ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 611 ระบบก็มีข้อจำกัด
บทที่ 611 ระบบก็มีข้อจำกัด
บทที่ 611 ระบบก็มีข้อจำกัด
ภายในเกาะสังหารเซียน ลู่หยวนและซ่งชิงทั้งสองได้ปลุกพลังอำนาจอันไร้เทียมทานขึ้นมาถึงขีดสุด ดุจคลื่นยักษ์ที่ถาโถมไม่หยุดหย่อน!
ลู่หยวนกับซ่งชิง และอีกหลายสิบเงาร่างต่างถือกระบี่ ดวงตาพลันเคร่งขรึมขึ้น ก่อนจะเคลื่อนไหวพร้อมกัน!
ตู้ม!
เพียงก้าวออกไปก็มีเสียงระเบิดดังสนั่น มวลอากาศแตกสลายในชั่วพริบตาเสียงดังก้องกังวานไปทั่วนภา!
ไม่ทันแม้แต่จะกะพริบตาก็พุ่งเข้าปะทะกัน ณ ที่แห่งหนึ่งในทันที
ฉึก!
ซ่งชิงหลายสิบร่างพุ่งโจมตีออกมาอย่างบ้าคลั่งปะทะกับลู่หยวนปราณกระบี่นับหมื่นจั้งพุ่งทะยานขึ้นสู้กันแบบไม่มีใครยอมใคร!
เพียงต้านทานได้ไม่นาน ร่างของซ่งชิงหลายสิบร่างก็เริ่มเลือนรางราวกับได้รับผลกระทบจากคลื่นสะเทือนบางอย่าง
ลู่หยวนขมวดคิ้วเมื่อเห็นร่างทั้งหลายนั้นพลันมืดลงแล้วก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว ปราณกระบี่ของซ่งชิงพลันพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง
ลู่หยวนยกกระบี่ขึ้น ปราณกระบี่ทะลุฟ้าทำลายปราณกระบี่ของซ่งชิงที่อยู่โดยรอบจนสิ้น
ตอนนี้ซ่งชิงลอยอยู่บนท้องฟ้าห่างจากลู่หยวนหลายสิบลี้ ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ไม่กี่อึดใจก็คลี่ยิ้มออกมา
กระบี่ยาวก็ถอนออกมาอย่างง่ายดาย ซ่งชิงหัวเราะเย็นชา “ลู่หยวน วันนี้ขอจบแค่นี้ก่อน!”
พูดจบซ่งชิงก็ยกมือขึ้นประกบกัน ทันใดนั้นพลังปราณอันแปลกประหลาดก็ค่อย ๆ หมุนวนอยู่ในอากาศ แล้วร่างก็หายวับไปในพริบตา!
ลู่หยวนหรี่ตาลงเจตนาฆ่าปรากฏขึ้นในดวงตา เขาก้มหน้าลงมองเห็นเมืองทั้งหมดที่เป็นฐานทัพของซ่งชิงรวมถึงคนข้างในนั้นก็หายไปจนหมดสิ้น!
“หืม? คนพวกนั้นหายไปที่ใดกันหมด?”
ไกลออกไปเสียงตกใจของฮ่วนซิงไป๋ดังขึ้น “เมื่อครู่ข้ายังจ้องพวกมันอยู่เลยนะ เหตุใดพริบตาเดียวก็หายไปแล้ว? หรือว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่รอบ ๆ นี้?”
เซียวเทียนเดินตามหลังฮ่วนซิงไป๋ก็ขมวดคิ้วเช่นกันราวกับไม่กล้าเชื่อสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
ถ้าจะพูดถึงค่ายกลก็คงทำไม่ได้ที่จะหายตัวไปต่อหน้าพวกเขาในพริบตาเดียวโดยไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เช่นนี้
เขาใช้วิธีการแบบใดกัน ถึงทำให้คนจำนวนมากขนาดนี้หายตัวไปพร้อมกันโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกถึงร่องรอยใด ๆ เลย
ลู่หยวนเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มวลอากาศโดยรอบสั่นไหวเบา ๆ จากนั้นร่างของกู้ชิงหรันก็ลอยมา
ลู่หยวนเหลือบมองคิ้วยกขึ้นเล็กน้อยรู้สึกหนักอึ้งที่เจตนาฆ่ายังไม่จางหายไป “ท่านก็รู้สึกได้เช่นกันใช่หรือไม่?”
กู้ชิงหรันพยักหน้าเบา ๆ “ข้าพอจะรู้จักวิถีสวรรค์ ไม่ผิดแน่”
ลู่หยวนถามต่อ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกนั้นไปที่ใด?”
กู้ชิงหรันยกมือขึ้นลูบหว่างคิ้วของลู่หยวนให้เรียบ ดวงตาเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง “ตอนนี้พวกเขามีที่ให้ไปได้แค่ที่เดียว ลู่หยวนตอนนี้ไม่ต้องกังวล การต่อสู้ที่แท้จริงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เมื่อวิถีสวรรค์ลงมาก็ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างเจ้ากับซ่งชิงอีกต่อไป แต่เป็นการต่อสู้อย่างแท้จริงระหว่างเจ้ากับวิถีสวรรค์ต่างหาก!”
ลู่หยวนกำลังจะเอ่ยปากแต่ก็รู้สึกได้ว่ากู้ชิงหรันเหมือนจะมีบางอย่างเปลี่ยนแปลง ปราณกระบี่ภายในร่างของนางทวีความแข็งแกร่งขึ้นราวกับว่าเจตจำนงกระบี่ทั่วทั้งร่างกายพุ่งขึ้นไปอีกระดับ
ในตอนนี้เจตจำนงกระบี่ที่แผ่ซ่านอยู่ในร่างของกู้ชิงหรัน ไม่มีเจตนาสังหารแม้แต่น้อย แต่กลับเป็นขาวความสะอาดดุจสายลมและทรงพลังดุจขุนเขา!
ราวกับ…มีความหมายของการยึดครองโลกผู้ยิ่งใหญ่เหนือฟ้าดิน!
“เจตจำนงกระบี่เปลี่ยนไปแล้ว เทพีแห่งสงครามกำลังจะมา”
ลู่หยวนเอ่ยเสียงเรียบเหมือนแค่บอกเล่าข้อเท็จจริงธรรมดา
กู้ชิงหรันพยักหน้า “ใช่ เมื่อถึงเวลาที่เจ้าต้องตัดสินแพ้ชนะกับซ่งชิงนั่นก็คือวันที่สามพันโลกจะพังทลาย!”
“พลังทั้งหมดจะถล่มลงมา เพียงเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ของตนเอง! สามแสนปีก่อนแดนเซียนและแผ่นดินหยวนหง ต่างมีผู้เสียชีวิตนับไม่ถ้วน แต่ถ้าเทียบกับวันแห่งการตัดสินแพ้ชนะในอนาคต เกรงว่าจะไม่นับเป็นอะไรเลย”
หากคนอื่นได้ยินคำพูดนี้ ต่อให้ตนเองมีกำลังอันแข็งแกร่ง ก็คงจะลังเลและตกใจไม่น้อย
จริง ๆ แล้วหากดูจากพลังยุทธ์ของลู่หยวนในตอนนี้อยู่ในครึ่งก้าวเทพยุทธ์ก็เพียงพอจะเป็นผู้ครอบครองใต้หล้าทั้งหมดในแผ่นดินหยวนหง ไม่ว่าผู้ใดก็ต้องพึ่งพาพลังปราณของลู่หยวนเพื่อมีชีวิตอยู่
แต่พลังยุทธ์เช่นนี้หากไปอยู่ในแดนเซียนจะเป็นอย่างไร?
บางทีนี่อาจเป็นเพียงเม็ดทรายในท้องทะเล ต่อหน้าจักรพรรดิแดนเซียนก็คงเป็นเพียงมดที่สามารถบดขยี้ได้ในพริบตา!
ตอนนี้พลังทั้งหลายแห่งแดนเซียนจะถล่มลงมาก็เพื่อลู่หยวนและซ่งชิง
และจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ก็พอจะบ่งชี้ได้ว่า จักรพรรดิ แดนเซียนเหล่านั้น คงจะยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับลู่หยวนเป็นแน่ ดังนั้นต่อให้ลู่หยวนจะมีพลังยุทธ์ถึงเพียงนี้แต่สุดท้ายก็ยังไม่เพียงพออยู่ดี
แต่ในใจของลู่หยวนกลับไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย กลับมีแววตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาในการต่อสู้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
“เจ้าหมายความว่าพวกสุนัขที่เห่าหอนแห่งแดนเซียนจะลงมางั้นหรือ?”
ลู่หยวนยกมุมปาก “พวกมันก็แค่รอให้การกั้นขวางระหว่าง แดนเซียนกับแผ่นดินหยวนหงหายไปสินะ?”
“ใช่แล้ว”
กู้ชิงหรันพยักหน้า “เมื่อสิ่งขวางกั้นหายไปสามพันโลกจะพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน!”
“น่าสนใจจริง ๆ”
ลู่หยวนยิ้มกว้างขึ้นแววตาของเขาปรากฏเจตนาฆ่ามากขึ้น
ในตอนนี้ดวงตาของลู่หยวนควบคุมทุกซอกทุกมุมบนโลก รวมถึงลู่เทียนเฟิ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของฮ่วนซิงไป๋ด้วยซึ่งกำลังแอบเขียนฟู่ในแขนเสื้ออย่างลับ ๆ!
ตอนนี้ลู่เทียนเฟิ่งเพิ่งจะเริ่มเขียนบรรทัดแรกคือ กราบทูลท่านปู่
ลู่ปู้ฝาน…
ลู่หยวนยิ่งมองด้วยสายตาเย็นชา
ลู่หยวนก็พอจะรู้ได้ว่าความลับทั้งหมดที่แบกรับไว้ข้างหลัง แผ่นดินหยวนหงดูเหมือนจะใกล้เข้ามาทุกที
และทุกอย่างที่อยู่เบื้องหลังตัวตนของ ‘ลู่หยวน’ ก็กำลังไหลมาอย่างต่อเนื่อง ค่อย ๆ เผยเขี้ยวของมันออกมา!
ทุกสิ่งทุกอย่างผลักดันให้ลู่หยวนขึ้นไปอยู่บนคลื่นยักษ์
“เหอะ”
ลู่หยวนหัวเราะเบา ๆ อารมณ์ทั้งหมดในดวงตาถูกข่มไว้ จากนั้นก็โบกมือเรียกเฟยซิงให้เข้ามา
“นำทางไปข้างในเกาะสังหารเซียน!”
“ขอรับ!”
เฟยซิงรับคำทันทีแล้วก็เดินนำไปข้างใน
ลู่หยวนและคนอื่น ๆ ตามกันไป
ระหว่างทางที่มีเฟยซิงนำทางหลบเลี่ยงสถานที่ที่มีภูมิประเทศแปลกประหลาดไปได้หมด ตลอดทางก็ไม่ได้เจอศัตรูที่แข็งแกร่งอะไร ส่วนใหญ่ก็ถูกพลังที่ลู่หยวน ปล่อยออกมากดดันให้คุกเข่าลงกับพื้น ไม่กล้าขยับเขยื้อน!
ขณะที่เดินทางต่อไป ลู่หยวนก็ถามคำถามกับระบบในใจอยู่ตลอด สิ่งอื่น ๆ ยังคงปกติ แต่เมื่อพูดถึงเรื่องของเกาะสังหารเซียนระบบนี้ก็จะปิดปากเงียบไม่มีการตอบสนองใด ๆ เลย
การติดตามบางอย่างที่เคยใช้ได้ การตั้งค่าที่ระบบมอบให้เพื่อลบเลือนรูปร่างให้พ้นจากความว่างเปล่าก็ไม่สามารถใช้ได้
หากต้องการล็อกเป้าหมายและซ่อนตัวก็ต้องพึ่งพาเพียงพลังยุทธ์ของตนเองเท่านั้น
ลู่หยวนได้ค้นพบแล้วว่ายิ่งใกล้ถึงพลังที่ซ่อนเร้นที่สุดของโลกนี้มากเท่าไหร่ ระบบนี้ก็จะยิ่งหลีกเลี่ยง
หากกล่าวว่า ระบบนี้เป็นส่วนเสริมภายนอกอันทรงพลังซึ่งมอบพลังให้กับผู้คน เมื่อมาถึงเกาะสังหารเซียนนี้ก็เท่ากับมาถึงแหล่งข้อมูลลับสุดยอดของระบบส่วนเสริมนี้แล้ว ลู่หยวนไม่มีสิทธิ์เพียงพอที่จะทำให้ระบบตอบสนองได้ตามต้องการในแหล่งที่เป็นข้อมูลลับสุดยอดนี้ แม้แต่ระบบเองก็ยังถูกจำกัดเช่นกัน!