ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 661 ลู่เทียนเหอระเบิดถ้ำ
บทที่ 661 ลู่เทียนเหอระเบิดถ้ำ
“ลู่เทียนเหอ!” อู่หมิงเสวี่ยกัดฟันกรอด “เจ้ากล้าขวางข้ารึ!”
ลู่เทียนเหอได้ยินดังนั้นรีบกล่าวว่า “แม่นาง ท่านอย่าเพิ่งกริ้ว ข้าพาท่านมาที่นี่ย่อมมีเหตุผล ท่านอย่าได้โกรธกันเช่นนี้ ฟังข้าอธิบายสักหน่อยเถิด!”
ถ้าเป็นเมื่อก่อนอู่หมิงเสวี่ยย่อมอดทนฟังลู่เทียนเหอแก้ตัวแต่เรื่องครานี้เห็นชัดว่าไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย!
ลู่เทียนเหอมีทัศนคติที่เปลี่ยนไปจากอดีต ครั้งนี้กลับไม่ได้ถามความเห็นของนางแม้แต่น้อย ลงมือทำให้นางสลบแล้วพามายังที่แห่งนี้ แม้แต่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่นางพกติดตัวก็ถูกปลดออกจนหมดสิ้น!
ลู่เทียนเหอจงใจจะกักขังนางไว้ ณ ที่แห่งนี้ จำกัดเสรีภาพนาง!
แต่นี่มันเพราะเหตุใดกัน?!
เมื่อครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ อู่หมิงเสวี่ยก็รู้สึกว่า หากนางถูกกักขังไว้ที่นี่ตลอดไปย่อมต้องมีเรื่องราวบางอย่างที่ทำให้นางต้องเสียใจไปชั่วชีวิต!
นางต้องออกไปให้ได้!
ลู่เทียนเหอเอ่ยต่อว่า “แม่นาง ข้าไม่ได้ต้องการกักขังเจ้านาน แค่เพียงไม่กี่วันเท่านั้นพอผ่านช่วงนี้ไปแล้ว ข้าจะพาเจ้าออกไปเอง!”
อู่หมิงเสวี่ยไม่อยากฟังคำโป้ปดของลู่เทียนเหอ นางชูดาบยาวขึ้นปลายดาบชี้ตรงไปที่ลู่เทียนเหอ “ให้นับถึงสาม ถ้าเจ้ายังไม่ยอมเปิด ข้าจะพังตระกูลลู่บ้านี่ให้ราบเป็นหน้ากลองเสียเลย!”
ลู่เทียนเหอเห็นดังนั้นจึงตัดสินใจในใจ เขาอุตส่าห์วางแผนมาขนาดนี้ไม่อาจปล่อยให้อู่หมิงเสวี่ยมาทำลายได้!
ลู่เทียนเหอรู้ดีว่าสถานการณ์ภายนอกนั้นอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ลู่ปู้ฝานกำลังจะพาลูกน้องออกไปในไม่กี่วันนี้
ขอเพียงลู่ปู้ฝานออกจากตระกูลลู่ไป นั่นก็ถึงเวลาที่เขาและอู่หมิงเสวี่ย จะจากที่นี่ไป!
ลู่เทียนเหอวางเบี้ยไว้แล้วรอเพียงคนผู้นั้นส่งสัญญาณมาก็ออกไปได้!
ตอนนี้ห้ามใจร้อนเด็ดขาด หากออกไปแล้วบังเอิญเจอลู่ปู้ฝานยังอยู่ในตระกูลลู่ การเตรียมการทั้งหมดก็จะสูญเปล่า
ขณะที่ลู่เทียนเหอกำลังคิดหาวิธีควบคุมอู่หมิงเสวี่ยก็รู้สึกได้ถึงยันต์ไม่คุ้นเคยส่งมา!
ลู่เทียนเหอรีบหยิบยันต์ออกมากวาดตามองอ่านเนื้อหาทั้งหมดจบในพริบตา
อู่หมิงเสวี่ยในตอนนี้ได้เก็บดาบยาวเข้าฝักแล้ว เคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวก็มาถึงข้างกายลู่เทียนเหอ นางมองไปยังลวดลายอักขระบนกระดาษสื่อสาร อ่านทุกคำทุกประโยคจนจบ
“ลู่เอ้อร์ตกอยู่ในอันตราย! ใครส่งสารนี้มา!”
เมื่ออ่านจบอู่หมิงเสวี่ยก็ถามทันที
นางรู้เรื่องที่ลู่หยวนไปยังเกาะสังหารเซียน ยิ่งกว่านั้นย่อมทราบถึงความยากลำบากบนเกาะแห่งนี้ดี
แต่ใครเป็นคนส่งข่าวเรื่องราวของเกาะสังหารเซียนกลับมา?
บนยันต์สื่อสารนี้ไม่มีชื่อผู้ส่ง!
ลู่เทียนเหอกำยันต์สื่อสารไว้แน่น นิ่งเงียบราวกับครุ่นคิดบางสิ่ง บรรยากาศรอบกายพลันแปรปรวน
ครู่หนึ่งลู่เทียนเหอก็ออกแรงบีบมือ ยันต์สื่อสารถูกทำลายเป็นผุยผงในทันที
ลู่เทียนเหอหรี่ตามลงภายในดวงตาปรากฏเจตนาฆ่าแวบหนึ่งก่อนเอ่ยอย่างช้า ๆ ว่า “ถึงเวลาที่ข้าต้องออกไปแล้ว”
ลู่เทียนเหอยังคงจำยันต์สื่อสารผืนนี้ได้ มันเป็นสิ่งที่เขาเคยมอบให้ลู่เทียนเฉิงก่อนไปยังเกาะสังหารเซียน
ยันต์สื่อสารของลู่เทียนเฉิงถูกส่งจากเกาะสังหารเซียนมายังตระกูลลู่ได้อย่างราบรื่นถึงเพียงนี้ แสดงว่าลู่ปู้ฝานคงจากตระกูลลู่ไปแล้ว หรือไม่ก็อาจไปถึงเกาะสังหารเซียนแล้ว!
ไม่เช่นนั้น บรรดาอักขระยันต์นี้ คงตกไปไม่ถึงมือเขาเป็นแน่
แต่เขาก็สั่งไว้ชัดเจนแล้วว่าเมื่อลู่ปู้ฝานจากไปก็ให้แจ้งโดยทันที
ช่างน่าเจ็บใจนัก ตระกูลลู่! โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายล้วนแต่ภักดีต่อลู่ปู้ฝานทั้งนั้น!
ลู่เทียนเหอยกมือขวาขึ้นประสานมือ ในชั่วพริบตานั้นบริเวณหว่างคิ้วก็เปล่งประกายอักขระยันต์อันแปลกประหลาดปรากฏขึ้นปล่อยจิตสังหารอันบ้าคลั่งพุ่งทะยานสู่ฟ้า!
“จงแตกสลาย จงแหลกเป็นจุล!”
ลู่เทียนเหอคำราม พลังกดดันมหาศาลปะทุออกจากร่าง พุ่งทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้าเบื้องบนในพริบตา!
ตูม!
พลังที่รุนแรงปะทะเข้ากับผนึกที่อยู่โดยรอบอย่างรวดเร็ว!
ผนึกทุกชั้นเปล่งประกายเจิดจ้า กักขังพลังทั้งหมดที่ลู่เทียนเหอปลดปล่อยออกมา!
กระนั้นพลังของลู่เทียนเหอนั้นก็ช่างแข็งแกร่งยิ่งนักเกินกว่าครั้งก่อน ๆ เสียอีก!
ถ้ำฝึกฝนทั้งหมด แม้กระทั่งตระกูลลู่ทั้งตระกูลก็เริ่มสั่นสะเทือน
ณ เวลานั้น ภายในหอคอยผู้อาวุโส เหล่าผู้อาวุโสผู้ทรงเกียรติต่างพากันหวาดกลัว พวกเขารับรู้ได้ถึงทิศทางของแรงสั่นสะเทือนและรู้ดีแก่ใจว่า ลู่เทียนเหอกำลังจะออกมา!
เดิมทีพวกเขาก็เป็นดั่งคมมีดสองด้านคอยชักใยอยู่ระหว่างลู่เทียนเหอและลู่ปู้ฝาน
แม้ตระกูลลู่จะต้องเชื่อฟังคำสั่งของบรรพบุรุษ ทว่าผลประโยชน์ที่แท้จริงกลับตกอยู่ในกำมือของลู่เทียนเหอ พวกเขาได้รับผลประโยชน์จากทั้งสองฝ่ายใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
กระทั่งถึงเวลาที่ต้องเลือก พวกเขาก็ไม่ได้โง่งมและย่อมรู้ดีว่าลู่ปู้ฝานนั้นเป็นภัยมากกว่า เป็นผู้ที่ไม่ควรต่อกรด้วย ดังนั้นเมื่อเทียบกันแล้วจึงเลือกที่จะขัดใจลู่เทียนเหอ
พวกเขาจึงทำทีเป็นตกลงกับลู่เทียนเหอว่าจะแจ้งข่าวการจากไปของลู่ปู้ฝานให้ทราบ แต่แท้จริงแล้วพวกเขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น กลบเกลื่อนเรื่องนี้ ปกปิดมันเอาไว้และควบคุมตระกูลลู่ไว้เสียเอง
เดิมทีพวกเขาก็รู้ดีว่า เรื่องเช่นนี้คงปิดบังไว้ได้ไม่นานจึงคิดหาวิธีที่จะกำราบทั้งลู่เทียนเหอและอู่หมิงเสวี่ย หากกำราบได้ตลอดกาลก็ยิ่งดี!
แต่แผนการนี้ยังไม่ทันได้เริ่ม ท่านผู้นั้นก็กำลังจะออกมาแล้ว!
“พวกเจ้ายังยืนเหม่ออะไรกันอยู่?!”
บนบัลลังก์เบื้องสูง ผู้อาวุโสรูปหนึ่งลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนว่า “มีเคล็ดวิชา คัมภีร์ หรือว่าอักขระอาคมใดที่จะสามารถสะกดพวกมันทั้งสองเอาไว้ได้บ้าง!”
เหล่าผู้อาวุโสรายอื่น ๆ ได้ยินดังนั้นต่างพากันงุนงงยิ่งขึ้นไปอีก
ข้างในนั้นมีอู่หมิงเสวี่ยอยู่นะ!
อู่หมิงเสวี่ยคือผู้ใดกัน?
คือประมุขของสำนักอักขระสวรรค์ไงเล่า!
แล้วสำนักอักขระสวรรค์ชำนาญด้านใด?
ก็เชี่ยวชาญด้านเคล็ดวิชา คัมภีร์ และอักขรอาคมไม่ใช่หรือ?!
ตอนนี้กลับถามหาอักขระอาคาที่นางไม่อาจทำลายได้งั้นรึ?
หรือคิดว่าอู่หมิงเสวี่ยไม่สามารถออกมาจากด่านฝึกตนหลายวันแล้วจึงลืมเลือนวิชาเหล่านี้ไปแล้ว เลยอยากฝึกปรือฝีมือกับนางหน่อยกระนั้นรึ?!
ท่ามกลางความลังเลของพวกเขา จู่ ๆ เหนือตำหนักของตระกูลลู่ แสงสีรุ้งสายหนึ่งก็พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า!
ถ้ำฝึกฝนพลังพลันระเบิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สลายหายไปจนหมดสิ้น ตระกูลลู่ทั้งตระกูลก็สั่นคลอนตามไปด้วย!
ภายในหอคอยผู้อาวุโส พวกเขาทั้งหมดเพิ่งจะทรงตัวได้ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านนอก
“พวกเจ้าทำตัวเป็นหมาสองเจ้าเช่นนี้ช่างน่าชมเชยยิ่งนัก บุญคุณที่ท่านบรรพบุรุษและข้าเคยมอบให้ พวกเจ้าใช้ได้ดีหรือไม่?”
เมื่อได้ยินเสียงนี้ หัวใจของพวกเขาก็เย็นยะเยือกไปครึ่งหนึ่ง ลู่เทียนเหอออกมาแล้ว!
ยังไม่ทันที่จะแก้ตัว แสงสีขาวก็ตกลงมาจากฟากฟ้าห่อหุ้มพวกเขาทั้งหมดไว้
มองจากภายนอกตระกูลลู่จะเห็นแสงดาบไร้เทียมทานพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในพริบตาก่อนจะกลับคืนสู่ความสงบในชั่วขณะ
ลู่เทียนเหอเดินออกมาจากหอคอยผู้อาวุโสด้วยใบหน้าเรียบเฉย
อู่หมิงเสวี่ยยืนอยู่ไม่ไกลสายตามองไปยังภายในหอคอยผู้อาวุโส เดิมทีภายในนั้นยังมีพลังชีวิตอยู่หลายจุด แต่ตอนนี้ดับสูญไปจนหมดสิ้นแล้ว
ปราณดาบแผ่กระจายไปทั่วทั้งตระกูลลู่ค่อย ๆ จางหายไป ทุกคนในตระกูลลู่ ต่างสัมผัสได้ถึงจิตสังหารบนร่างของลู่เทียนเหอในตอนนี้ ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะส่งเสียง พวกเขาทั้งหมดต่างประพฤติตัวอยู่ในที่ของตนอย่างเรียบร้อย
ลู่เทียนเหอมองอู่หมิงเสวี่ยเอ่ยปากขึ้นว่า “พวกเราน่าจะไปเกาะสังหารเซียนกันได้แล้ว”