ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 633 ผู้นำสัตว์ประหลาด
บทที่ 633 ผู้นำสัตว์ประหลาด
ลู่หยวนลุกขึ้นเปิดประตูห้อง ก็เห็นลู่เทียนเฉิงอยู่นอกเขตกั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด
เมื่อเห็นลู่หยวนออกมา ลู่เทียนเฉิงยิ่งโมโหมากยื่นมือทุบเขตกั้นอีกหมัด
ตูม!
เสียงกึกก้องดังขึ้น คลื่นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งเขตกั้น แต่ไม่มีร่องรอยความเสียหายแม้แต่น้อย
“ท่านลุง มาเร็วจริง ๆ”
ลู่หยวนยิ้มรับ
“ลู่หยวน! เจ้าจะทำอะไรกับเฉียนอี่?”
ลู่เทียนเฉิงเค้นคำพูดนี้ออกมาจากลำคอ ผู้ใดก็ได้ยินความโกรธของเขาในตอนนี้
แต่เดิมลู่เทียนเฉิงแค่ออกไปทำบางอย่าง แต่ตอนที่กำลังจะกลับ ก็รู้สึกว่าทั้งแผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เขตกั้นขนาดใหญ่ผุดขึ้นมากลางอากาศห่อหุ้มส่วนหนึ่งของเมืองไร้ขอบเขตไว้
เขาจ้องมองดูเป็นทิศทางที่บ้านของตัวเองอยู่พอดี!
ลู่เทียนเฉิงนึกถึงลู่หยวนขึ้นมาในทันที ก็มีแต่ลู่หยวนเท่านั้นที่กล้าทำเรื่องเช่นนี้ในเมืองไร้ขอบเขต!
เขาลุกขึ้นทันที รีบกลับไปยังบ้านของตัวเอง
ภายในห้อง
เฉียนอี่เห็นดังนั้นก็จะออกไปข้างนอกแต่พลังปราณสองพลังวูบลงมาจากซ้ายขวากดนางไว้แน่น
นั่นคือฮ่วนซิงไป๋กับเซียวเทียน
“ฮ่วนซิงไป๋!”
เฉียนอี่มองไปอย่างเย็นชา “เจ้าเรียกข้าว่าท่านป้า แต่กลับหันหลังให้ข้า เข้าข้างคนนอก?!”
ฮ่วนเฉียนอี่หัวเราะเยาะ “ท่านป้า อย่าเพิ่งโกรธเลย ทุกอย่างที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ทำล้วนมีเหตุผล อีกอย่าง ก็ยังไม่ได้ฆ่าเจ้า เหตุใดต้องโกรธขนาดนั้นด้วย?”
พอได้ยินคำพูดของฮ่วนเฉียนอี่ สีหน้าของเฉียนอี่ก็ยิ่งแย่ลง หัวเราะเยาะเย้ยหยันว่า “อย่างนั้นหรือ แล้วถ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะฆ่าข้า เจ้าถึงจะยอมออกมาช่วยหรือไม่?”
“ท่านป้า ดูคำพูดของเจ้าสิ พวกเราสองคนมีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ถ้าบุตรศักดิ์สิทธิ์มีเจตนาเช่นนั้นจริง ๆ…”
ฮ่วนซิงไป๋ชะงักไปเล็กน้อย แล้วพลังสายเลือดของตระกูลฮ่วนกดลงมาในพริบตา กดเฉียนอี่ทั้งคนจนหายใจติดขัด “ข้าจะไม่ยอมให้ท่านป้าตายด้วยน้ำมือของเขาอย่างแน่นอน”
เฉียนอี่รับรู้ถึงเจตนาฆ่าที่ทะลุทะลวงไปถึงกระดูกและเลือดราวกับจะฆ่าล้างนางให้สิ้น
แม้แต่เฉียนอี่ที่อ้างว่าเคยเห็นโลกมามาก อยู่บนเกาะสังหารเซียนมานาน สังหารนับมาไม่ถ้วนในตอนนี้ก็ยังตกใจจนตัวสั่น
นางเบิกตาโพลงชั่วขณะ เหมือนประเมินตระกูลของตัวเองต่ำไป แต่เดิมคิดว่าเด็กคนนี้เป็นแค่ลูกน้องของลู่หยวนเท่านั้น
แต่ตอนนี้ดูเหมือนต้องตัดสินใจเป็นอีกอย่าง!
ด้านนอกห้อง
ลู่หยวนเดินก้าวไปหาลู่เทียนเฉิงที่อยู่นอกเขตกั้น เงยหน้าขึ้นจ้องตาลู่เทียนเฉิง ในดวงตาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ท่านลุงทำท่าเช่นนี้ คนที่ไม่รู้เรื่องคงคิดว่าเป็นศัตรูกับข้าแล้วกระมัง”
ความโกรธที่พุ่งขึ้นสูงในใจลู่เทียนเฉิงสงบลงไปมากแล้ว จึงพูดว่า “ลู่หยวน เจ้าต้องการอะไรกันแน่?”
“ท่านลุงพูดถูกต้องแล้ว ข้ามีเรื่องหนึ่งที่หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากท่านจริง ๆ”
พูดจบลู่หยวนก็โบกมือครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นฉากกั้นก็เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรุนแรงผ่านร่างของลู่เทียนเฉิงไปอย่างแข็งกร้าวห่อหุ้มเขาไว้ภายในฉากกั้น
ลู่เทียนเฉิงมองผ่านประตูที่เปิดออก เห็นภาพข้างในที่ฮ่วนเฉียนอี่ถูกทั้งสองข่มขู่ไว้ ในใจเขาเต็มไปด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านในทันที แต่ก็ข่มกลั้นมันไว้ได้อย่างรวดเร็ว
เขารู้ว่าลู่หยวนมาที่นี่ในวันนี้ และข่มขู่ฮ่วนเฉียนอี่ ไว้ได้นั้นก็เท่ากับว่าเขาถูกจับไว้ในกำมือแล้ว
“พูดมาเถิด เจ้ามาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่?”
ลู่เทียนเฉิงถาม
ลู่หยวนไม่อ้อมค้อมพูดตรง ๆ ว่า “ข้าได้ยินมาว่า พรุ่งนี้จะเป็นช่วงเวลาที่ความมืดมิดมาเยือนเมืองไร้ขอบเขตนี้ ข้าต้องการให้เจ้าพาข้าไปพบกับผู้นำของพวกสัตว์ประหลาดที่ปรากฏกายออกมา”
เมืองอันไร้ขอบเขตนี้ มนุษย์และสัตว์ประหลาดอาศัยอยู่ร่วมกัน เพียงแต่ฝ่ายหนึ่งออกมาในเวลากลางวัน อีกฝ่ายออกมาในเวลากลางคืน
ทั้งสองฝ่ายต่างมีกฏของตนเองและแน่นอนว่าต่างก็มีผู้นำของตนเอง
ผู้นำของมนุษย์นั้นลู่หยวนเคยพบมาแล้วนางคือ เจี่ยวหลิ่วเอ่อร์
ลู่หยวนรู้ดีว่าในฐานะผู้นำของมนุษย์ เจี่ยวหลิ่วเอ่อร์สามารถควบคุมมนุษย์ที่นี่ได้ นางต้องมีวิธีการของตนเอง หรือแม้กระทั่งมีความเกี่ยวข้องกับเทพเจ้าในเมืองอันไร้ขอบเขตนี้
ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นตรงหรือความสัมพันธ์นายบ่าว
อย่างไรก็ตาม มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ พูดตามตรง พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตจากภายนอกของโลกนี้ แม้ว่าเทพเจ้าจะใช้มนุษย์ในโลกนี้ แต่ก็เป็นเพียงการใช้พวกเขาเป็นกำลังชั้นต่ำสุด เพื่อรักษาเมืองอันไร้ขอบเขตนี้เท่านั้น
เหมือนกับเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์ นางโอ้อวดอำนาจต่อหน้ามนุษย์ ดูเหมือนจะมีฐานะสูงส่ง แต่เมื่อตกอยู่ต่อหน้าสัตว์ประหลาดหรือเทพเจ้า นางก็เป็นเพียงแกะที่คุกเข่าลงกับพื้น ปล่อยให้ชีวิตของตนถูกกำหนดโดยผู้อื่นเท่านั้น
การไปหาเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์จะไม่ได้คุณค่าอะไรมากนัก หากจะไปหาก็ต้องไปหาตัวการใหญ่ ไปหาผู้นำของพวกสัตว์ประหลาด นั่นก็เท่ากับได้ไปหาเทพเจ้า!
คิดมาถึงตรงนี้ มุมปากของลู่หยวนก็ยกยิ้มเล็กน้อย
ลู่หยวนเข้ามาในเกาะสังหารเซียนนี้ ได้พบกับวิถีโบราณมาแล้ว ตอนนี้เขาก็รู้ดีว่าได้ก้าวเข้าสู่สถานการณ์ที่วิถีโบราณกำหนดแล้ว
นั่นก็คือการปล่อยให้ลู่หยวนและซ่งชิงต่อสู้กัน เปิดสถานการณ์นี้ ปล่อยให้ผู้คนจากแดนเซียน เข้าร่วมด้วยจัดวางกำลังพลเปิดสถานการณ์ทั้งหมด
แต่ตอนนี้ เพิ่งเข้ามาภายในเกาะสังหารเซียนก็เจอเมืองอันไร้ขอบเขตนี้เข้าแล้ว
ดินแดนแห่งนี้จะต้องเป็นที่รู้กันของวิถีสวรรค์และ วิถีโบราณอย่างแน่นอน
แต่พวกเขาปล่อยให้ที่นี่ดำรงอยู่และใช้ภายใน เกาะสังหารเซียนเป็นสถานที่ตัดสินครั้งสุดท้ายระหว่างเขากับซ่งชิงจะต้องมีเจตนาลึกซึ้งแน่นอน
หรือบางทีวิถีสวรรค์แล้ววิถีโบราณอาจจะต้องการใช้มือของลู่หยวนในการกำจัดเทพเจ้านั่นก็เป็นไปได้เช่นกัน
รอยยิ้มที่มุมปากของลู่หยวนยิ่งเจิดจ้า
ท้ายที่สุดแล้ว เทพเจ้าก็เคยอยู่เหนือพลังแห่งวิถี มาก่อน
หากเป็นเช่นนั้น ลู่หยวนยิ่งอยากรู้ว่าเทพเจ้าที่ยังมีชีวิตอยู่ในเกาะสังหารเซียนนี้ มีรูปลักษณ์เช่นไรกันแน่!
“ไม่ได้!”
เสียงปฏิเสธอย่างกะทันหันของลู่เทียนเฉิงทำให้ ลู่หยวนได้สติ
ลู่หยวนเหลือบมองเห็นลู่เทียนเฉิงมีท่าทางตื่นตระหนกอย่างยิ่งราวกับไม่กล้ารับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย
“หืม? ท่านลุงพูดว่าไม่ได้ ไม่ใช่ไม่รู้ ดังนั้นท่านลุงก็พบผู้นำของพวกสัตว์ประหลาดได้จริง ๆ สินะ”
เสียงหัวเราะเยาะของลู่หยวนดังขึ้นทำให้ลู่เทียนเฉิงรู้สึกหนาวยะเยือกที่แผ่นหลัง
“ท่านลุงเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่ง ไม่ใช่ผู้นำของมนุษย์ด้วยซ้ำ แต่กลับสามารถติดต่อกับผู้นำของพวกสัตว์ประหลาดได้ นั่นถือว่ามีความสามารถพอสมควรเลยนะ”
ลู่เทียนเฉิงเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองเผลอเปิดเผยสิ่งสำคัญออกไป เขารู้สึกตื่นตระหนกมาก แต่ก็พยายามข่มกลั้นเอาไว้แล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงอะไร?”
“ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร”
ลู่หยวนยืนกอดอกมองตาลู่เทียนเฉิงพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงมั่นใจว่า “แต่บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้รู้ดีไม่น้อยเลย”
“สัตว์ประหลาดนั่นคงมีข้อตกลงบางอย่างกับท่านลุงเฉิงแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นท่านลุงเฉิงจะไปหาวิธีเอาสมุนไพรชั้นยอดกลับไปทำไม แถมตอนนั้นมีสมุนไพรวิเศษมากมาย แต่ท่านลุงเฉิงกลับเลือกเอาแต่ตัวที่รักษาบาดแผลโดยเฉพาะ ดูท่าสัตว์ประหลาดนั่นคงได้รับบาดเจ็บหนักไม่น้อย”