ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 637 เส้นทางที่นำมา
บทที่ 637 เส้นทางที่นำมา
“เป็นไปไม่ได้!”
เจี่ยวหลิ่วเอ่อร์ร้องตะโกน แต่ในใจกลับใช้วิชาลับสุดท้ายเรียกหาผู้นำสัตว์ประหลาดเหล่านั้นอย่างต่อเนื่อง หวังว่าผู้นำสัตว์ประหลาดเหล่านี้จะมาปกป้องนางได้ดังที่พูดไว้ก่อนมา
แต่ไม่ว่านางจะใช้วิชาลับอย่างไร ก็ไม่มีการตอบสนองใด ๆ
ตอนนี้นางก็เข้าใจแล้วว่าตนเองถูกทอดทิ้งจริง ๆ
เจี่ยวหลิ่วเอ่อร์ดิ้นรนกับเชือกที่มัดตัวเองไว้ พึมพำกับตัวเอง “เป็นไปไม่ได้ ข้าเป็นคนที่ท่านเทพเลือกเองนะ พวกเขากล้าได้อย่างไร?!”
ลู่หยวนส่งพลังวิญญาณของตนเองเข้าไปในร่างของเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์พลันก็รู้สึกถึงบางอย่าง ในดวงตาปรากฏความดูแคลนเล็กน้อย “บางที…ครั้งนี้ผู้ที่ส่งเจ้ามาทดสอบ อาจเป็นท่านเทพที่เจ้าเคารพบูชาก็เป็นได้!”
คำพูดเดียวของลู่หยวนทำให้จิตใจของเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์สั่นไหว
นางเป็นคนที่ท่านเทพเลือกเอง ปกติแล้วในเมืองไร้ขอบเขตนี้ แม้แต่ผู้นำสัตว์ประหลาดเหล่านั้นก็ไม่กล้าใช้กำลังกับนาง
ในวันก่อน ๆ ถึงแม้จะมีเรื่องอะไร หากนางไม่เต็มใจ นอกจากท่านเทพจะสั่งเอง ผู้ใดก็ไม่สามารถบังคับนางได้
แต่ก่อนหน้านี้ ผู้นำสัตว์ประหลาดเหล่านั้นต่างก็คำนึงถึงว่านางเป็นคนที่ท่านเทพเลือกเองจึงไม่ให้นางเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องอันตรายบางอย่าง
ทว่าวันนี้เกิดสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ขึ้น ผู้นำสัตว์ประหลาดเหล่านั้นกลับไม่มีสักคนออกมาช่วย นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของท่านเทพหรอกหรือที่จะทอดทิ้งนาง?
ลู่หยวนไม่มีเวลาให้เจี่ยวหลิ่วเอ่อร์คิดเพ้อเจ้อต่อ จึงยกตัวนางขึ้นมาทันที จากนั้นหันสายตาไปมองลู่เทียนเฉิง
ลู่เทียนเฉิงสบตากับลู่หยวน ในใจรู้สึกหวาดกลัว รีบเอ่ยปากแก้ตัว “ข้าไม่ได้ตกลงกับผู้นำสัตว์ประหลาดไม่ได้ตั้งใจจะวางแผนกลั่นแกล้งท่าน!”
“ข้าเชื่อท่านลุงเฉิงอยู่แล้ว ยังไงชีวิตของฮ่วนเฉียนอี่ก็อยู่ในมือของข้า ท่านลุงเฉิงไม่สนใจตัวเอง แต่ก็ต้องสนใจคนรักของตัวเองใช่หรือไม่?”
ลู่หยวนเชิดคางขึ้น “ท่านลุงเฉิงนำทางต่อเถิด”
ลู่เทียนเฉิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วก็เดินนำทางต่อไป
เขาเดินไปพลางคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเมื่อครู่ในใจ
ไม่นาน ก็รู้สึกหนาวยะเยือกที่หลัง เหมือนการคำนวณทั้งหมดของตนได้พังทลายลงโดยไม่รู้ตัว!
เขาตอบตกลงกับลู่หยวนในตอนแรกที่จะพาลู่หยวนไปยังที่อยู่ของผู้นำสัตว์ประหลาดก็เพราะคิดว่าลู่หยวนน่าจะต้องการต่อสู้กับผู้นำสูงสุดของที่นี่
ถึงแม้จะเจอลู่หยวนเพียงไม่กี่วัน แต่ลู่เทียนเฉิงก็รู้ดีว่าลู่หยวนไม่เพียงแต่มีพลังแข็งแกร่ง กลยุทธ์ก็เป็นสิ่งที่ผู้อื่นเทียบไม่ติดเช่นกัน
ในใจเขาก็ประเมินไว้ว่า เมื่อลู่หยวนลงมือ แม้แต่ผู้นำสัตว์ประหลาดที่แย่งชิงความเป็นใหญ่ในเมืองไร้ขอบเขตทั้งหมดก็ไม่น่าจะเป็นคู่ต่อสู้ได้
ในเมื่อลู่หยวนอยากพบพวกเขา ลู่เทียนเฉิงก็ทำตามนั้น พาลู่หยวนไปพบ หากพวกเขาต่อสู้กัน ลู่เทียนเฉิงก็จะได้หาประโยชน์จากความวุ่นวายนั้น
บางทีอาจจะมีโอกาสหนีออกจากที่นี่ได้ ไม่ต้องทนรับการกดขี่ข่มเหงจากผู้นำสัตว์ประหลาดเหล่านี้ทุกวัน
ก่อนหน้านี้ที่เขาทำงานให้ผู้นำสัตว์ประหลาดก็เพียงเพราะผู้นำสัตว์ประหลาดให้คำสัญญาเช่นนี้ไว้ บอกว่าถ้ารู้วิธีช่วยให้ผู้นำสัตว์ประหลาดรักษาบาดแผลให้หายดีก็จะปล่อยให้พวกเขาออกจากเมืองไร้ขอบเขต คืนสภาพพลังปราณที่ถูกทำลายด้วยวิชาลับให้เป็นปกติ ให้สามารถเป็นเหมือนมนุษย์ธรรมดา ไม่ต้องถูกกักขังอยู่ที่นี่อีก
แต่ยิ่งช่วยเหลือมากครั้งเพียงใด ผู้นำสัตว์ประหลาดเหล่านี้ก็เหมือนหลุมลึกมหึมาที่ไม่มีวันเต็ม ไม่มีท่าทีจะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับตนเลย
นี่ทำให้ลู่เทียนเฉิงเกิดความคิดที่จะถอนตัวและลู่หยวนก็เป็นความหวังเดียวที่เขาจะมีชีวิตรอด
แต่การพาลู่หยวนเข้าไปในหอไร้ขอบเขตเป็นเรื่องลับ ยิ่งไม่มีใครรู้ยิ่งดี แอบพาคนเข้าไปอย่างเงียบ ๆ
ตอนนี้ดูจากสถานการณ์แล้ว เหมือนผู้นำสัตว์ประหลาดเหล่านั้นจะคาดการณ์ไว้แล้วว่าลู่หยวนจะมาที่นี่ ถึงกับส่งเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์มาสืบความจริงด้วย
หรือว่าตั้งแต่เขาได้ตัดสินใจที่จะพาลู่หยวนมาที่นี่ ทุกสิ่งทุกอย่างก็อยู่ในขอบเขตการสืบสวนของบรรดาผู้นำสัตว์ประหลาดแล้ว?!
ยิ่งลู่เทียนเฉิงคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าหัวใจของตนเองยิ่งเย็นเฉียบ แผ่นหลังยิ่งมีเหงื่อเย็นไหลออกมาไม่หยุด แม้แต่ก้าวเดินก็ช้าลง
ลู่หยวนเดินตามมาข้างหลัง มือถือเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์ที่ถูกปิดปากเอาไว้แล้วเห็นลู่เทียนเฉิงเป็นเช่นนี้ก็ได้แต่หัวเราะเบา ๆ ไม่หยุด
“ลุงเฉิงท่านคงไม่คิดหรอกว่าตอนที่ข้าตั้งค่ายกลขึ้นมาปิดล้อมที่พักของท่านเพื่อไม่ให้ข่าวรั่วไหลงั้นหรือ?”
เสียงของลู่หยวนลอยมาจากด้านหลังของลู่เทียนเฉิงอย่างเบา ๆ “ข้าทำเสียงดังขนาดนั้น ไม่เพียงแต่เพื่อล่อให้ท่านมาเท่านั้น แต่ยังเพื่อดึงดูดความสนใจของพวกสัตว์ประหลาดที่เที่ยวเตร่อยู่ในเมืองไร้ขอบเขตนี้ตลอดเวลาด้วย”
ทันใดนั้นคำพูดของลู่หยวนก็หยุดชะงักเสียงต่ำลงเล็กน้อย “จริงสิ วรยุทธ์ของลุงเฉิงต่ำเกินไป อาจจะยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าในเมืองไร้ขอบเขตนี้ ไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืนก็มีสัตว์ประหลาดอยู่ แม้แต่กลางวัน สัตว์ประหลาดที่เที่ยวเตร่ในเมืองก็ไม่น้อยไปกว่าที่อยู่ข้างนอกในวันนี้หรอก เพียงแต่ไม่แสดงร่างกายออกมา ตามองไม่เห็นเท่านั้นเอง”
“แต่จริง ๆ แล้วพวกมันล่องลอยอยู่รอบตัวลุงเฉิงตลอดเวลาฟังบทสนทนาในใจที่ลุงเฉิงพูดกับ ฮ่วนเฉียนอี่ มองดูสิ่งที่ลุงเฉิงทำ”
“ไม่อย่างนั้นแล้ว พวกมันจะจับจุดที่ลุงเฉิงปรารถนามากที่สุดในใจได้อย่างแม่นยำทำให้ลุงเฉิงยอมเป็นวัวเป็นม้าให้พวกมันได้อย่างไร?”
ก้าวเดินของลู่เทียนเฉิงหยุดชะงักลงทันที ม่านตาหดเข้าอย่างฉับพลันราวกับได้ยินคำพูดที่สั่นสะเทือนจิตใจ
หลายปีมานี้ ไม่ใช่สัตว์ประหลาดออกมาเฉพาะตอนกลางคืนหรอกหรือ?
แต่กลับวนเวียนอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลา?
ในสมองของเขาดังก้องไปด้วยภาพมากมาย ล้วนแต่เป็นตัวเขาเองที่อยู่ในเมืองไร้ขอบเขตทำสิ่งธรรมดาและข้างกาย ใบหน้ามากมายจ้องมองเขาเป็นเชิงเดียวกัน มองการกระทำทุกอย่างของเขา ฟังทุกคำพูดของเขา
เขาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางการถูกจับตามองทั้งวันทั้งคืน การวางแผนที่เขาเคยคิดว่าไม่เลวทุกวันคืน กลายเป็นเรื่องตลกขบขันที่แท้ความคิดทุกอย่างของเขาล้วนเปิดเผยต่อหน้าบรรดาผู้นำสัตว์ประหลาด
หลังของลู่เทียนเฉิงค่อย ๆ ค่อมลงทีละน้อย เขาหันกายกลับไปอย่างยากลำบากมองลู่หยวน “จริง ๆ แล้ว…ข้ามองไม่เห็นหรือ?”
ลู่หยวนไม่ได้ตอบ เพียงแต่ก้าวข้ามหลังลู่เทียนเฉิงไปแล้วเดินไปข้าง ๆ เขา เปล่งเสียงเบา ๆ ว่า “ขอบคุณลุงเฉิงที่นำทาง เมื่อครู่ก็ถือเป็นของขวัญจากลุงเฉิงแล้ว ก่อนตายได้เข้าใจชีวิตชัดเจนสักครั้งก็ถือว่าไม่เสียชาติเกิดแล้ว”
ฮ่วนซิงไป๋และเซียวเทียนต่างก็เดินผ่านลู่เทียนเฉิงไปยืนอยู่ด้านหลังของลู่หยวน
เห็นได้ชัดว่าตรงหน้าทุกคนมีโพรงเล็กที่มีที่ว่างพอให้คนเดียวเดินผ่านได้ ในโพรงนี้ส่องแสงระยิบระยับ ไม่รู้ว่าคืออะไร
“ถึงที่หมายแล้ว”
ลู่หยวนพึมพำเบา ๆ จู่ ๆ ก็นึกอะไรขึ้นได้ มองคนทั้งสองด้านหลังอย่างสนใจแล้วพูดว่า “ตอนนี้เส้นทางมาถึงที่นี่แล้ว พวกเจ้ามีความคิดอย่างไรบ้างเกี่ยวกับเมืองไร้ขอบเขตนี้?”