ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 632 ตกปลา
บทที่ 632 ตกปลา
หลังจากเยว่จู้จากไป ลู่หยวนกับอีกสองคนก็ยังคงอยู่ในห้องเดิม
ลู่หยวนนิ่งเงียบราวกับครุ่นคิดเรื่องใดอยู่
เซียวเทียนและฮ่วนซิงไป๋ที่อยู่ข้าง ๆ กลับมีสีหน้าครึกครื้นเล็กน้อย คำถามสุดท้ายที่ลู่หยวนถามชัดเจนว่ากำลังจะก่อเรื่อง!
พวกเขาใจจดใจจ่ออยู่แล้ว
หากเป็นคนอื่น ๆ ก็คงมีความกังวลบ้างเพราะอีกฝ่ายเป็นเทพเจ้า
เพียงคำว่า ‘เทพเจ้า’ นี้ก็นำมาซึ่งจินตนาการที่ไม่มีขีดจำกัดและทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนพินาศได้
ทว่าเมื่อคำนี้ปรากฏต่อหน้าฮ่วนซิงไป๋และเซียวเทียนก็กลับยิ่งทำให้พวกเขาทั้งสองยิ่งตื่นเต้น
ความคิดเดียวในใจก็คือ ลู่หยวนต้องพาพวกเขาไปด้วยแน่นอน!
เพราะถ้าคราวนี้ลู่หยวนสังหารเทพเจ้าได้ แม้พวกเขาจะโจมตีด้วยการโจมตีทั่วไปก็ยังได้รับชื่อเสียงในฐานะผู้สังหารเทพเจ้า!
เพียงคำว่า ‘สังหารเทพเจ้า’ ฟังดูก็ยิ่งใหญ่มากมายมหาศาลแล้ว!
ลู่หยวนเก็บความคิดเล็กน้อย แล้วก็เห็นแววตาเต็มไปด้วยความคาดหมายของฮ่วนซิงไป๋กับเซียวเทียน
“เป็นอันใดอีก?”
ลู่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ลู่ พรุ่งนี้พวกสัตว์ประหลาดจะปรากฏแล้ว พวกเราอยากไปดูเหมือนกัน พาพวกข้าไปด้วยนะ”
ฮ่วนซิงไป๋มีดวงตาเป็นประกาย “เทพเจ้าอะไรนั่น พวกเราก็อยากจะได้เห็นสักครั้ง!”
“นั่นสิ”
เซียวเทียนพูดไม่เก่งจึงได้แต่รับคำข้าง ๆ
“ตั้งใจจะพาพวกเจ้าไปอยู่แล้ว”
ลู่หยวนลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย “แต่ก่อนหน้านั้น เรากลับไปหาลู่เทียนเฉิงและฮ่วนเฉียนอี่ก่อน”
คนทั้งสองพอเห็นลู่หยวนยินดีก็ดีใจไม่ไหวแล้ว “เยี่ยมเลย!”
สามคนมุ่งหน้าไปยังที่พักของลู่เทียนเฉิงและฮ่วนเฉียนอี่ตามที่เยว่จู้บอก
เยว่จู้บอกว่าลู่เทียนเฉิงกับฮ่วนเฉียนอี่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกันและตอนนี้ก็อยู่กินด้วยกันแล้ว
ระหว่างทางคนทั้งสามเดินไปเรื่อย ๆ แม้ว่าตอนนี้จะยังเป็นกลางวันอยู่ แต่กลับมีลมหนาวพัดผ่านเมืองมา
ฮ่วนซิงไป๋เดินไป แสงดาบที่แผ่รอบตัวก็ไม่หยุดวาดผ่านไปมา ก่อเกิดอำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งวิถีสวรรค์ราวกับกำลังต่อสู้กับสิ่งใดอยู่
ฮ่วนซิงไป๋เมื่อเห็นแสงดาบของตัวเองเช่นนี้ ก็อดแปลกใจไม่ได้ “หรือว่าจะมีบางสิ่งแฝงตัวอยู่ในบริเวณใกล้เคียง แต่ข้ากลับไม่รู้สึกถึงอะไรเลย?”
เซียวเทียนฉงนกับคำพูดของฮ่วนซิงไป๋ “อะไรนะ? มีสิ่งใดหรือ?”
ลู่หยวนเพียงหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้พูดอะไร
ราวกับว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘กลางคืน’ กำลังใกล้เข้ามา บรรยากาศในเมืองนี้ก็เริ่มมีกลิ่นอายแปลก ๆ
สิ่งเหล่านี้น่าจะเป็น ‘สัตว์ประหลาด’ ที่เย่ว์จูพูดถึง
สัตว์ประหลาดเหล่านี้ไม่เหมือนกับทุกสิ่งที่ลู่หยวนเคยเห็นมาก่อนเลย
ดูเหมือนพวกมันไม่ควรจะมีอยู่ในโลกนี้ ไม่สามารถสัมผัสได้ด้วยพลังการฝึกฝนใด ๆ เลย
พูดให้ถูกก็คือ พลังของแผ่นดินหยวนหงนั้นไม่สามารถตรวจจับได้
เช่นเดียวกับที่ลู่หยวนใช้ทุกวิธีที่มีอยู่ตรวจสอบทั่วบริเวณนี้
ไม่ว่าจะเป็นเนตรเทวะ หรืออำนาจมังกร หรือแม้แต่พลังอำนาจเทวะ หรือแม้แต่เจตจำนงกระบี่หรืออื่น ๆ บนลู่หยวนก็ไม่สามารถรับรู้ได้เหมือนฮ่วนซิงไป๋
แต่พลังที่ถูกผนึกไว้ในจิตเทวะของลู่หยวนกลับบอกกับลู่หยวนอย่างชัดเจนว่า ใกล้ ๆ นี้เริ่มมีบางสิ่งกำลังยุ่งวุ่นวายแล้ว
วิธีอย่างเช่นเนตรเทวะ แม้ลู่หยวนจะใช้ระบบพัฒนาเป็นระดับสูงสุดแล้ว แต่ก็ยังเป็นของแผ่นดินหยวนหงอยู่ดีที่นี่จึงถูกจำกัดจริง ๆ
ไม่ต้องพูดถึงเซียวเทียนเลย ทุกอย่างบนตัวเขาล้วนมาจากแผ่นดินหยวนหง ตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลยสักนิด
ส่วนฮ่วนซิงไป๋พลังที่ล้อมรอบตัวเขามาจากกู่อี้เจี้ยนเจตจำนงกระบี่นี้ใกล้เคียงวิถีสวรรค์อยู่ข้างฮ่วนซิงไป๋มานานจนกลายเป็นหนึ่งเดียวกับฮ่วนซิงไป๋แล้ว
บรรพบุรุษของฮ่วนซิงไป๋มาจากแดนเซียนด้วยสายเลือดของเขาในโลกนี้ ย่อมมีการตอบสนองบางอย่าง แต่ก็ยังไม่สามารถรับรู้ได้อย่างแม่นยำ
ลู่หยวนพาทั้งสองเดินต่อไป สีหน้าเรียบเฉย ดูเหมือนไม่ได้มองอะไร แต่เขารู้ชัดว่าตอนนี้มี ‘สัตว์ประหลาด’ อย่างน้อยสามสิบตัวล้อมพวกเขาไว้ ติดตามพวกเขาไปทุกฝีก้าว
ไม่นานทั้งสามก็มาถึงที่พักของลู่เทียนเฉิง
ที่นี่ก็ไม่ต่างจากที่ของเย่ว์จู ลู่หยวนไม่ทักทาย เดินเข้าไปข้างในทันที
เพิ่งมาถึงหน้าประตู กำลังจะเปิดเข้าไปก็เห็นประตูถูกเปิดออก ใบหน้าของฮ่วนเฉียนอี่ปรากฏขึ้นต่อหน้าทั้งสาม
“พวกเจ้ามาทำไม?”
ฮ่วนเฉียนอี่ตกใจจากนั้นก็ซ่อนมือข้างหนึ่งไว้ข้างหลังอย่างลับ ๆ ทำทีรีบเปลี่ยนสีหน้ามองลู่หยวน พูดว่า “เจ้ามาหาลู่เทียนเฉิงหรือ? เขาไปข้างนอกไม่อยู่ที่นี่”
ลู่หยวนหัวเราะเบา ๆ “จริงหรือ?”
แต่สายตากลับจับจ้องที่ฮ่วนเฉียนอี่ สายตากวาดมองด้านหลังของฮ่วนเฉียนอี่ก็เห็นมือที่ฮ่วนเฉียนอี่ซ่อนไว้ข้างหลัง ทำท่าทางบางอย่าง
พลังประหลาดรอบ ๆ หายไปมากในทันใด ลู่หยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย
ฮ่วนซิงไป๋ข้างกายเขาส่งเสียงอุทาน “ทำไมพลังดาบของข้าถึงอ่อนลงมาก ไม่ค่อยดุดันแล้ว”
“ข้าไม่ได้มาหาลู่เทียนเฉิงแต่มาหาเจ้า”
ลู่หยวนยกมือขึ้นปรากฏคลื่นยักษ์ล้อมรอบบ้านหลังนี้ จากนั้นกำแพงก็ผลักออกไปหลายลี้ ทุกที่ที่ผ่าน อาคารบ้านช่องพังทลายกลายเป็นที่ราบไปหมด
สีหน้าของฮ่วนเฉียนอี่เปลี่ยนไปทันที “ลู่หยวน เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ไม่มีอะไร แค่มานั่งเฉย ๆ”
ลู่หยวนผลักประตูบ้านให้เปิดกว้างแล้วเดินเข้าไปอย่างไม่รอช้า
ฮ่วนซิงไป๋กับเซียวเทียนก็ตามเข้าไปติด ๆ
ฮ่วนเฉียนอี่มองกำแพงด้านนอก ในใจหนักอึ้ง นางรู้ดีว่าไม่มีทางเอาชนะลู่หยวนได้แน่
สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วฮ่วนเฉียนอี่ก็กลับเข้าไปในบ้าน
ลู่หยวนค่อนข้างทำตัวสบาย ๆ เลือกที่นั่งตามใจชอบ
ฮ่วนซิงไป๋กับเซียวเทียนตามเข้าไปติด ๆ
ฮ่วนเฉียนอี่มองกำแพงด้านนอก ในใจหนักอึ้ง นางรู้ดีว่าไม่มีทางเอาชนะลู่หยวนได้แน่
ฮ่วนเฉียนอี่สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะกลับเข้าไปในบ้าน
ลู่หยวนก็ค่อนข้างสบาย ๆ เลือกที่นั่งตามใจชอบ
เซียวเทียนกับฮ่วนซิงไป๋ยืนอยู่ทางซ้ายขวา
ฮ่วนเฉียนอี่หัวเราะเย็นชาแล้วเอ่ยปาก “ข้าเติบโตมาจากตระกูลฮ่วน ไม่คิดว่าจะมีคนช่วยต่างตระกูลข่มเหงคนของตัวเอง”
คำพูดนี้เป็นการเหน็บแนมฮ่วนซิงไป๋อย่างแยบยล
ฮ่วนซิงไป๋ได้ยินออกก็ยกมุมปากกระตุกยิ้ม “ดูคำพูดของป้าสิ ท่านป้ากับลู่เทียนเฉิงไม่ใช่ได้หมั้นหมายกันแล้วหรือ? ข้ากับบุตรศักดิ์สิทธิ์รักกันดั่งพี่น้อง เช่นนี้จะนับเป็นต่างตระกลูได้อย่างไร พวกเราตระกูลฮ่วนกับตระกูลลู่เป็นมิตรสหายร่วมเป็นร่วมตายกันมานาน เหมือนเป็นตระกูลเดียวกันแล้ว”
ฮ่วนเฉียนอี่ถูกคำพูดนี้อุดปากจนพูดไม่ออก ขบฟันแน่น “พวกเจ้ามาที่นี่จะทำอะไรกันแน่?”
ลู่หยวนไขว้ขาอย่างเกียจคร้าน ท่าทางขี้เกียจแต่แววตากลับมั่นใจเต็มเปี่ยม “บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะพูดตรง ๆ ก็แล้วกัน ฮ่วนเฉียนอี่เจ้าเป็นแค่เหยื่อล่อเท่านั้น ข้าจะใช้เจ้าตกปลาตัวใหญ่”
ฮ่วนเฉียนอี่ได้ฟังก็ขมวดคิ้ว ในตอนนี้เองก็ได้ยินเสียงดังสนั่นจากด้านนอก!
ตามมาด้วยเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว “ลู่หยวน! ออกมา!”
เสียงนี้คุ้นเคยมาก นั่นก็คือลู่เทียนเฉิงนั่นเอง!
ลู่หยวนสีหน้าไม่เปลี่ยนมุมปากยกขึ้น “ดูสิ เพิ่งจะเริ่มหย่อนเหยื่อ ปลาก็มาแล้ว”