ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา - บทที่ 76 เริ่มติดตั้งกับดัก
บทที่ 76 เริ่มติดตั้งกับดัก
บทที่ 76 เริ่มติดตั้งกับดัก
ในโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเล็กจ้อยเป็นเพียงผลหมากรากไม้ หรือยิ่งใหญ่ราวเซียนสวรรค์ ล้วนมาพร้อมกับโชคชะตา
การผงาดของผู้คนมาพร้อมกับชะตา …เช่นเดียวกับการผงาดและตกต่ำของราชวงศ์ ล้วนมาพร้อมกับชะตาที่หลับใหลอยู่เช่นกัน
ราชวงศ์อู๋ซวงนี้ มีชะตามากมายขนาดไหนกัน?
“ระบบ ตรวจสอบค่าชะตาตอนนี้ของราชวงศ์อู๋ซวงที”
[ระบบกำลังตรวจสอบ]
[ตรวจสอบเสร็จสิ้น! ค่าชะตาของราชวงศ์อู๋ซวงในตอนนี้คือ 900,000 แต้ม!]
เมื่อเห็นจำนวนนี้ลู่หยวนก็ตกตะลึงเล็กน้อย ค่าชะตาเก้าแสนอย่างนั้นหรือ!?
“หากข้าพาฉินอี่หานขึ้นครองบัลลังก์ได้ จะช่วงชิงค่าชะตาทั้งหมดมาได้หรือไม่?”
[ได้!]
[แต่ท่านต้องทราบก่อนว่า ระดับของค่าชะตาเกี่ยวเนื่องกับการผงาดและตกต่ำของราชวงศ์ หากค่าชะตาทั้งหมดของราชวงศ์อู๋ซวงถูกช่วงชิง ราชวงศ์จะถูกทำลายทันที!]
[ค่าชะตาของราชวงศ์จะไม่คงที่ อาจขึ้นอยู่กับการมียอดฝีมือปรากฏตัวขึ้น มีคนลี้ภัยเข้าไปในราชวงศ์ มีสมบัติปรากฏ หรือสถานะของเมืองหลวงเจริญขึ้น ค่าชะตาของราชวงศ์จะเพิ่มขึ้นมหาศาล]
“หากข้าช่วงชิงค่าชะตาออกมาส่วนหนึ่ง จะเกิดอะไรขึ้น?”
[หากชิงค่าชะตาออกมาส่วนหนึ่ง จะทำให้เกิดภัยธรรมชาติ หากชิงค่าชะตามากเกินไป จะดึงดูดกองกำลังอื่นให้มาโจมตี เมื่อภัยธรรมชาติหรือกองกำลังอื่นยกเลิกการโจมตี ค่าชะตาจะฟื้นคืนกลับมาทันที]
ลู่หยวนยกยิ้ม ดูท่าค่าชะตาของราชวงศ์นี้เหมาะสำหรับเก็บเกี่ยวระยะยาวเป็นพิเศษ
ภัยธรรมชาติในแผ่นดินหยวนหงคืออะไร?
หากคนที่เข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ยุทธ์จามขึ้นมา พื้นดินจะสั่นสะเทือนสามเท่า!
ส่วนกองกำลังที่มาโจมตี…
ในโลกใบนี้ ผู้อ่อนแอจะตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง ต่อให้จะปกป้องตัวเองจนปลอดภัยมาได้ ก็ยังมีผู้หิวกระหายอำนาจจับจ้องอยู่เสมอ ต่างกันแค่มากหรือน้อยก็เท่านั้น
ลู่หยวนกลับมามีสติ สายตาจับจ้องฉินอี่หาน
สายตาของศิษย์พี่สงบจนน่าประหลาด นางไม่รีบออกความเห็นใด ยังคงรอคำตอบของลู่หยวน
บุตรศักดิ์สิทธิ์หยิบยันต์จองจำวิญญาณเก้าโคจรในมือของฉินอี่หาน ก่อนยิ้มให้นาง “ข้ายอมรับข้อเสนอ”
ใบหน้าของโฉมสะคราญเผยรอยยิ้มเช่นกัน “ถ้าเช่นนั้น มาติดตั้งยันต์นี้กันเถอะ”
ผู้ฝึกกระบี่หญิงเปิดจิตเทวะออกมา ทำให้ชายหนุ่มติดตั้งยันต์ได้ง่ายขึ้น
ลู่หยวนยกมือ ยันต์จองจำวิญญาณเก้าโคจรก็ถูกเก็บไป เขาหยิบยันต์สีทองขึ้นมาแทน มันถูกห้อมล้อมด้วยแสงสว่างเรืองรอง แต่กลับแผ่พลังชั่วร้ายออกมา
นี่คือยันต์ที่เขาแลกเปลี่ยนด้วยค่าชะตาหกพันแต้ม การทำงานของมันเหมือนกับยันต์จองจำวิญญาณเก้าโคจร เว้นแค่ว่ามันไม่สร้างความเสียหายต่ออายุขัยของคนที่ถูกติดตั้ง
ถึงอย่างไร ครั้นฉินอี่หานขึ้นครองบัลลังก์ก็จะต้องมีใครบางคนปกครองราชวงศ์ ยิ่งกว่านั้น การใช้ของตัวเองทำให้รู้สึกสบายใจกว่าเป็นไหน ๆ
ลู่หยวนถือยันต์ด้วยสองนิ้ว แตะตรงที่คิ้วของศิษย์พี่อย่างแผ่วเบา สิ้นเสียง ‘วิ้ง’ ยันต์สีทองพลันสั่นไหวในมือของชายหนุ่ม ก่อนจะหายไป
บุตรศักดิ์สิทธิ์ดึงนิ้วกลับ เห็นเพียงร่องรอยสีทองของวิชาปรากฏตรงหว่างคิ้วของฉินอี่หาน ทว่าไม่นาน ร่องรอยดังกล่าวก็หายไปทันที
ผู้ฝึกกระบี่หญิงเงยหน้าขึ้น รู้สึกแค่ว่าคล้ายกับมีค่ายกลสีทองอยู่ในจิตเทวะ ถึงแม้ค่ายกลนี้จะไม่ได้ก้าวก่ายชีวิต แต่มันทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวไปถึงก้นบึ้งจิตวิญญาณ
ฉินอี่หานหลุบตา ยืนขึ้นคำนับให้อีกฝ่าย “นายท่าน…”
[ระบบขอแจ้งให้ทราบว่าฉินอี่หานผู้เป็นบุตรีแห่งชะตายอมจำนนต่อท่าน ค่าชะตาของท่านเพิ่มขึ้น 24,000 แต้ม!]
[ค่าชะตาของท่านในตอนนี้คือ 24,000 แต้ม!]
ลู่หยวนยกมือขึ้น ช่วยพยุงผู้ฝึกกระบี่หญิง
หลังจากอีกฝ่ายยืนขึ้นแล้วจึงถามว่า “ในเมื่อข้ายอมจำนนต่อนายท่านแล้ว นายท่านวางแผนจะจัดการกับหวังเหิงอย่างไร?”
“จัดการหรือ?”
ลู่หยวนระบายยิ้ม “แน่นอนว่าต้องลงโทษเขาด้วยกฎเหล็กของสำนัก”
ผู้ฟังขมวดคิ้ว “แต่ถึงหวังเหิงจะทำผิดพลาดไป แต่มันเป็นเรื่องเล็กน้อย หากใช้ระเบียบของสำนัก อาจไม่มากพอที่จะฆ่าเขา”
“ศิษย์พี่ฉินไม่ต้องห่วง เมื่อผู้คนถูกกดดันถึงขีดสุด การตัดสินใจย่อมบิดเบี้ยวไป ต่อให้ตอนนั้นไม่อยากลงมือ แต่สุดท้ายก็ต้องลงมืออยู่ดี!”
“บุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ต้องการวางแผนแบบภาพรวม ให้เขาก้าวเดินทีละขั้น สุดท้ายให้สำนักอักขระสวรรค์ปิดฉาก!”
สำนักอักขระสวรรค์
ยอดเขาซู่หยาง
ราตรีเคลื่อนคล้อย ดวงจันทร์ลอยอยู่เหนือกิ่งก้านพรรณไม้
เหนือยอดเขา กู่หงเฟยคุกเข่าตรงหน้าห้องโถงหลักงดงาม โดยมือถืออาหารเอาไว้
ในห้องโถงหลักตรงหน้า มีเพียงหวังเหิงที่นั่งอยู่ข้างใน
เขามองเข้าไปในห้องโถงหลัก ส่งเสียงร้องออกมา “อาจารย์ ท่านให้ศิษย์เข้าไปหาได้หรือไม่?”
คำตอบที่ได้กลับมาคือความเงียบสงัด
เขาคุกเข่าที่นี่มาหลายชั่วยามแล้ว แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ผู้อาวุโสใหญ่ยังปฏิเสธที่จะเปิดประตูให้เขา
กู่หงเฟยพยายามทะลวงเข้าไปแล้ว แต่เขาจะทะลวงค่ายกลเหนือประตูได้อย่างไร?
ศิษย์เอกทราบว่าอาจารย์เป็นพวกรักศักดิ์ศรีของตนมาก เหตุการณ์ในวันนี้ทำให้หวังเหิงเสียหน้า เขาคือผู้อาวุโสใหญ่ที่ได้รับความเคารพจากทุกคน แต่ตอนนี้กลับถูกบังคับให้ก้มหัวยอมรับความผิด แบบนี้ความยิ่งใหญ่ของเขาจะเหลืออยู่ในใจของทุกคนในอนาคตมากแค่ไหนกัน?
เมื่อคิดถึงตรงนี้ กู่หงเฟยยิ่งกล่าวโทษตัวเองมากขึ้น การบันดาลโทสะของอาจารย์ทั้งหมดเป็นเพราะเขา ถ้าไม่ใช่เพราะความละโมบโลภมาก กับความคิดอันไร้เหตุผลเกี่ยวกับฉินอี่หาน อาจารย์คงไม่ต้องเสียหน้าในวันนี้
ยิ่งกู่หงเฟยครุ่นคิดก็ยิ่งทุ่มโทษตัวเอง แรงกดดันข้างในเริ่มปั่นป่วนขึ้นมา พลังที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนพลันพุ่งออกจากร่างของผู้เป็นศิษย์ ตอนนี้อัจฉริยะรุ่นเยาว์รู้สึกว่าทั่วโลกเริ่มส่งเสียงกึกก้อง เสียงกล่าวโทษสาปส่งดังขึ้นในหูของเขา
“กู่หงเฟย เจ้ามันขยะไร้ค่า!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า อาจารย์คงไม่มาถึงจุดนี้!”
“เจ้าทำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ที่อาจารย์ทำไปมันสูญเปล่าสิ้นดี!”
สิ้นเสียง ‘ปัง’ ประตูห้องโถงหลักพลันเปิดออก จนกู่หงเฟยกระเด็นออกไปด้วยแรงกระแทก และล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรง
อัจฉริยะรุ่นเยาว์ถูกห้อมล้อมโดยพลังวิญญาณมหาศาล เสียงหมองหม่นของเคล็ดขัดเกลาใจกระจายอยู่ในหูของกู่หงเฟย
ผ่านไปหนึ่งก้านธูป กลิ่นอายรอบข้างกู่หงเฟยก็มั่นคงขึ้น
“เจ้าโง่! อยากกลายเป็นมารอย่างนั้นหรือ?!”
เสียงเกรี้ยวกราดของหวังเหิงดังขึ้น จนกู่หงเฟยกลับมามีสติ ราวกับว่าก่อนหน้านี้เขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ความโกรธที่ก่อตัวขึ้นในใจ คล้ายกับเป็นตัวอ่อนของมาร
กู่หงเฟยรู้สึกเย็นเยือกไปถึงแผ่นหลัง ก่อนรีบลุกขึ้นแล้วคุกเข่าตรงหน้าชายชรา “ขอบคุณอาจารย์ที่ช่วยข้าเอาไว้”
ถ้าหวังเหิงลงมือไม่ทันการณ์ เขาคนเดิมจะต้องสูญสิ้นเพราะความชั่วร้ายที่ก่อตัวขึ้นมาแน่
อัจฉริยะหนุ่มอาจจะถูกความโกรธครอบงำ ทำให้ความคับแค้นฝังรากลึกอยู่ในใจ
หวังเหิงนั่งลงบนเก้าอี้หลัก กุมมือซ้ายมั่น มือขวาวางที่หน้าผาก มีทั้งอารมณ์สงบและเดือดดาลระคนกัน
หลังผ่านไปไม่กี่อึดใจ หวังเหิงจึงระงับความโกรธลงได้ เขากล่าวช้า ๆ ว่า “ต่อให้เจ้าไม่สามารถกลายเป็นผู้สืบทอดได้ แต่ก็ยังมีโอกาสสืบทอดเคล็ดวิชาของข้าผู้นี้ เพื่อกลายเป็นผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต”
กู่หงเฟยได้ยินน้ำเสียงหนักใจของหวังเหิง เขาทำได้เพียงกัดฟัน ด้วยรู้สึกว่าตัวเองช่างไร้พลัง “ขอรับ”
“กลับไปฝึกฝนให้หนัก อย่าคิดให้มากความ ข้าไม่เป็นไร”
“ขอรับ”
กู่หงเฟยก้าวถอยหลัง
ในขณะที่หวังเหิงอยู่ในห้องโถงหลักเพียงลำพัง หลังดื่มชาหนึ่งถ้วย เขาก็กำมือซ้าย และปล่อยยันต์ออกไป
แถวตัวอักษรขนาดเล็กเหนือยันต์ปรากฏขึ้น
“ท่านผู้อาวุโสใหญ่ พบเด็กคนหนึ่งในแดนเหนือ มีชื่อว่าไจ่หลิง เด็กคนนี้พรสวรรค์กล้าแกร่ง มีเส้นชีพจรวิญญาณต้องสงสัย เขาถูกส่งตัวไปที่สำนักหลักแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่โปรดดูแลเขาด้วย”
ตรงพื้นที่ถูกลงนาม ‘ต้วนคงซิว’