองเพื่อนที่เหลือก็ต่างยกมือทำความเคารพกู้ชิงหรัน
นางแสดงสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยวาจาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “ไม่เป็นไร”
เมื่อกล่าวจบ กู้ชิงหรันจึงโยนแหวนเก็บของให้แก่พวกเขา พร้อมทิ้งยันต์ไว้ให้หนึ่งแผ่น
“บริเวณนี้ได้ปิดตายไว้หมดแล้ว ไม่มีผู้ใดมารบกวนพวกเจ้าได้ เมื่อร่างกายของพวกเจ้ากลับคืนสภาพสมบูรณ์แล้ว ค่อยมาเรียกข้าก็แล้วกัน”
เพียงพริบตาเดียว กู้ชิงหรันก็จากไปแล้ว
เหลือเพียงพวกเขาเหล่านั้นที่ยังยืนอยู่ที่เดิมด้วยอาการมึนงง
มิใช่แบบนี้สิ!
คนผู้นี้ไม่คิดช่วยไปจนจบอย่างนั้นรึ!
ผู้ช่วยเหลือก็จากไปแล้ว แล้วพวกเขาจะทำอะไรได้
ในที่สุดตี้อู่เหอซ่านก็เอ่ยขึ้น “ของก็ได้มาแล้ว พวกเราทำกันเองก็ได้!”