ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 646 วิญญาณมังกรปรากฏ ลู่หยวนพ้นภัย
บทที่ 646 วิญญาณมังกรปรากฏ ลู่หยวนพ้นภัย
ทันใดนั้น แสงสว่างสีขาวพุ่งตรงเข้าหาตัววั่งไฉอย่างรวดเร็ว!
วั่งไฉไม่ได้มีท่าทีหวาดหวั่นปล่อยร่างมังกรตั้งอยู่กลางผืนฟ้า!
ปัง!
แสงสว่างสีขาวพุ่งเข้าปะทะร่างมังกรอย่างไร้ปรานี!
ทันใดนั้น เลือดสีแดงสดก็ไหลทะลัก แสงสว่างสีขาวนี้ราวกับคมดาบศักดิ์สิทธิ์พุ่งเฉือนผ่านร่างโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย!
โฮก!
เสียงคำรามกึกก้องดังออกมาจากปากวั่งไฉอย่างบ้าคลั่ง เลือดสีแดงฉานย้อมไปทั่วร่างแต่วั่งไฉก็ยังคงยืนหยัด แสงสว่างสีขาวเฉือนผ่านร่าง เลือดเนื้อของวั่งไฉปั่นป่วน เผยให้เห็นกระดูกมังกร!
ทว่าหางมังกรกลับปกป้องร่างของลู่หยวนไว้เบื้องหลังอย่างแน่นหนา ดวงตามังกรยังคงแน่วแน่ รัศมีที่แผ่ออกมารอบกายในยามที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายก็ระเบิดพลังอันแข็งแกร่งออกมาเป็นครั้งสุดท้าย!
ครานั้น บนร่างของวั่งไฉเปล่งแสงสีทองส่องประกายเจิดจรัสดุจดั่งมังกร พยายามดิ้นรนให้หลุดพ้นจากแสงสีขาวที่แผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งแดนดิน บังคับให้แสงสีขาวชะงักลงชั่วขณะ
“เหล่าเทพไร้ขอบเขต เหตุใดจึงต้องทำเช่นนี้”
เสียงทุ้มลึกดังก้องกังวานมาแต่ไกล ไม่อาจรู้ได้ว่าต้นเสียงมาจากทิศทางใด
นอกแสงสีขาว เหล่าเทพไร้ขอบเขตทั้งหลายเบื้องหน้าถือกระบี่คู่กายต่างหันไปตามทิศทางของเสียง จนกระทั่งสายตาทั้งหมดไปหยุดอยู่ที่มังกรทองบนร่างของวั่งไฉ
“หึ ๆ พวกเจ้าลงมือเล่นงานผู้น้อย พอผู้อาวุโสอย่างข้าปรากฏตัว ก็รีบมาเจรจาเช่นนี้รึ”
เทพไร้ขอบเขตเอ่ยเย้ยหยัน ในดวงตาลึกโหลนั้นเต็มไปด้วยแววดูแคลน
มังกรทองขยับกาย เวลาระหว่างสวรรค์และผืนดินพลันหยุดนิ่ง ร่างกายสีทองอร่ามนั้นเคลื่อนไหวอีกครั้ง
ก่อนจะทะยานออกจากขอบเขตการโจมตีของแสงสีขาว ปรากฏกายเบื้องหน้าเทพไร้ขอบเขต
“จักรพรรดิมังกร ท่านสิ้นชีพไปนานแล้ว เหลือเพียงเศษเสี้ยววิญญาณเทวะเช่นนี้ ยังคงคิดจะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวในวันนี้จริง ๆ รึ?”
เทพไร้ขอบเขตเอ่ยอย่างเชื่องช้า “การจะทำลายเศษเสี้ยววิญญาณเทวะเช่นเจ้า ข้าเพียงแค่คิดก็สามารถทำได้แล้ว”
มังกรสีทองตัวนี้ เป็นอดีตจักรพรรดิมังกร ซึ่งกล่าวได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของวั่งไฉก็ไม่ผิด
ย้อนกลับไปเมื่อครั้งที่วั่งไฉทะยานสู่การเป็นเจ้าแห่งเผ่ามังกร ฝึกตนจนถึงขั้นสูงสุด บรรพบุรุษผู้เป็นอดีตจักรพรรดิมังกรองค์นี้ก็ได้มอบจิตวิญญาณเทวะสุดท้ายในโลกใบนี้ประทับลงบนร่างของวั่งไฉ
ตอนนี้ ภัยถึงตัวแล้ว อดีตจักรพรรดิมังกรองค์นี้จึงต้องออกมา
“เรื่องที่ท่านมีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ แม้ตอนนี้จะไม่ได้ครอบครองตำแหน่งเทพ แต่ก็เคยเป็นถึงเทพไร้ขอบเขต การจะปลิดชีวิตพวกข้าผู้เป็นรุ่นหลัง ย่อมเป็นเรื่องง่ายดายยิ่ง ข้ารู้ดี”
จักรพรรดิมังกรทำทีท่าถ่อมตน “แต่ว่า… รุ่นหลังผู้นี้ นับว่าเป็นความหวังสุดท้ายของเผ่ามังกร หากวันนี้ท่านปลิดชีพเขา เผ่ามังกรของข้า คงไม่อาจทราบได้ว่าจะฟื้นฟูขึ้นมาได้อีกเมื่อใด”
“แล้วอย่างไรเล่า?”
เทพไร้ขอบเขตหัวเราะเบา ๆ “เผ่ามังกร? ในยามที่พวกเจ้ารุ่งเรือง ก็เป็นเพียงพลังแห่งวิถีและพาหนะของเทพเท่านั้น ก็เพราะนายเหนือหัวของพวกเจ้าแข็งแกร่ง สรรพสิ่งในโลกจึงเห็นพวกเจ้าอยู่ในสายตา เจ้าในฐานะจักรพรรดิมังกร แม้จะยิ่งใหญ่เกรียงไกรเพียงใดในหมู่มังกร แต่ต่อหน้าข้าก็เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง หากข้าเมตตาก็ถือว่าวาสนาของเจ้า หากข้าปลิดชีพ นั่นก็ถือเป็นเกียรติของเจ้า”
“สัตว์เดรัจฉานที่ถูกเผ่าเทพทอดทิ้งเช่นเจ้า มีสิทธิ์อันใด มาต่อรองกับข้า?”
วาจาเช่นนี้ นับว่าเหยียดหยามทั้งอดีตจักรพรรดิมังกรที่อยู่ตรงหน้าและเผ่ามังกรทั้งเผ่าอย่างยิ่ง!
จักรพรรดิมังกรขดตัวอยู่เบื้องหน้าเทพไร้ขอบเขต ดวงตาสีทองทอประกายจ้องมองเบื้องล่างไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
“ยังไม่ไสหัวไปอีกหรือ? เช่นนั้นข้าผู้นี้จะปลิดชีพเจ้าเสียตรงนี้เดี๋ยวนี้!”
เทพไร้ขอบกำกระบี่แน่น หมายจะฟันลงไปสังหารอดีตจักรพรรดิมังกรผู้นี้ให้สิ้นวิญญาณเทวะ
แต่ทว่าในตอนนั้นเอง จักรพรรดิมังกรกลับขยับร่างสีทองอร่ามสะบัดไหว ดวงตามังกรเบิกกว้าง จ้องมองเทพไร้ขอบด้วยความพิโรธ
“เหอะ”
เทพไร้ขอบแค่นเสียงเยาะหยัน “เดรัจฉานเช่นเจ้า กล้าใช้สายตาดูหมิ่นเทพเช่นข้าหรือ? วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะกวาดล้างเผ่าพันธุ์มังกรให้สิ้นซาก!”
จักรพรรดิมังกรกลับหัวเราะลั่น เสียงทุ้มก้องกังวานไปทั่วทั้งผืนฟ้า “สายไปเสียแล้ว เทพไร้ขอบ เจ้าใกล้ตายแล้ว”
“บังอาจ!”
เทพไร้ขอบสะบัดกระบี่ พลังลมปราณนับหมื่นแผ่ซ่านออกไปราวกับพลิกผืนฟ้า กระบี่พุ่งตรงไปยังจักรพรรดิมังกร!
จักรพรรดิมังกรยังคงยืนนิ่ง ไม่คิดหลบ จ้องมองเทพไร้ขอบพลางเย้ยหยัน “เทพไร้ขอบเขต เจ้าเป็นถึงเทพแล้วอย่างไร? สักวันหนึ่ง ลูกหลานของข้าจะต้องได้ขึ้นครองตำแหน่งเทพเช่นกัน ถึงเวลานั้น เผ่าพันธุ์มังกรของข้าก็จะได้ขึ้นเป็นเทพ!”
ตู้ม!
เมื่อจักรพรรดิมังกรพูดจบ ลำแสงนั้นก็พลันถล่มลงมากลืนกินวิญญาณเทวะจักรพรรดิมังกรไปจนหมดสิ้น
เมื่อวิญญาณเทวะของจักรพรรดิมังกรสลายหายไป ห้วงเวลาที่หยุดนิ่งก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง!
ลำแสงสีขาวที่แผ่ปกคลุมทั่วท้องนภา ยังคงพุ่งทะยานลงมาหมายจะทำลายล้างร่างของวั่งไฉที่ยืนหยัดปกป้องลู่หยวนจนแหลกสลาย!
แม้แต่กระดูกมังกรของวั่งไฉก็เริ่มแตกหักด้วยแรงกระทบจากลำแสงที่แผ่พลังทำลายล้าง วั่งไฉ ใกล้จะถูกผ่าร่างเป็นสองส่วนแล้ว!
แต่ในชั่วพริบตา!
เสียงดังกึกก้องราวกับระฆังยักษ์ดังกังวานขึ้นจากภายนอก เสียงแปลกประหลาดมาพร้อมคลื่นแสงที่ส่องประกายออกมาอย่างรวดเร็ว ห่อหุ้มทั่วทั้งเมืองไร้ขอบเขต!
ไกลออกไปจากสามพันโลก ภาพฉายของวิถีสวรรค์และวิถีโบราณก็พลันเลือนหายไปในชั่วพริบตา!
วิถีสวรรค์ขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ส่วนวิถีโบราณนั้นถึงกับผุดลุกขึ้นยืน พวกเขานั้นมีพลังแห่งวิถีไหลเวียนอยู่ สามารถมองเห็นทุกสรรพสิ่งในโลกได้ เหตุใดการมองเห็นของพวกเขาจึงถูกขัดขวางลงได้?!
เขาผนึกพลังลงบนนิ้วมืออย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวร่างแยกของวิถีโบราณก็ปรากฏขึ้นนอกเมืองไร้ขอบเขต!
ทันใดนั้นร่างแยกก็เคลื่อนไหว หวังจะฝ่าคลื่นแสงประหลาดนี้ บุกตะลุยเข้าไปในเมืองไร้ขอบเขตให้จงได้!
ครืน!
ท่ามกลางสวรรค์และโลกเสียงคร่ำครวญต่ำดังก้องสะท้านไปทั่วสารทิศ!
คลื่นแสงประหลาดพลันสลายหายไปในชั่วพริบตาถูกแทนที่ด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์!
เห็นได้ชัดว่าร่างของวิถีโบราณสัมผัสได้ถึงพลังศักดิ์สิทธิ์นี้ มันไม่ได้เป็นของเทพไร้ขอบเขตแต่เป็นของลู่หยวน!
“นี่… เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ภายในหอคอยเมืองไร้ขอบเขตร่างกายอันใหญ่โตของวั่งไฉหดเล็กลง ตอนนี้นอนอยู่ในอ้อมแขนของลู่หยวน กระบี่ของลู่หยวนวางพาดอยู่ข้างกาย มือขวารับร่างของวั่งไฉ มือซ้ายถือหอกทั่วร่างแผ่รัศมีอันไร้ขอบเขต สง่างามและน่าเกรงขาม
ส่วนเทพไร้ขอบเขตในตอนนี้ ร่างกายกลับเลือนราง ล่องลอยอยู่กลางอากาศ มองลู่หยวนด้วยแววตาไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้า… เจ้า…”
เทพไร้ขอบเอ่ยขึ้นอย่างยากลำบาก สายตาของลู่หยวนเต็มไปด้วยความเย็นเฉียบ เขายกมือซ้ายขึ้น พลันกวัดแกว่งหอกยาว แสงสีขาวพุ่งออกไปพร้อมกับพลังที่ปะทุขึ้นในชั่วพริบตา ปกคลุมเทพไร้ขอบไว้ทั้งหมด
ลมหายใจของเทพไร้ขอบสลายไปจนหมดสิ้น!
วิ้ง!
แสงสีขาวยังคงฟาดฟันต่อไปจากล่างขึ้นบน ทั้งหอคอยไร้ขอบและเมืองไร้ขอบทั้งเมืองถูกแสงสีขาวนี้ผ่าออกเป็นสองส่วน!
เหนือสรวงสวรรค์ แสงสีขาวยังคงส่องขึ้นไปท้าทายท้องฟ้า เมฆถูกตัดขาดเป็นชั้น ๆ ไหลไปมา ไม่สามารถรวมกันได้เป็นระยะหนึ่ง