ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 625 ทำลายเกราะกำบัง
บทที่ 625 ทำลายเกราะกำบัง
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนต่างมองไปยังทิศทางนั้น เห็นชายสี่คนเดินมาอย่างเชื่องช้า
ทั้งสี่คนนี้ ลู่เทียนเฉิงและคนอื่น ๆ ไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาลุกขึ้นยืนสายตามีความระแวดระวังอยู่บ้าง
ไม่รู้ว่าพวกนี้มาจากฝ่ายใด ไม่รู้ว่าเป็นมิตรหรือศัตรู
“ลู่เทียนเฉิง?”
ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาเอ่ยขึ้นทันใด
ลู่เทียนเฉิงมองชายผู้นี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า มีเกราะกำบังกั้นอยู่ เขาไม่สามารถสัมผัสถึงระดับวิชาของผู้มาเยือนทั้งสี่ได้เลย
ถ้ามองจากรูปลักษณ์ภายนอก คนผู้นี้ก็มีหน้าตาดี สวมชุดผ้าอย่างดี ใบหน้านี้ดูคุ้นตาอยู่บ้าง
แต่ก่อนที่ลู่เทียนเฉิงจะได้คิดให้ละเอียดก็เห็นชายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขากำดาบยาวไว้ในมือ มุมปากยกขึ้นกวาดตามองฮ่วนเฉียนอี่ที่อยู่ข้างกายเขา
“เหมือนจริง ๆ เหมือนมากเลย”
ชายที่ถือดาบยาวเอ่ยด้วยความชื่นชม เหมือนกำลังเปรียบเทียบอะไรบางอย่าง
ฮ่วนเฉียนอี่ถูกสายตานี้จ้องมอง ในดวงตาปรากฏความเย็นชาขึ้นมา จึงเอ่ยเสียงเย็นทันที “ท่านทั้งหลายมาจากที่ใดกัน?”
เห็นชายที่ถือดาบยาวก้าวเข้ามาใกล้ เกาะติดกับเกราะกำบังนั้น มุมปากยกขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีท่านป้า!”
ใบหน้าเย็นชาของฮ่วนเฉียนอี่ชะงักไปครู่หนึ่ง
เด็กนี่เรียกอะไรนะ?
สายตาของฮ่วนเฉียนอี่ยิ่งแปลกใจมากขึ้น
ชายหนุ่มที่ถือดาบจึงพูดต่อ “ท่านป้า ข้าคือหลานชายที่ท่านยังไม่เคยพบเห็น ข้าชื่อ ฮ่วนซิงไป๋!”
“ฮ่วนซิงไป๋?”
ฮ่วนเฉียนอี่ทวนชื่อนั้นอีกครั้ง นางไม่เคยได้ยินชื่อนี้จริง ๆ ตอนที่นางจากตระกูลฮ่วนไป ฮ่วนซิงไป๋ยังไม่เกิด หลังจากนั้นเกาะสังหารเซียนก็ถูกปิดกั้น ออกได้แต่เข้าไม่ได้จึงไม่รู้เรื่องภายนอก
เมื่อเห็นฮ่วนเฉียนอี่เป็นเช่นนี้ ฮ่วนซิงไป๋จึงไม่พูดกับพวกเขาอีก เดินไปหาลู่หยวน ” บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ เกราะกำบังนี้เปิดได้หรือไม่?”
ฮ่วนซิงไป๋มองออกในทันทีว่าทุกคนถูกขังอยู่ที่นี่ แต่ทุกคนเป็นแบบนี้ ฮ่วนซิงไป๋จึงไม่กล้าลองเองเลยถามลู่หยวน
ลู่หยวนมองซ้ายมองขวาแล้วพยักหน้า “แน่นอนว่าได้”
คนที่ถูกขังอยู่ในห้วงมิติต่างมีสีหน้าซับซ้อน
เยว่จู้หัวเราะเย็นชา ดวงตาแดงก่ำไม่ลดลงแม้แต่น้อย “เด็กน้อย เจ้าพูดอะไรเพ้อเจ้อ? พวกข้าทุกคนเปิดไม่ได้ เจ้าจะทำอะไรได้? ดูจากเสื้อผ้าของเจ้า คงเป็นคนใหม่ที่มาจากข้างนอก โชคดีที่เข้ามาถึงที่นี่ได้ คิดว่าตัวเองเข้ามาที่นี่ได้ด้วยพลังของตัวเองงั้นรึ?”
ได้ยินคำเยาะเย้ยเสียดสีของเยว่จู้ ลู่หยวนก็ไม่เอ่ยอะไร
ฮ่วนซิงไป๋ที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเย็นชา ทันใดนั้นก็พูดขึ้น
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่เปิดได้เล่าจะให้ข้าทำอย่างไร?”
เยว่จู้ปักดาบยักษ์ในมือลงบนพื้นอย่างแรง คิ้วขมวด “ถ้าเขาเปิดได้ เขาให้ข้าทำอะไร ข้าก็จะทำ!”
ฮ่วนซิงไป๋ส่ายหัว ถอยไปยืนอยู่ข้างคนอื่น ๆ แล้วพึมพำ “โลกนี้ก็มีคนที่มีดวงตาแต่ไร้แววอยู่บ้างเสมอ”
เซียวเทียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เห็นด้วย “ข้าคาดเดาได้แล้วว่า อีกสักครู่คนผู้นี้จะตกใจขนาดไหน ข้าพนันว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ต้องใช้เพียงหนึ่งครั้ง เจ้าห้ามพนันเหมือนข้านะ”
ฮ่วนซิงไป๋กลอกตา “เจ้าพนันเช่นนี้ก็เอาเปรียบข้าชัด ๆ งั้นข้าพนันครึ่งครั้ง ผู้ใดแพ้ก็ต้องเป็นน้อง!”
“ได้!”
ทั้งสองหันไปมองพร้อมกันจ้องมองลู่หยวนอย่างจริงจัง ถึงแม้จะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่สายตาที่ส่งมานั้นก็คือต้องการให้ลู่หยวนเลือกตามตัวเลือกของพวกเขาให้มากที่สุด
ลู่หยวนไม่สนใจสายตาของทั้งสองมองไปยังม่านแสงด้านหน้า เอ่ยขึ้นเหมือนพูดคุยเล่น “ท่านพ่อของข้า มีนามว่า ลู่เทียนเหอ”
ลู่เทียนเฉิงชะงักไปครู่หนึ่ง บุตรชายของลู่เทียนเหอก็คือหลานชายคนโตของเขางั้นรึ?!
ลู่หยวนตวัดขาใส่ม่านแสงนั้นอย่างสบาย ๆ
ตู้ม!
ขาขวากระแทกเข้ากับม่านแสงอย่างแรงแล้วม่านกั้นนั้นก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในทันที
คนที่ถูกขังอยู่ข้างในใจสั่นไหวอย่างแรง เมื่อครู่ลู่เทียนเฉิงใช้กำลังทั้งหมดโจมตี ยังไม่สามารถทำให้สั่นสะเทือนได้เลย แต่เด็กหนุ่มคนนี้เพียงตวัดขาครั้งเดียวก็สามารถทำให้ม่านกั้นสั่นสะเทือนได้ขนาดนี้?!
พลังกายเช่นนี้ จะน่ากลัวถึงเพียงใดกัน?!
ลู่หยวนชักขากลับ ภายใต้สายตาของทุกคน ม่านแสงที่สั่นสะเทือนค่อย ๆ สงบลง
แต่ดูเหมือนว่าม่านกั้นนั้นยังไม่แตกออก ความหวังในดวงตาของคนที่ถูกขังอยู่ข้างในค่อย ๆ จางหายไป
เย่ว์จู่หัวเราะขื่น ๆ แล้วนั่งลงใหม่พึมพำว่า “ยังไม่มีประโยชน์อยู่ดี เฮ้อ…”
เพิ่งพูดจบ คนที่ยืนอยู่อีกฝั่งก็ต้องตาเบิกโพลง เมื่อเห็นว่าบนม่านแสงนั้น ตรงจุดที่ลู่หยวนเตะเมื่อครู่ปรากฏรอยแตกร้าว และรอยแตกร้าวนั้นก็ขยายออกอย่างรวดเร็วปกคลุมทั่วทั้งม่านกั้น!
ลู่เทียนเฉิงยื่นมือไปแตะดูก็ได้ยินเสียง
เพล้ง!
ม่านแสงกั้นนั้นก็แตกออกเป็นผุยผง
“ยอดเยี่ยมเสียจริง!”
ด้านหลัง ลู่เทียนเฉิงคนที่ไม่ค่อยพูดอะไรมากนักเอ่ยชมอย่างจริงใจ “เด็กหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นคนที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าเคยเห็นมา ยอดเยี่ยมจริง ๆ เจ๋งกว่าผู้นำสูงสุดของพวกเราอีก”
“ซือหม่าเชิ่นระวังคำพูดหน่อย”
ฮ่วนเฉียนอี่ขมวดคิ้วเตือน ซือหม่าเชิ่นจึงปิดปากเงียบ
เมื่อม่านกั้นแตกออก แรงกดดันที่ล้อมรอบตัวก็ตกลงมา นี่เป็นการปราบปรามที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
แม้แต่คาถาบนดาบยาวในมือของลู่เทียนเฉิง ภายใต้อานุภาพของลู่หยวนก็ค่อย ๆ จางลง ปิดบังตัวเองไว้
ลู่เทียนเฉิงรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของคาถาที่เขาพึ่งพา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแค่เก็บดาบเข้าที่ ถอนหายใจออกมา แรงกดดันเช่นนี้ เขามองไม่ออกเลยว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีขั้นการฝึกยุทธ์อยู่ระดับใด
ด้านหนึ่ง เซียวเทียนยืนกอดอกยิ้ม “ข้าชนะแล้วสินะ”
ฮ่วนซิงไป๋ขบฟันโต้แย้งว่า “เมื่อครู่เป็นการทำลายได้ครึ่งทาง พอเท้าของบุตรศักดิ์ลู่ตวัดมาถึงม่านกั้นนั้นก็มีรอยแตกร้าวแล้ว แต่เจ้ามีขั้นการฝึกฝนต่ำเกินไป เลยมองไม่เห็น!”
เซียวเทียนพิงอยู่ในถ้ำไม่ใส่ใจ “เหอะ ๆ เจ้ายอมรับเถิด”
ขณะนั้นเอง ในถ้ำก็เกิดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
พื้นทั้งหมดสั่นสะเทือนไปด้วย ลู่เทียนเฉิงและคนอื่น ๆ หันกลับไปมองอย่างรวดเร็ว เห็นม่านกั้นที่ขวางทางพวกเขามาตลอดแตกออกเป็นผุยผง และลอยกระจายไปในอากาศ
“นี่ไม่ใช่แค่ยอดเยี่ยมแล้ว นี่มันยอดเยี่ยมสุด ๆ ไปเลย”
ซือหม่าเชิ่นเค้นเสียงออกมาจากลำคอ
ตวัดขาออกมาครั้งเดียวก็ทำลายม่านกั้นได้ถึงสองชั้น!
พวกเขาทั้งหมดรวมกำลังกัน ยังไม่สามารถทำให้ม่านกั้นนี้สั่นไหวแม้แต่น้อยเลย!
ฮ่วนซิงไป๋ฉวยโอกาสแทรกขึ้นมา ขณะเดียวกันก็กอดอกมองเซียวเทียนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “น้องชายเป็นอย่างไรบ้าง? หนึ่งหมัดทำลายสองอัน นี่ไม่ใช่ครึ่งหมัดแล้วจะเป็นอะไรเล่า? ยอมแพ้ตามที่ตกลงกันไว้ เรียกข้าว่าพี่ชายรองเถิด!”
เซียวเทียนกระตุกมุมปากในที่สุดก็เค้นคำว่า ‘พี่ชายรอง’ ออกมาจากลำคอ
“ศิษย์ในรุ่นนี้ แข็งแกร่งกว่ารุ่นก่อน ๆ จริง ๆ”
ฮ่วนเฉียนอี่มองดูเกราะกำบังที่แตกสลายพลางเปล่งเอ่ยออกมา
ลู่เทียนเฉิงลอบกลืนน้ำลาย จากนั้นก็ข่มความตกใจที่อยู่ในใจลง หันไปพูดกับลู่หยวนว่า “พวกท่านมาที่นี่ ได้รับข่าวที่ข้าส่งกลับไปหรือไม่?”
ลู่หยวนพยักหน้า “ตระกูลได้รับข่าวแล้วจึงได้จัดคนมาพร้อมกันที่เกาะสังหารเซียน”
สายตาของฮ่วนเฉียนอี่ในตอนนี้ก็มองไปยังฮ่วนซิงไป๋สีหน้าแฝงไปด้วยความรู้สึกบางอย่างที่ไม่อาจหยั่งถึง “เจ้าก็ได้รับข่าวด้วยหรือ?”
ฮ่วนซิงไป๋พยักหน้าตาม “ใช่แล้วท่านป้า ทันทีที่ตระกูลได้รับข่าวจากท่านก็ได้จัดการคน ข้าจึงมาพร้อมกับบุตรศักดิ์ลู่”