ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 655 วิถีสวรรค์ปกป้องซ่งชิง
บทที่ 655 วิถีสวรรค์ปกป้องซ่งชิง
พลังของเทพเจ้าหลั่งไหลมาจากรัศมีแสงอย่างไม่ขาดสาย ถูกส่งเข้าสู่ร่างของฮ่วนซิงไป๋และเซียวเทียน ทั้งสองหลับตาขัดสมาธิ ในไม่ช้าก็มีเหงื่อผุดขึ้นบนใบหน้า ความเจ็บปวดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา
ลู่หยวนยกมือขึ้นอย่างเชื่องช้า ความว่างเปล่าข้าง ๆ ก็แตกสลายทันที จากนั้นบิดเบี้ยวและเปลี่ยนแปลง กลายเป็นเก้าอี้ตัวเล็ก ๆ ลู่หยวนนั่งลง จากนั้นใช้พลังวิญญาณแทนพลังศักดิ์สิทธิ์ฝึกฝนการแกะสลักอักขระ
ไม่นานนัก การแกะสลักของลู่หยวนก็หยุดชะงัก จากนั้นเขาก็กวาดตามอง นิ้วทั้งสองข้างประกบกัน พลังศักดิ์สิทธิ์อันแข็งแกร่งพุ่งออกมาจากร่างของลู่หยวน ตัดเส้นแสงที่กำลังดูดซับพลังศักดิ์สิทธิ์บนรัศมีแสง!
พลังศักดิ์สิทธิ์กลับคืนสู่ร่างปกป้องฮ่วนซิงไป๋และเซียวเทียนไว้ภายใน
ทันใดนั้นเอง พลังกดดันอันไร้ผู้ต่อต้านก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ตัดผ่านชั้นฟ้าและห้วงมิติ ปกคลุมรัศมีแสงที่ซ่งชิงอยู่
ลู่หยวนขมวดคิ้วมองไปยังความว่างเปล่า เย้ยหยัน “อย่างไรกัน? ข้ายังเก็บเกี่ยวไม่ได้สักเท่าไหร่ เจ้ารีบออกมาปกป้องลูกศิษย์แล้วหรือ?”
ท่ามกลางความว่างเปล่า ปรากฏร่างเงาหนึ่งค่อย ๆ เผยขึ้น เด่นชัดด้วยท่าทางสง่างามราวลม บริสุทธิ์ดุจน้ำแข็ง เคราสีขาวยาวสะอาดตา คล้ายผู้วิเศษจากแดนไกล
ผู้นั้นคือ วิถีสวรรค์!
สีหน้าของวิถีสวรรค์ ในตอนนี้แลดูมืดครึ้ม คล้ายครุ่นคิดสิ่งใดบางอย่าง สายตาคมกริบจ้องมองไปยังลู่หยวน
ลู่หยวนยิ้มเยาะหยันถาม “เช่นไร? ท่านจะสังหารศิษย์เอกผู้นี้หรือ?”
วิถีสวรรค์ไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำใด เพียงยื่นปลายนิ้วออกไป จุดแสงสว่างเจ็ดสียาวเหยียดปรากฏขึ้นแล้วร่วงหล่นลงมาห่อหุ้มซ่งชิงไว้ พลังอันยิ่งใหญ่หลั่งไหลจากแสงเจ็ดสีเข้าไปเติมเต็มพลังเทพที่ซ่งชิงเพิ่งสูญเสียไป
รอยยิ้มเหยียดหยันบนใบหน้าของลู่หยวนจางหายไป เขาจ้องมองไปยังรัศมีแสงที่ซ่งชิงอยู่ ในใจเริ่มร้อยเรียงเรื่องราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน หวังค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่
เหตุใดวิถีสวรรค์และวิถีโบราณจึงให้เขากับซ่งชิงมาอยู่จุดนี้? พวกเขาต้องการสิ่งใดกันแน่?
หรือว่า…การต่อสู้ระหว่างเขากับซ่งชิงที่ทำลายกำแพงระหว่างแดนเซียนและแผ่นดินหยวนหงจะเป็นประโยชน์กับพวกเขา?
ลู่หยวนไม่อาจรู้ได้ แต่เขารู้ว่านับตั้งแต่วิถีสวรรค์และวิถีโบราณเริ่มวางแผนจนถึงบัดนี้ ทุกสิ่งล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว
หากเกิดความผิดพลาด พลังแห่งวิถีทั้งสองจะต้องลงมือแทรกแซงให้ทุกอย่างกลับเข้าที่เข้าทาง!
“ลู่หยวน”
วิถีสวรรค์เอ่ยต่อ “เจ้าอยากเปิดศึกหรือ?”
ลู่หยวนไม่ได้ตอบรับ
ดูเหมือนวิถีสวรรค์เองก็ไม่ได้หวังคำตอบเช่นกัน จึงเอ่ยต่อ “วิถีโบราณกล่าวว่าเจ้ามีฝีมืออยู่บ้าง ข้าไม่เชื่อนัก คิดว่าเจ้าก็เป็นเพียงมนุษย์เดินดิน แม้เทพจิ้วซิงจะเป็นเทพเก่าแก่แต่ก็สามารถปราบเจ้าได้ แต่ตอนนี้ ผลลัพธ์กลับทำให้ข้าประหลาดใจ เจ้าสามารถปราบเทพจิ้วซิง พลังที่เจ้าใช้แสดงออกมาคือพลังเทพไร้ขอบเขต”
“แต่ในสายตาข้า พลังเทพที่เจ้าสืบทอดมา ไม่อาจทำเช่นนี้ได้ ลู่หยวน พลังในกายเจ้า ช่างลึกล้ำนัก”
ทุกคำพูดของวิถีสวรรค์ล้วนเต็มไปด้วยความมั่นใจ สายตาจ้องมองลู่หยวนราวกับต้องการมองทะลุไปยังส่วนลึก
ลู่หยวนยังคงนั่งพิงเก้าอี้ พลังเทพแผ่ปกคลุม ฮ่วนซิงไป๋กับเซียวเทียนยังคงดูดซับพลังเทพที่เพิ่งได้รับ
“เจ้าเองก็ไม่กล้าสังหารข้า แล้วคำพูดมากมายเหล่านี้จะทำอันใดได้”
มุมปากของลู่หยวนเผยรอยยิ้ม ดวงตาแน่วแน่ มั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่กล้าลงมือ
ดังที่ลู่หยวนคาดการณ์ไว้ วิถีสวรรค์ยังคงนิ่งเฉย ไม่เอ่ยวาจาใด ๆ ออกมา
ณ เวลานี้ วิถีสวรรค์ย่อมไม่ทำอันใดลู่หยวน เพราะเกมกระดานนี้กำลังจะดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุด หากพลาดท่าในตอนนี้ แม้จะไม่ถึงขั้นสูญเสียทุกสิ่ง แต่ก็ถือเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
วิถีสวรรค์เหลือบมองไปยังซ่งชิง พลังที่ถูกถ่ายทอดอย่างรวดเร็วช่วยให้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่สูญเสียไปก่อนหน้ากลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
ไม่นาน พลังศักดิ์สิทธิ์ก็กลับคืนมาจนเต็มเปี่ยม
แสงสีรุ้งเจ็ดสีที่ห่อหุ้มรอบกายนั้นสลายไปบ้าง แต่ก็ยังคงเหลืออยู่มากพอที่จะปกป้องซ่งชิง
ลู่หยวนทดลองส่งพลังศักดิ์สิทธิ์ออกไป แต่พลังนั้นกลับถูกสะท้อนกลับมาทั้งหมดทันทีที่เข้าใกล้แสงนั้น
ดูเหมือนว่าเขาคงไม่อาจช่วงชิงพลังศักดิ์สิทธิ์ได้อีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม การได้มาเพียงเท่านี้ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว พลังศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้ฮ่วนซิงไป๋และเซียวเทียนก้าวกระโดดไปอีกขั้น
ลู่หยวนรู้สึกพึงพอใจ
เหตุผลที่เขายังไม่สังหารซ่งชิงเสียตั้งแต่แรก เป็นเพราะรู้ดีว่าวิถีสวรรค์และวิถีโบราณกำลังจับตาดูทุกสิ่ง หากเขาแตะต้องชีวิตของซ่งชิง วิถีสวรรค์จะต้องปรากฏตัวออกมาอย่างแน่นอน
ลู่หยวนรู้ตัวดีว่าในยามนี้ หากคิดจะต่อกรกับวิถีสวรรค์ คงไม่อาจได้ผลประโยชน์อันใด ไม่สามารถสังหารวิถีสวรรค์ได้ หรือแม้แต่จะข่มขู่ก็ยังยาก
ฉะนั้น การสังหารซ่งชิงทันทีย่อมเป็นการกระทำที่เสียเปรียบที่สุด
ดังนั้น ในยามที่วิถีสวรรค์ยังเฝ้ามองอยู่ ลู่หยวนจึงเลือกที่จะลงมือก่อนช่วงชิงพลังเทพ วิถีสวรรค์แม้จะยื่นมือเข้ามาก็คงเพียงแค่มองว่าการกระทำของลู่หยวนที่ช่วงชิงพลังเทพไปจากซ่งชิงนั้นจะส่งผลสั่นคลอนแก่นแท้ของซ่งชิงหรือไม่
หากไม่ได้สั่นคลอน วิถีสวรรค์ก็จะไม่ยื่นมือเข้ามาแทรกแซง แต่หากสั่นคลอนต้องลงมือเป็นแน่
ประดุจดังยามนี้
ทว่า ไม่ว่าอย่างไร ลู่หยวนก็ถือว่าได้เปรียบกว่าก้าวหนึ่ง พลังเทพมาอยู่ในมือแล้ว ย่อมเสริมกำลังฝ่ายตน นี่คือผลประโยชน์ที่แท้จริง
ตอนนี้ วิถีสวรรค์ได้มาถึงแล้ว แสดงว่าการกระทำครั้งนี้สั่นคลอนแก่นแท้ของซ่งชิงเข้าแล้ว ถึงแม้ยามนี้วิถีสวรรค์กำลังเยียวยาซ่งชิงอยู่ ลู่หยวนก็รู้แก่ใจดีว่าพลังแห่งวิถีกับพลังเทพนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง แม้จะใช้พลังแห่งวิถีมาเติมเต็มพลังเทพก็ทำได้เพียงประคับประคองเท่านั้น เพราะทดแทนกันไม่ได้
ความแตกต่างเล็กน้อยนี้เองจะส่งผลให้การก้าวสู่ความเป็นเทพของซ่งชิงผิดเพี้ยนไป…
แม้ซ่งชิงจะก้าวขึ้นสู่ความเป็นเทพได้ ก็จะมีจุดอ่อนอันใหญ่หลวงปรากฏขึ้น!
นี่นับว่าลู่หยวนได้กำไรมหาศาลแล้ว!
วิถีสวรรค์จัดการเรื่องของซ่งชิงเป็นอย่างดี ริมฝีปากขยับพึมพำราวกับกำลังร่ายคาถาบางอย่าง
ทุกสิ่งรอบข้างเริ่มสลายหายไป ลู่หยวนจึงรีบรวบรวมพลังเทพส่งไปยัง ฮ่วนซิงไป๋และเซียวเทียนที่อยู่ข้างกายเพื่อปกป้องทั้งสอง
ไม่นานนัก ทุกสิ่งรอบตัวก็กลับมาเป็นปกติ ดินแดนแห่งนี้ไม่ใช่ที่ซ่งชิง เคยอยู่ แต่เป็นเมืองไร้ขอบเขตอันคุ้นเคยของลู่หยวน
วิถีสวรรค์ช่างมีน้ำใจนำพาเจี่ยวหลิ่วเอ่อร์กลับมาด้วย นางนอนอยู่ไม่ไกลจากลู่หยวน
มนุษย์ในเมืองไร้ขอบเขตเห็นลู่หยวนและคนอื่น ๆ กลับมา ต่างมองหน้ากัน ไม่กล้าเข้าใกล้ยืนมองอยู่ห่าง ๆ
ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำดังกึกก้องจากบนสรวงสวรรค์ “ลู่หยวน อีกสามวันข้างหน้าคือวันแห่งการตัดสิน ซ่งชิงจะมาเอาชีวิตเจ้า จงเตรียมตัวให้พร้อม!”
แสงเจ็ดสียิ่งใหญ่สาดลงมาจากท้องฟ้าห่อหุ้มเมืองไร้ขอบเขตเอาไว้ อักขระศักดิ์สิทธิ์เปล่งประกายระยิบระยับล่องลอยอยู่รอบเมือง แสงสว่างกระจายตัวออกแล้วกลับมารวมกันอีกครั้ง
“ผนึกนี้จะคลายออกในอีกสามวันข้างหน้า ลู่หยวน พลังเทพของเจ้าไม่อาจทำลายมันได้ แต่… เจ้าลองใช้พลังอันยิ่งใหญ่ที่ไม่มีใครล่วงรู้ของเจ้าดูสิ ข้าอยากรู้ว่ามันคือพลังแบบใด!”
สิ้นเสียง แสงเจ็ดสียังคงส่องสว่างอยู่