ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 650 แดนดินอดีตเทพ
บทที่ 650 แดนดินอดีตเทพ
แสงรุ้งสี่สายพาดผ่านขอบฟ้าในชั่วพริบตา เพียงชั่วครู่ก็มาถึงยังเขตแดนที่มีค่ายกลอันแข็งแกร่งคุ้มครอง
“ถึงแล้ว” เจียวหลิวเอ๋อร์เอ่ยขึ้นพลางหยุดร่างลง
ลู่หยวนและคนอื่น ๆ มองตามไปเบื้องหน้า ปรากฏค่ายกลขนาดมหึมา แต่ค่ายกลนี้ช่างแปลกประหลาดนัก ไม่เพียงแต่ตราอักขระรอบ ๆ นั้นอ่านยาก แต่ยังมีพลังกักกันไม่ให้ผู้ใดมองทะลุผ่านเข้าไปภายในได้
แม้แต่ลู่หยวน ผู้ซึ่งได้รับพลังแห่งเทพแล้ว ก็ไม่อาจมองเห็นสิ่งใดในนั้น!
“คุณชาย” เจียวหลิวเอ๋อร์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นทั้งสามจ้องมองค่ายกลเบื้องหน้า “ที่แห่งนี้เป็นแดนดินเทพอีกแห่ง แต่พวกข้าเป็นเพียงผู้รับใช้ของเทพไร้ขอบเขต จึงไม่เคยล่วงล้ำเข้าไป เพียงแต่มองเห็นจากภายนอกเท่านั้น แต่ข้ารับรองได้ว่า ที่แห่งนี้เป็นแดนดินเทพจริง ๆ เพราะเทพไร้ขอบเขตก็เคยเข้าไป”
ลู่หยวนพยักหน้า นัยน์ตามองจ้องค่ายกลเบื้องหน้า
ฮ่วนซิงไป๋และพวกพ้องมองเห็นเพียงค่ายกลธรรมดา แต่ในสายตาของลู่หยวนนั้น มันไม่ได้เรียบง่ายเช่นนั้น
ค่ายกลนี้ตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ ปล่อยพลังของมันออกมาเป็นระลอก คลื่นพลังที่แผ่ออกมา ดูเหมือนจะส่งผลต่อเกาะสังหารเซียนทั้งเกาะ!
เพียงแค่อาคมนี้อย่างเดียว แต่กลับสามารถแผ่ขยายแดนอำนาจได้ถึงเพียงนี้ ลู่หยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสนใจใคร่รู้ขึ้นมา
วันนี้เขามาถึงที่นี่แล้ว ไฉนเลยจะกลับไปมือเปล่าได้!
คิดได้ดังนั้น ลู่หยวนจึงก้าวเท้าตรงไปข้างหน้าอย่างไม่รีรอ ยื่นมือขวาออกไป พลังแห่งเทพอันไร้ขอบเขตไหลรวมกันดุจสายน้ำเชี่ยวกราก แปรเปลี่ยนเป็นรูปทรงกระบี่ในฝ่ามือชั่วพริบตาเดียว
ลู่หยวนยกกระบี่ขึ้นฟาดฟัน เพียงพริบตา แสงสว่างสีขาวก็พวยพุ่งออกมาจากมือของลู่หยวน พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า บันดาลให้โลกสั่นสะเทือน เล็งตรงไปยังค่ายกลเบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว!
แม้แต่ห้วงอากาศเอง เมื่อสัมผัสกับแสงสว่างสีขาวนี้ ก็เริ่มสั่นไหว โลกทั้งใบสั่นคลอน พื้นผิวกำแพงร้าวเป็นทางยาว!
ตูม!
ในชั่วขณะที่แสงสว่างสีขาวอันยิ่งใหญ่นั้นปะทะเข้ากับค่ายกล ก็พลันเปล่งประกายเจิดจ้าจนแสบตา ก่อนที่รัศมีทั้งหมดจะถูกพลังบางอย่างปราบปรามลงในชั่วพริบตา สลายหายไปจนหมดสิ้น กลับคืนสู่ความว่างเปล่า
“ลู่หยวน เจ้าช่างบังอาจนัก!”
ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำและหนักแน่นก็ดังก้องมาจากเบื้องบน “พึ่งจะเหยียบย่างเข้ามาในดินแดนของเทพเช่นข้า ก็ชักอาวุธออกมาหมายจะเอาชีวิตผู้อื่นเสียแล้ว หากเจ้าได้พบกับร่างจริงของข้า เจ้าจะกล้าสังหารเทพเพื่อพิสูจน์วิถีแห่งเต๋าของเจ้าหรืออย่างไร?!”
แม้ว่าน้ำเสียงนี้จะสงบนิ่ง ไร้ซึ่งความผันผวน แต่ไม่ว่าใครก็สามารถสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจอยู่ในนั้น
ความไม่พอใจที่เอ่อล้น เมื่อมาตกอยู่ตรงหน้าลู่หยวนก็ไร้ค่า เปรียบได้กับผายลม ลู่หยวนเพียงแค่ประสานนิ้วเข้าหากัน พลังของเทพก็แผ่พุ่งออกไปอย่างองอาจ พัดชายอาภรณ์สีขาวให้พลิ้วไหว ดวงตาคมกริบภายใต้คิ้วดั่งดาบ บ่งบอกถึงอำนาจอันสูงส่ง ราวกับเทพองค์ใหม่ที่กำลังขึ้นครองบัลลังก์
“เจ้า… คืออดีตเทพแห่งแดนดินนี้หรือ?”
ลู่หยวนถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พลังทั้งหมดแผ่ซ่านออกจากร่างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับจ้องไปยังจุดจุดหนึ่ง
“ใช่แล้ว”
เสียงนั้นดังขึ้นภายใต้สายตาของลู่หยวน เงาร่างปรากฏขึ้น ณ จุดหนึ่งของค่ายกล อักขระอาคมสั่นไหวไปทั่ว ร่างนั้นยืนอยู่บนอักขระอาคม คลื่นแสงประหลาดแผ่ออกมารายล้อม ปิดบังใบหน้าของร่างนั้นจนมองไม่เห็น
“เจ้าต้องการสิ่งใดจากข้า?”
เงาร่างนั้นดูจะขุ่นเคือง “จากสภาพของเจ้า คงสังหารเทพไร้ขอบเขตได้แล้ว พลังแห่งเทพเจ้าก็ได้รับไปแล้ว ยังมาหาข้าอีกทำไม? บอกไว้ตรงนี้เลย ข้าทุ่มทุกอย่างไปที่ซ่งชิงหมดแล้ว ต่อให้เอามีดมาจ่อคอข้าตอนนี้ เจ้าก็ไม่ได้อะไรไปหรอก”
เงาร่างนั้นยืนกอดอก พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย “เข้าใจแล้วก็ไสหัวไปซะ อีกไม่นานก็ถึงเวลาที่เจ้าต้องประลองกับซ่งชิง หึ ลู่หยวน เดินหมากรอบนี้ เจ้าไม่ชนะแน่”
ลู่หยวนยังคงยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ นับตั้งแต่ที่เงาร่างนั้นเอ่ยปาก เขาก็กวาดตามองค่ายกลอย่างพิจารณา ราวกับกำลังครุ่นคิดสิ่งใดอยู่
เมื่อเงาร่างนั้นพูดจบ ลู่หยวนก็ค่อย ๆ ยกมือขึ้น พลังเทพไหลเวียนอยู่ในมือ ประสานนิ้วอีกครั้ง ก่อนจะพุ่งตรงไปที่เงาร่างนั้น!
ตู้ม!
แสงสีขาวพุ่งดั่งกระบี่ยาว พาดผ่านร่างเงาเบื้องหน้า ก่อนจะเลือนหายไปในห้วงอากาศ ทิ้งไว้เพียงรอยร้าวและแรงสั่นสะเทือนน่าหวาดหวั่น!
ส่วนร่างเงานั้นกลับมีเพียงรอยคลื่นแผ่วเบา ก่อนจะกลับคืนสู่สภาพเดิม
“หึ ยามนี้ ข้าเป็นเพียงเงา แม้เจ้าจะปลดปล่อยพลังทำลายล้างฟ้าดิน ก็ไม่อาจแตะต้องข้าได้”
พลังศักดิ์สิทธิ์ในมือลู่หยวนค่อย ๆ เลือนหาย แต่ริมฝีปากกลับยกยิ้ม รอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความนัยบางอย่าง ดวงตาทั้งสองข้างฉายแววเยาะเย้ย
“สำหรับท่าน การโจมตีครั้งนี้ย่อมไร้ผล แต่ข้าเคยกล่าวหรือว่าต้องการจะทำลายท่าน”
สิ้นคำของลู่หยวน เสียงแผ่วเบาประหลาดก็ดังก้องไปทั่วทั้งผืนฟ้า บ่งบอกถึงพลังที่รอวันปะทุ!
ตู้ม!
เบื้องล่างร่างเงา แสงสว่างสีขาวเปล่งประกายอีกครั้ง อักขระอาคมอันแสนประณีตบนค่ายกลพลันระเบิด พลังอาคมสลายหายไปในพริบตา!
ร่างเงาชะงักไปชั่วขณะ ช่วงเวลาสั้น ๆ นี้เอง โลกที่ถูกผนึกไว้ในค่ายกลก็ปรากฏแก่สายตาของทุกคน
ลู่หยวนและผู้อื่นต่างจับจ้องไปยังทิศทางหนึ่ง เห็นแต่ท้องฟ้าและผืนดินเบื้องหน้านั้นขาวสะอาดบริสุทธิ์ ดุจดังหิมะแรก กว้างใหญ่ไพศาลสิบกว่าลี้ แม้ไม่ได้กว้างขวางนัก แต่กลับแฝงไว้ด้วยพลังอำนาจอันไร้ที่ติ
ณ ใจกลางดินแดนแห่งนั้น ปรากฏแสงสว่างสีขาวบริสุทธิ์แผ่รัศมีเปล่งประกาย ล้อมรอบบางสิ่งบางอย่างไว้ บังเกิดเป็นวงแสงสว่างขนาดเท่ามนุษย์ พลังอันไร้ขอบเขตไหลเวียนอยู่โดยรอบ พุ่งตรงเข้าสู่ภายในวงแหวนแห่งแสงสว่างนั้น
ถึงลู่หยวนจะเพ่งมองเท่าใดก็ไม่อาจรู้ได้ว่าภายในนั้นคือสิ่งใด
ทว่าลู่หยวนก็ไม่จำเป็นต้องเปลืองเรี่ยวแรงไปกับการค้นหา ในใจย่อมรู้ดีอยู่แล้ว
“โอ้ ซ่งชิง ผู้นี้ยังคงรับพลังอยู่หรือ?”
ใบหน้าของลู่หยวน เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาเล็กน้อย “หากข้าลงมือฟาดฟันอีกครั้ง ซ่งชิง ผู้นี้จะขาดกลางคันหรือไม่?”
ทันใดนั้น เงาร่างที่ฟื้นคืนสติแล้วก็พลันหน้าเสีย ในที่ซ่งชิงปรากฏรัศมีพวยพุ่งขึ้นก่อเกิดเป็นโล่อักขระอาคมปกป้องวงแหวนแห่งแสงสว่างไว้โดยรอบ
อักขระอาคมนั้นอุบัติขึ้นอย่างกะทันหัน แฝงไว้ด้วยความลึกลับยากหยั่งถึง แต่กลับบ่งบอกถึงพลังที่ไม่ธรรมดา
“เจ้าเด็กน้อย เจ้ามาที่นี่เพื่อสิ่งใดกันแน่?”
น้ำเสียงของเงาร่างนั้นแฝงไปด้วยความไม่พอใจ “เจ้าครอบครองพลังแห่งเทพแล้ว ย่อมเป็นยอดฝีมือแห่งยุค แต่หากคิดจะมาหาเรื่องกับข้า มันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น! ซ่งชิง เจ้าก็ไม่ต้องสนใจเขา!”
ลู่หยวนยกมือขวาขึ้น หอกยาวพลันเคลื่อนไหว พุ่งทะยานออกไปราวกับพยัคฆ์ติดปีกแฝงไว้ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ เหนือร่างของลู่หยวน หอกพลังดุจมังกรโบราณแฝงกาย!
ตอนนี้ ลู่หยวนยืนถือหอก พลังเทพในกายแผ่ซ่าน หอกยาวพลันปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา พลังหอกทะลวงฟ้า ดุจจะทำลายล้างทุกสิ่ง!
แท้จริงแล้วหอกเล่มนี้ ลู่หยวนได้รับมาจากวิถีโบราณ นับเป็นอาวุธเทพชั้นยอด!
ครั้งที่อยู่เคียงกายลู่หยวนนั้น หอกเล่มนี้ไม่ได้แสดงพลังอันแข็งแกร่งออกมา เพราะอาวุธเทพเช่นนี้ ล้วนเป็นของจากแดนเซียน หากต้องการใช้พลังทั้งหมดของมัน ย่อมต้องอาศัยผู้แข็งแกร่งที่เทียบเคียงได้
ก่อนหน้านี้ ถึงแม้ลู่หยวนจะมีพลังอยู่ในขั้นครึ่งก้าวสู่ระดับเทพยุทธ์ แต่หากอยู่ในแดนเซียนก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ทว่าตอนนี้มีพลังเทพปกป้อง ย่อมแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง!
หอกยาวในมือของลู่หยวนส่งเสียงสั่นเบาเหมือนแสดงความภักดี!